สปป.ลาวฉลองวันชาติปีที่ 33

ประธานประเทศลาวกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสฉลองวันชาติครบรอบ 33 ปี ชี้เศรษฐกิจขยายตัว ให้คำมั่นพัฒนาความเป็นอยู่ของทุกชนชาติ ร่วมมือกับทุกประเทศในโลกเพื่อสันติภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้านเอกอัครราชทูตลาวประจำกรุงเทพฯ ส่งสารเนื่องในวันชาติมายังประชาชนชาวไทย

 

พล.ท.จูมมะลี ไชยะสอน ประธานประเทศลาว นำคณะพรรคประชาชนปฏิวัติลาวและคณะรัฐบาลวางพวงมาลาไว้อาลัยที่อนุสาวรีย์นักรบนิรนาม นครเวียงจันทน์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 33 ปี วันชาติแห่ง สปป.ลาว ที่มาของภาพ: หนังสือพิมพ์ประชาชน (Pasaxon) 1 ธ.ค.

 

 

กรมการเมือง สปป.ลาว วางพวงมาลาเนื่องในวันชาติปีที่ 33

วิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว รายงานข่าวเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันชาติแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ครบรอบ 33 ปี ในวันที่ 2 ธ.ค. โดยคณะนำพรรครัฐบาลนำโดย พล.ท.จูมมะลี ไชยะสอน เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ประธานประเทศลาว ได้นำเอาพวงมาลาเข้าไว้อาลัยถึงวิญญาณของพนักงานนักรบปฏิวัติ ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชน ที่อนุสาวรีย์นักรบนิรนาม จัตุรัสธาตุหลวง นครเวียงจันทน์ ในช่วงเช้าของวันที่ 1 ธ.ค.

 

เมื่อ 33 ปีก่อน ในปี 2518 พรรคประชาชนปฏิวัติลาวโดยการนำของเจ้าสุภานุวงศ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและพรรคลาวด๋องหรือพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยที่มีเจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนาเป็นประมุข ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา โดยนำเจ้ามหาชีวิตและมเหสีไปคุมขังในค่ายกักกันจนสิ้นพระชนม์ และสถาปนาประเทศลาวเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ 2 ธันวาคม 2518

 

และในวันที่ 2 ธ.ค. คณะกรมการเมือง ศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว นำโดยนายทองบัน แสงอำพอน คณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันและความสงบ และนางบุนเพ็ง บุนโพซัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ในโอกาสครบรอบ 33 ปีวันชาติด้วย

 

โดยผู้ป่วยที่ได้รับการเยี่ยมส่วนใหญ่เป็นข้ารัฐการที่เกษียณอายุและอดีตทหารผ่านศึก ที่โรงพยาบาลมิตรภาพ โรงพยาบาลมโหษธ และโรงพยาบาล 103 คณะกรมการเมืองยังได้ให้กำลังใจและชมเชยอย่างสุดอกสุดใจ ต่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเอาใจใส่รับใช้ประชาชนและยังมอบถุงยังชีพแก่ผู้ป่วยด้วย

 

 

ประธานประเทศกล่าวสุนทรพจน์ชี้เศรษฐกิจโต เงินเฟ้อลดลง

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. สำนักข่าวสารประเทศลาว (KPL) ยังได้เผยแพร่สุนทรพจน์เนื่องในวันชาติของ พล.ท.จูมมะลี ไชยะสอน ประธานประเทศลาว ซึ่งกล่าวต่อบรรดานักการทูตนานาประเทศในนครเวียงจันทน์ มีเนื้อหากล่าวถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ที่เติบโตถึงร้อยละ 8 ในรอบปี รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชาชนอยู่ที่ 810 เหรียญสหรัฐ เงินเฟ้อลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ค่าเงินกีบมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ อุตสาหกรรมและพาณิชย์กรรมขยายตัว มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้ประชาชนตั้งถิ่นที่อยู่ถาวร ต่อสู้กับความยากจนอย่างไม่ลดละ ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชาวลาวทุกกลุ่มชาติพันธุ์ เพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ รัฐบาลมีการดูแลระเบียบของสังคม ความมั่นคงของชาติและเสถียรภาพของการเมือง นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการศึกษา วัฒนธรรม และสาธารณสุขของชาติ นอกจากนี้ชนชาติพันธุ์ต่างๆ ในชาติก็ยินดีร่วมมือสร้างความสมัครสมานสามัคคีปรองดอง และมีความมั่นใจต่อความเจริญก้าวหน้าของ สปป.ลาว

 

ประธานประเทศลาวยังกล่าวขอบคุณมิตรประเทศ องค์กรระหว่างเทศ ที่ให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับ สปป.ลาวมาโดยตลอด และยังให้หลักประกันว่า สปป.ลาว จะสนับสนุนนโยบายปฏิรูปประเทศไปสู่ความมั่งคั่ง มุ่งไปยังนโยบายต่างประเทศที่ใฝ่สันติภาพ อิสรภาพ และสร้างมิตรภาพกับทุกประเทศในโลกเพื่อสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย

 

 

จีนส่งโทรเลขอวยพร

สถานีวิทยุสากลแห่งประเทศจีน ภาคภาษาลาว รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ท่านหูจิ่นเทา เลขาธิการใหญ่ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานประเทศจีน ท่านหูปังกั๋ว ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน และท่านเหวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ได้ส่งโทรเลขไปยัง พล.ท.จูมมะลี ไชยะสอน เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ประธานประเทศลาว ท่านทองเส็ง ธัมมะวง ประธานสภาแห่งชาติลาว และท่านบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีลาว เพื่ออวยพรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จัดตั้งขึ้นครบรอบ 33 ปี

 

โทรเลขเขียนว่า

"ใน 1 ปีมานี้ การเปลี่ยนแปลงใหม่และเปิดประตูสู่ภายนอกของลาว ได้รับผลอย่างหลวงหลาย การเมืองมีเสถียรภาพ สังคมมีความสงบ เศรษฐกิจได้พัฒนา ชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนได้ปรับปรุงดีขึ้น ฐานะและชื่อเสียงเรียงนามในสากลก็ได้ยกสูงขึ้น ในฐานะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง พวกข้าพเจ้ารู้สึกดีใจหลาย จีนเอาใจใส่ในระดับสูงนำการขยายการร่วมมือมิตรภาพกับลาว ยินดีพร้อมกันกับลาวทำความพยายามซุกหยู้การพัวพันร่วมมือรอบด้านที่มั่นเคียงยาวนาน เป็นประเทศใกล้เคียงที่ดีต่อกัน ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันระหว่างจีนกับลาว ก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่อย่างบ่หยุดยั้ง ขออวยพรให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เจริญรุ่งเรือง มั่งคั่งเข้มแข็ง ประชาชนลาวมีความสุข"

 

ขณะเดียวกันนายหยางเจียฉือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็ได้ส่งโทรเลขไปยัง ดร.ทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว

 

ทั้งนี้ในช่วงฉลองวันชาติของลาว นายจาง ซิน หลิง ผู้ประจำการกรมการเมือง ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานคณะกรรมการทั่วประเทศ สภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนพร้อมคณะได้เดินทางมาเยือน สปป.ลาวอย่างเป็นทางการในช่วง 1-3 ธ.ค. ตามคำเชิญของนายสีสะหวาด แก้วบุนพัน กรรมการกรมการเมืองศูนย์พรรค ประธานคณะกรรมการแนวลาวสร้างชาติด้วย

 

ทั้งนี้จีนและลาวในระยะอันใกล้มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างแนบแน่น ปัจจุบันมีการพัฒนาเส้นทาง R3a เพื่อเชื่อมต่อลาวกับจีนตอนใต้เพื่อประโยชน์ในการขนส่ง ลาวยังยอมให้จีนระเบิดแก่งในแม่น้ำโขงในช่วงที่ผ่านลาวเพื่อประโยชน์ในการขนส่งสินค้าทางเรือ และยอมให้มีการตั้ง "ตลาดจีน" ในลาวซึ่งเป็นตลาดที่มีผู้ค้าเป็นชาวจีน นำเข้าสินค้าจากจีนมาจำหน่าย โดยมีตลาดลักษณะนี้กระจายอยู่หลายเมืองตามแม่น้ำโขงและในนครเวียงจันทน์ด้วย

 

 

เวียดนามและพม่าส่งโทรเลขมายินดี

วิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว กระจายเสียงจากนครเวียงจันทน์ ยังรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. สหายฟามยาเกียม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้ส่งโทรเลขอวยพรถึง สหาย ดร.ทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่ง สปป.ลาว เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันชาติแห่ง สปป.ลาว ครบรอบ 33 ปี ในนามการนำและพนักงานรัฐกรของกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามทุกถ้วนหน้า ข้าพเจ้าขอส่งความคำนับชมเชยอันอบอุ่น ความสามัคคี ฮักแพงอันสนิทสนมฐานสหายอ้ายน้อง และคำอวยพรอันประเสริฐและอบอุ่นที่สุดมายังสหายพร้อมด้วยพนักงานรัฐกรของกระทรวงการต่างประเทศแห่ง สปป.ลาว ทุกถ้วนหน้า

 

นอกจากนี้วิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ยังรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ท่าน พล.อ.อาวุโส ตานฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ ผู้นำสหภาพพม่าก็ได้ส่งโทรเลขอวยพรมายัง พล.ท.จูมมะลี ไชยะสอน ประธานประเทศลาวเนื่องในโอกาสวันชาติด้วย

 

 

สารจากเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ถึงประชาชนชาวไทย

และนายอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย ยังได้ส่งสาร "2 ธันวาคม 2551 เฉลิมฉลองวันชาติลาว" มายังประชาชนชาวไทย ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 2 ธ.ค. ด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

 

2 ธันวาคม 2551 เฉลิมฉลองวันชาติลาว

 

ในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ประชาชนชาวลาวร่วมกันเฉลิมฉลองวันครบรอบปีที่ 33 ของวันชาติแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีต่อประชาชนชาวลาวที่พำนักอยู่ในประเทศไทย

 

ในศุภดิถีที่ประชาชนลาวไทยเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาพรรษาครบรอบ 81 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีนี้ ในนามของรัฐบาลของประชาชนชาวลาว ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสถวายชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และขอแสดงความยินดีต่อรัฐบาลและประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย มา ณ ที่นี้

 

ในทางภูมิศาสตร์ ประเทศลาวตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และวัฒนธรรมที่ประชาชนชาวลาวมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ด้านการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กำลังดำเนินการตามแผนห้าปี ฉบับที่หก ซึ่งคลอบคลุมระหว่างปี 2549-2553 โดยมีเป้าหมายที่จะเร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนการปฏิรูปเศรษฐกิจและการจ้างแรงงานด้วยการสร้างตลาดเศรษฐกิจบนพื้นฐานของทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์ของประเทศ และการร่วมมือกับนานาชาติ เพื่อขยายและพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อพัฒนาวัฒนธรรมและสังคมให้เป็นไปตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ลดความยากจนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเมืองและความปลอดภัยทางสังคมจากเป้าหมายต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการเจริญเติบโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 7.5-8 ต่อปี ตลอดแผนฉบับที่หก

 

ตลาดปีนี้ความมั่นคงทางการเมืองและสังคมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นที่น่าพอใจการพัฒนาทางด้านสังคมและเศรษฐกิจประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังที่เห็นได้จากการขยายตัวของอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่สูงถึงร้อยละ 8

 

ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทางรัฐบาลลาวจะยังคงดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เน้นถึงสันติภาพความเป็นเอกเทศมิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างกัน ปัจจุบันนี้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีความสัมพันธ์และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลกที่หลากหลาย และมีส่วนร่วมในความร่วมมือภายในอาเซียนและหุ้นส่วนการเจรจาต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ได้ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการเพิ่มโครงการความร่วมมือและพัฒนากับอนุภาค อาทิ การพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกและเหนือ-ใต้ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทางรัฐบาลลาวมีนโยบายที่จะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางจุดผ่านของภูมิภาค และจะเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเลมาเป็นจุดเชื่อมของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ในอนาคต

 

ด้านความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับประเทศไทย ปี 2551 เป็นอีกปีหนึ่งที่มีความสำคัญระหว่างประชาชนและรัฐบาลของทั้งสองประเทศ โอกาสสำคัญนี้ทำให้ข้าพเจ้ารำลึกถึงปี 2535 ที่ ฯพณฯ นายไกรสร พรหมวิหาร ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีโอกาสมาเยือนประเทศไทย และการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปี 2537 ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ

 

การที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างสม่ำเสมอ และทรงพระกรุณาเป็นองค์ประธานในการฉลองเทศกาลสงกรานต์ทุกปีที่สถานทูตลาว แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างประชาชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและประเทศไทยเป็นอย่างดี

 

ด้านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศได้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ด้าน ในด้านการลงทุนระหว่างปี 2531 ถึงมกราคมปี 2551 ประเทศไทยมีการลงทุนเป็นอันดับหนึ่ง โทดยมี 360 โครงการ มูลค่ารวม 2,567 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศมีมากกว่า 61,503 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา นอกจากการค้าและการลงทุนความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศยังมีในอีกหลายด้าน อาทิ การขนส่งพลังงาน การศึกษา เป็นต้น และยังมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในกรอบความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ เช่น อาเซียน อาเซม สหประชาชาติ อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น

 

ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีต่อประเทศไทยที่ได้เป็นประธานแห่งอาเซียนเราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถผลักดันให้อาเซียนเป็นองค์กรภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดองค์กรหนึ่ง

 

รัฐบาลแห่งประเทศลาวจะเสริมสร้างสัมพันธไมตรีและความร่วมมือกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของทั้งสองประเทศ และเพื่อสันติภาพความมั่นคง ความร่วมมือ และความพัฒนาสถาพรของภูมิภาคนี้

 

สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอขอบคุณหนังสือพิมพ์มติชนและผู้อ่านทุกท่าน ที่ได้ให้การส่งเสริมสนับสนุนการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันระหว่างประชาชนแห่งประเทศลาวและประเทศไทย

 

 

ทุ่นระเบิดจากฟากฟ้า มรดกหลังสงครามและการปฏิวัติ

 

 

ทา ดวงชม ผู้สูญเสียอวัยวะเพราะกับระเบิด ที่สหกรณ์ผลิตข้อต่อกระดูกและอวัยวะเทียม (COPE) นครเวียงจันทน์ ภาพนี้เผยแพร่โดย COPE เมื่อ 19 ธ.ค. (AFP/HO COPE/File/Stanislas Fradelizi)

 

และแม้ สปป.ลาว จะผ่านสงครามเวียดนามและสงครามกลางเมืองเพื่อปลดปล่อยประเทศจากแอกจักรพรรดินิยมและแอกศักดินามาแล้วกว่า 3 ทศวรรษ แต่บาดแผลและความเจ็บปวดของสงครามก็ยังปรากฏให้เห็น สำนักข่าวเอเอฟพี โดย Claire Truscott เผยแพร่รายงาน "หัวหน้าครอบครัวถูกทำลายโดยมรดกของสงคราม" (Breadwinners blighted by legacy of decades-old war in Laos) เมื่อ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา

 

โดยบอกเล่าเรื่องราวของหลายชีวิตใน สปป.ลาว ที่ต้องสูญเสียอวัยวะเพราะเหยียบกับระเบิดชนิดลูกปราย ที่ถูกโปรยมาจากเครื่องบินรบของสหรัฐอเมริกา องค์กรกู้ระเบิดลาว (UXO Lao) ประมาณการว่ามีวัตถุระเบิดกว่า 260 ล้านตันถูกทิ้งลงมาทางอากาศโดยสหรัฐอเมริกา และทุกวันนี้ชาวลาวเหยียบกับระเบิดเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1 ราย

 

ทั้งนี้ระเบิดลูกปราย เป็นอาวุธที่อำพรางตัวเองกว่าทุ่นระเบิด และระเบิดลูกปรายสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นได้แม้ว่ามันจะถูกปล่อยมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

 

เกิดระเบิดขึ้นด้านหน้า ของ "ทา ดวงชม" ขณะที่เขาขุดหาอาหารในตอนใต้ของลาวกับลูกชาย 2 คน ทำให้แขนของเขาขาดและเสียดวงตา 1 ข้าง ทำให้เขาไม่สามารถช่วยเหลือภรรยาและลูกๆ 7 คนได้อีกเลย

 

"ฉันไปเพาะปลูกไม่ได้ อยู่ได้แต่บ้าน ช่วยครอบครัวไม่ได้เลย" เขากล่าว

 

ทอมมี่ สิลัมพัน อายุ 19 ปี เมื่อ 11 ปีก่อนเขาถูกระเบิดระหว่างตัดไม้ไผ่จนต้องเสียแขน

 

"ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ ฉันรู้สึกไม่เหมือนคนทั่วไป และฉันกังวลมากว่าจะมีชีวิตอย่างปกติได้อย่างไร และฉันจะเรียนต่อได้หรือไม่"

 

"เมื่อตอนฉันเป็นเด็ก ฉันอยากเป็นตำรวจ" เขาบอกกับเอเอฟพี

 

Mark Hiznay อดีตทหารผ่านศึกสหรัฐอเมริกาปัจจุบันทำงานกับ Human Right Watch ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์กกล่าวว่ามีประเทศมากกว่า 150 ประเทศลงนามในอนุสัญญาต่อต้านทุ่นระเบิดปี 1997 แต่กับระเบิดชนิดลูกปรายยังคงเป็นอาวุธถูกกฎหมาย แม้ว่ามันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น

 

"อย่างไรก็ตาม อานุภาพที่กับระเบิดลูกปลายมี ถูกให้ความสำคัญมากกว่าปัญหาที่พวกมันก่อในทุกที่ ที่พวกมันถูกใช้" Hiznay กล่าว

 

Hiznay รณรงค์อย่างแข็งขันให้มีการลงนามต่อต้านกับระเบิดชนิดลูกปราย โดยจะมีการลงนามที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ในวันที่ 3 ธ.ค. นี้

 

สัญญานี้จะห้ามการใช้ การผลิต การโยกย้าย การเก็บ กับระเบิดชนิดลูกปลาย และให้ทุกประเทศกำจัดกับระเบิดชนิดลูกปลายที่ยังไม่ได้นำไปใช้ให้หมดสิ้นภายใน 10 ปี

 

โดยลาวลงนามในสัญญาดังกล่าวพร้อมกับอีก 100 กว่าชาติ แต่ประเทศผู้ผลิตหลักๆ และประเทศที่มีระเบิดชนิดนี้ในครอบครองอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย อิสราเอล และปากีสถาน ไม่เข้าร่วมการประชุมเพื่อร่างอนุสัญญาดังกล่าวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

สิงคโปร์ยืนยันว่าจะไม่ลงนาม โดยกล่าวว่าการห้ามใช้ระเบิดลูกปรายไม่มีผลในทางปฏิบัติเพราะหลายๆ ประเทศต้องใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง

 

กลับไปที่ลาว ในขณะที่ "แยลี" กำลังรอขาเทียมคู่ใหม่ "ทอมมี่" และ "ทา ดวงชม" กำลังสอนให้ผู้คนรับรู้ถึงอันตรายของกับระเบิดลูกปราย ท่อมมีไม่อาจเป็นตำรวจได้ตามฝัน เพราะร่างกายพิการแต่เขาก็ใช้เวลาในแต่ละวันในสำนักงานด้วยงานพิมพ์ดีดด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

 

ทอมมี่บอกว่า "ฉันคิดถึงวันที่จะไม่มีกับระเบิดในดิน และเมื่อถึงวันนั้น ผู้คนจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท