Skip to main content
sharethis

เก็บกวาดทำเนียบพบกระสุน-ระเบิดอื้อ คาดซ่อม 3 เดือน ห้องทำงานในตึกบัญชาการ 1 เสียหายหนัก ขรก.-แม่ค้าร่ำไห้เสียดายทรัพย์สิน สุริยะใสแจงดูแลไม่ทั่วถึง คาดถูกมิจฉาชีพงัดแงะ พร้อมตั้งกองทุนสู้คดี ปลัด สปน.ยันภายนอกเสียหาย 25 ล. "ปืน-รถ" หายจ้อย "จงรัก" ถกข้อหา พธม.ก่อการร้าย ชมรม ตร.ร้องดีเอสไอเอาผิดด้วย



เก็บทำเนียบเจอกระสุน-ระเบิดอื้อ
เว็บไซต์มติชน รายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรวมกำลังเคลียร์พื้นที่ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลภายหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) บุกยึดตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม กระทั่งยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม รวม 97 วัน พร้อมนัดส่งมอบพื้นที่คืนให้กับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการในเช้าวันที่ 4 ธันวาคม ปรากฏว่าการตรวจสอบพบความเสียหายภายในอาคารหลายแห่งและยังพบอุปกรณ์วัตถุระเบิดและที่ดัดแปลงเป็นอาวุธอีกจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล (ผบก.น.1) นำกำลังตำรวจนครบาล 40 นาย สุนัขดมกลิ่น 4 ตัว พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายเก็บกู้วัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธ หรือหน่วยอีโอดี จากกองทัพอากาศ และกองทัพบก การเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยภายในทำเนียบรัฐบาล โดยมีสื่อมวลชนและช่างภาพร่วมติดตามซึ่งพบกระบอง คันธง ท่อนเหล็ก ไม้กอล์ฟ เหล็กแป๊บดัดแปลงเป็นอาวุธ ลูกเปตอง เคียว ฯลฯ จำนวนมาก



ขณะที่หน่วยอีโอดีของกองทัพบกตรวจตามพื้นสนาม พุ่มไม้ มุมตึกและบริเวณเต๊นท์ของการ์ดอาสา ต้องผงะพบระเบิดปิงปองขนาดเท่าผลส้ม 2 ลูก พร้อมใช้งานตกอยู่โคนต้นไม้หน้าห้องผู้สื่อข่าวหรือรังนกกระจอกใหม่ และยังพบขวดเครื่องดื่มชูกำลัง 4 ขวด บรรจุน้ำมันเบนซินยัดไส้ด้วยเศษผ้า สามารถใช้เป็นระเบิดขวดได้บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 2 และพบประทัดยักษ์เท่าลูกเบสบอลยังไม่ใช้งานซุกอยู่ในห่อกระดาษ ซึ่งทหารเก็บกู้ระบุหากระเบิดขึ้นมามีรัศมีทำลาย 10 เมตร และอาจทำให้สูญเสียอวัยวะได้ อย่างไรก็ตาม จากตรวจสอบสรุปพบระเบิดปิงปองซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 30 ลูก ระเบิดขวดนับร้อย กระสุนปืน .38 อีก 110 นัด



รองเลขาธิการนายกฯคาดซ่อม3เดือน
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมข้าราชการทำเนียบฯนับร้อยคน มาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ร.ต.แซมดิน เลิศบุษย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร รอส่งมอบพื้นที่คืน นายลอยเลื่อนกล่าวกับ ร.ต.แซมดินสั้นๆ ว่า "ผมมาดูความเสียหายของพื้นที่ หลังพวกคุณไป"



นายลอยเลื่อนให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ไม่ได้มารับมอบพื้นที่ต่อจากพันธมิตร เพียงแต่ให้ข้าราชการแต่ละหน่วยงานมาดูความเสียหาย จากนั้นจะใช้เวลารวบรวมความเสียหาย ยังไม่ทราบใช้เวลากี่วัน เชื่อว่าภายในวันที่ 8 ธันวาคม ข้าราชการน่าจะกลับมาทำงานได้ ส่วนการปรับปรุงภูมิทัศน์ทั้งภายในและนอกทำเนียบ ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จากนั้น นายลอยเลื่อนเดินตรวจสอบความเสียหายตามอาคารและตึกต่างๆ ภายในทำเนียบ



สลด!ห้องตึกบัญชาการ1กระจุย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบความเสียหายภายในตึกบัญชาการ 1 ที่ทำงานของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และข้าราชการ พบสภาพพังยับเยิน คอมพิวเตอร์ของทุกห้องถูกรื้อเอาอุปกรณ์ภายในออกไปขาย เก้าอี้ทั้งหมดถูกกรีด กระจกห้อง หรือกรอบรูปถูกทุบแตกละเอียด เอกสารทางราชการถูกนำมายัดใส่ถุงดำกองไว้หน้าห้อง บางส่วนสูญหาย ของใช้ส่วนตัว อาทิ ทีวี ตู้เย็น พัดลม กระติกน้ำไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ หายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ห้องทำงานของนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระประธานซึ่งนายชูศักดิ์นำมาไว้ที่ห้องทำงานสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชได้หายไป รวมทั้งพระเครื่องกว่า 100 องค์ เหลือเพียง 3-4 องค์เท่านั้น และจอทีวีพลาสมาขนาด 42 นิ้วสูญหาย รูปพระราชทานถูกนำหมึกสีดำมาป้าย



ด้านห้องทำงานของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่า พระพุทธรูป คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะกว่า 10 เครื่อง และโน้ตบุ๊ก 3 เครื่องสูญหาย เหลือเพียงขวดไวน์เปล่า 1 ขวด ตั้งไว้ดูต่างหน้าบนโต๊ะทำงาน ส่วนโต๊ะทำงานของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขานุการนายกรัฐมนตรี ถูกป้ายด้วยอุจจาระ ส่งกลิ่นเหม็นคละคุ้งไปทั้งห้อง ขณะที่ศูนย์ข้อมูลทำเนียบ ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 5 ของตึกบัญชาการ 1 ถูกรื้อกระจายเช่นกัน



ขรก.-แม่ค้าร่ำไห้เสียดายทรัพย์สิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับห้องทำงานของข้าราชการเมือง ทีมโฆษก ที่ตึกบัญชาการ 2 เมื่อข้าราชการบางส่วนมาดูห้องต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น บางคนร้องไห้ครวญครางด้วยความอัดอั้นตันใจ เสียดายของที่สูญหายไป รวมทั้งข้อมูลการทำงาน ขณะที่แม่ค้าภายในทำเนียบ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าทรัพย์สินสิ่งของสูญหายจำนวนมาก และแสดงความไม่พอใจ ทำไมบอกว่าชุมนุมด้วยอหิงสา แต่ภาพที่เห็นยังกับถูกปล้น ส่วนภายในตึกสันติไมตรีเสียหายเล็กน้อยมีเพียงเก้าอี้หลุยส์ที่หายไป และเก้าอี้บางส่วนถูกทุบขาหัก ส่วนตึกไทยคู่ฟ้านั้นไม่ได้เปิดให้นักข่าวเข้าไปแต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าสภาพโดยรวมใช้ได้อยู่ โดยเฉพาะห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี 



ด้านกองรักษาการตำรวจทำเนียบซึ่งถูกนักรบศรีวิชัย ใช้เป็นที่บัญชาการปรากฏว่า ตู้ถูกงัดแงะ สิ่งของเครื่องใช้ถูกกองไว้ที่พื้น ส่วนตึกแดงซึ่งใช้เป็นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะที่ตึกนารีสโมสร พบว่าทรัพย์ส่วนใหญ่ยังอยู่ครบเนื่องจากผู้ชุมนุมเข้าไปไม่ได้ ส่วนตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ยังไม่ได้เข้าตรวจสอบความเสียหาย



พธม.อ้างดูแลทำเนียบไม่ทั่วถึง ย่อมถูกมิจฉาชีพงัดแงะ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงความเสียหายของทำเนียบรัฐบาลว่า ยอมรับว่าตึกอื่นๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล แกนนำพันธมิตรฯ ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด จึงมีมิจฉาชีพเข้าไปงัดแงะอยู่บ้าง แต่สำหรับตึกไทยคู่ฟ้าและตึกสันติไมตรี ยืนยันว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ซึ่งหากมีการฟ้องร้องทางแกนนำก็พร้อมที่จะต่อสู้คดีเพราะมีการตั้งกองทุนเพื่อการสู้คดีไว้แล้ว



ปลัดสปน.ยันภายนอกเสียหาย25ล. 
ส่วนที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ เวลา 10.00 น. นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินของส่วนราชการภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งแต่งตั้งโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมผู้บริหาร 6 หน่วยงานในทำเนียบ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานคณะกรรมการประสานงานพิเศษโครงการพระราชดำริ (กปร.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองบังคับการตำรวจสันติบาล สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางสำรวจทรัพย์สินของส่วนราชการต่างๆ หลังถูกกลุ่มพันธมิตรบุกยึด ซึ่งใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง



นายนัทีแถลงว่า เดิมตัวแทน 6 หน่วยงานจะเข้าสำรวจทรัพย์สินเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม แต่ตำรวจสันติบาล และตำรวจจ สน.ดุสิต ให้ชะลอไว้ก่อน เนื่องจากเพิ่งตรวจพบวัตถุระเบิดและอาวุธจำนวนมาก ขอเคลียร์พื้นที่ก่อน แต่จากการสำรวจความเสียหายของภูมิทัศน์ภายนอก ทั้งสนามหญ้า ระบบสปริงเกลอร์ ฯลฯ ประมาณความเสียหายเบื้องต้นที่ 25 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 5 ล้านบาท ตามที่พันธมิตรกล่าวอ้าง


 


"ปืน-รถ" ในทำเนียบหายจ้อย
นายนัทีกล่าวว่า ยังมีรายงานความเสียหายจากส่วนราชการต่างๆ ดังนี้ 1.สลค. รถตู้สูญหายไป 4 คัน ต่อมาสน.มักกะสันพบแล้วจอดทิ้งไว้ข้างถนน 1 คัน 2.สมช. รถกว่า 10 คัน ที่จอดไว้ใต้ถุนอาคาร ยางหายไปหมด 3.สปน. ยังประเมินทรัพย์สินเสียหายไม่ได้ แต่จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าโต๊ะต่างๆ ถูกรื้อค้นหมด และยังพบคอมพิวเตอร์ที่มีตรา สปน. ไปวางขายที่ตลาดนัดหลังกระทรวงศึกษาธิการในราคาถูก



"4.ตำรวจสันติบาล 3 ที่อารักขาทำเนียบ รายงานว่าอาวุธปืนและลูกกระสุนที่ถูกขโมยไป ยังไม่ได้รับคืน 5.พ่อค้าและแม่ค้าภายในทำเนียบร้องเรียนว่าถูกรื้อค้นร้านค้าและทรัพย์สินหายไปหมด ซึ่งทางราชการจะไม่เก็บเงินค่าเช่าระหว่างที่ไม่ได้เข้าไปขายของ 6-7 เดือน และจะให้สิทธิขายต่อไป" ปลัด สปน.กล่าว



นายนัทีกล่าวว่า เฉพาะเดือนแรกที่พันธมิตรเข้าไปอยู่ การไฟฟ้าได้เรียกเก็บค่าไฟจาก สลน.เพียงหน่วยเดียวถึง 900,000 บาท ทั้งที่ไม่ได้ใช้และยังมีบิลค่าน้ำอีก 200,000-300,000 บาท ยังไม่รวมถึงทรัพย์สินส่วนบุคคลที่เสียหายอีก ตำรวจและอัยการสูงสุดในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐ จึงมีการหารือเรื่องรูปคดีที่ต้องดำเนินกับพันธมิตร ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะแยกกันไปแจ้งความทั้งทางแพ่งและอาญา โดยจะตั้งชุดรับแจ้งความดำเนินคดี ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายทั้งหมดได้ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะรู้ผล



ยันต้องดำเนินคดี-ดึงอัยการช่วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร ยื่นเงื่อนไขให้รัฐบาลถอนแจ้งความพันธมิตร นายนัทีกล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ แต่ได้ทำบันทึกถึงนายชวรัตน์แล้ว คิดว่าโดยสามัญสำนึกและดูหลักกฎหมาย คงไม่มีสิทธิไปถอนแจ้งความ เรื่องนี้ อสส.จะเป็นผู้แนะนำต้องทำอย่างไร



เมื่อถามว่า การดำเนินคดีจะฟ้อง 5 แกนนำพันธมิตรหรือผู้ชุมนุมทั้งหมด นายนัทีกล่าวว่า ในพื้นที่ทำเนียบมีกล้องวงจรปิดอยู่ตามจุดต่างๆ และพันธมิตรที่ประกาศตัวก็ต้องรับผิดชอบด้วย แต่ถือเป็นการตัดสินใจของแต่ละหน่วยงาน เพราะถ้าไม่ทำหัวหน้าส่วนราชการก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่า หลังประกาศดำเนินคดีกับพันธมิตร นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความของพันธมิตรติดต่อมาหรือไม่ เพราะมีการอ้างว่ารู้จักและสนิทสนมกับปลัด สปน. ส่วนตัว นายนัทีปฏิเสธว่า "เคยได้ยินแต่เสียง ผมไม่เคยรู้จักกับพวกพันธมิตร"



ขณะที่ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความเสียหายหลังพันธมิตรปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองว่า ประเมินเบื้องต้น การบินไทยได้สูญเสียรายได้ประมาณ 518 ล้านบาทต่อวัน และยังมีค่าเสียหายส่วนอื่นๆ อีก คาดว่าน่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเกือบ 1 หมื่นล้านบาท



"จงรัก"ถกข้อหา"พธม."ก่อการร้าย
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนฑ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายป้องกันปราบปราม (รอง ผบ.ตร.ปป.) พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตัวแทน บช.ภ.1 พนักงานสอบสวน บก.ภ.จว.สมุทรปราการ บช.น. และ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ ร่วมประชุมเร่งรัดดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร หลังนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ รวมทั้งคดีที่ นพ.เหวง โตจิราการ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ กล่าวโทษให้ดำเนินคดีความผิดฐานก่อการร้ายกับ 12 แกนนำพันธมิตร



พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า พนักงานสอบสวนต้องสอบสวนไปตามกระบวนกฎหมาย จะนำคำสั่งศาลแพ่ง มาประกอบการพิจารณา ซึ่งคำสั่งศาลแพ่งระบุว่าการปิดกั้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อศาลแพ่งชี้ขาดไว้เช่นนี้ พนักงานสอบสวนต้องยึดถือตามคำชี้ขาดของศาลว่าการชุมนุมไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และสอบสวนตามขั้นตอนเว้นแต่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น



ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรถูกกล่าวโทษฐานก่อการร้าย พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า ความผิดฐานก่อการร้ายเป็นความผิดที่กำหนดขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2546 มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต แต่ยังไม่มีใครเคยถูกกล่าวโทษกระทำผิดฐานนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ หากเพียงพอก็จะสรุปส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป



ชมรม ตร.ร้องดีเอสไอเอาผิดด้วย
พล.ต.ต.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.บก.ป.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ 12 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฐานก่อการร้ายว่า ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ จำต้องพิจารณากันหลายด้าน และยังมีผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.ดอนเมือง และ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ อีกด้วย จึงคาดว่าทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงคงมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาเป็นรูปคณะกรรมการพิจารณา ส่วนพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรที่พาผู้ชุมนุมบุกยึดสนามบินนั้นคงไม่สามารถให้ความเห็นได้



ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า วันนี้ (วันที่ 4 ธันวาคม) พ.ต.ท.พร แก้วช้าง ในฐานะตัวแทนชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจเพื่อประชาชนแห่งชาติ มาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.จำลอง และกลุ่มพันธมิตรอีก 13 คน ที่ร่วมกันปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ในข้อกล่าวหาว่าร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/183 และความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งดีเอสไอจะสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยร่วมกับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตามอำนาจหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมต่อไป



เสื้อแดงป้องกันสภาเลือกนายกฯ
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่จะปิดล้อมรัฐสภา เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองมาขัดขวางการประชุมรัฐสภานั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อมีความชัดเจนกรณีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณากรอบการเจรจาการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่าเป็นวันใดแล้ว ภายในเช้าวันนั้นกลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมยึดพื้นที่หน้าอาคารรัฐสภา เพื่ออำนวยความสะดวกให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีและป้องกันการขัดขวางด้วยกระบวนการต่างๆ ในทันที โดยมวลชนของกลุ่มเสื้อแดงนั้นจะมีพระสงฆ์มาร่วมในวันนั้นด้วย 2 พันรูป


 


 


..............................................


ที่มา: เว็บไซต์มติชน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net