สาเหตุที่ตัดสินใจลาออก เพราะ 1.รู้สึกสะเทือนใจต่อการเสียดินแดนของไทยกรณีเขาประวิหาร 2.ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่บริเวณแยกเกียกกาย 3.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
พล.ต.มนูญกฤต กล่าวต่อว่า สภาควรจะเป็นที่แก้ปัญหาของประชาชนแต่วันนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ จึงคิดว่าการลาออกของตนไม่กระทบใครเพราะเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน สามารถเลื่อนคนลำดับถัดไปมาทำหน้าที่แทนได้ ไม่ต้องเสียเงิน ทั้งนี้ตนมองว่าสภาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะมีแต่ความขัดแย้ง ประชาชนไม่ยอมรับโครงสร้าง จึงเกิดปัญหาซ้ำซากสะสมเหมือนฟอสซิล และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ที่สภา จู่ๆก็จะมาแก้รัฐธรรมนูญ จึงมีผู้ชุมนุมมาปิดล้อม ทำให้ประชุมสภาไม่ได้ ตนจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ทำหน้าที่ต่อไปและถ้าสภายังไม่ปรับปรุงแก้ไข ประเทศชาติก็ไปไม่รอดแน่ วันนี้ คนแตกแตกเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง หากรัฐบาลจะปราบก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ แต่จะเป็นรอยร้าวลึกในสังคม สุดท้ายก็จะแพ้ทั้งคู่ และขอพูดไว้ตรงนี้ว่าไม่ว่าฝ่ายใดชนะ จะมีการก่อการร้ายเกิดขึ้นทั่วประเทศถึงสีเหลือชนะ ถามว่าแล้วจะจัดการกลุ่มคนเสื้อแดง ได้หรือไม่ เพราะผู้ถืออำนาจรัฐในขณะนี้คือกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถ้าไม่เกิดความปรองดองกัน
เมื่อถามว่า จะวางมือจากงานการเมืองไปทำงานด้านอื่นหรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ เป็นหนทางที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียของทุกฝ่ายและให้ทุกฝ่ายมาปรองดองสามัคคีแก้ปัญหาประเทศร่วมกันโดยการตั้ง "สภาปรองดอง" ที่ให้ประชาชนทุกฝ่ายยอมรับและให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยรัฐบาลจะลาออกหรือไม่ก็ได้ และรัฐธรรมนูญจะแก้หรือไม่แก้ก็ได้ เพราะขณะนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าระบบรัฐสภาไม่สามารถเดินหน้าได้ จึงมีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาสร้างความปรองดอง รัฐบาลและฝ่ายค้านควรจะหันหน้าเข้ามาแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะเป็น อดีต จปร.7 มีการนำแนวคิดนี้ไปหารือกับเพื่อนร่วมรุ่น อย่างพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า ความปรองดองในชาติ ไม่จำเป็นต้องให้ จปร.7 แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบุคคลสำคัญหรือมีชื่อเสียง แต่คนควรจะได้มีส่วนเกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วย เมื่อถามย้ำว่าจะเรียกร้องให้ ส.ส.คนอื่นลาออกด้วยหรือไม่ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ถ้าคนอื่นเข้าใจถึงเหตุผลของตนว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของทางออกของประเทศหรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ อย่าคิดว่าตนเป็น ส.ส. แต่คิดว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้น ถามว่าวิกฤตวันนี้ใครแก้ได้ เมื่อถามว่า แล้วจะทิ้งการเมืองไปเลยหรือไม่ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ตอนนี้อายุมากแล้ว เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า "ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้ว ยังแข็งแรงดี"
ทั้งนี้ พล.ต.มนูญกฤต เป็น ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มที่ 7 ได้แก่ จ.ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรีและสมุทรสงคราม
สำหรับพล.ต.มนูญกฤต ปัจจุบันอายุ 72 ปี อดีตเคยดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7 หรือที่เรียกว่า "จปร.7" รุ่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)
หมายเหตุ: แก้ไขข้อมูลเมื่อ 26 พ.ย. 1.30น.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)