Skip to main content
sharethis


พธม.เอาอีก ถวายฎีกาขอนายกฯ คนนอก


เว็บไซต์ไทยรัฐ : เวลา 14.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่โรงแรมศรีพัฒนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด และเครือข่ายสมัชชาประชาชน จ.นครราชสีมา กว่า 20 คน ร่วมกันออกแถลงการณ์สนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล แทนการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยนายไชยวัฒน์กล่าวว่า ในประเทศต่างๆ ที่มีการพัฒนาประชาธิปไตย อาจมีปัญหาความไม่ปกติของบ้านเมืองเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องนำหลักความมั่นคงของชาติและหลักความปลอดภัยของประชาชนมาใช้ ดังนั้น การตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล มิใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นรัฐบาลที่มาจากความยินยอมพร้อมใจของประชาชน หน้าที่หลัก 3 ประการของรัฐบาลเฉพาะกาลได้แก่ การแก้ปัญหาความแตกแยก การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการรักษาความมั่นคงของชาติ ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะมีการร่วมหารือกันระหว่างเครือข่ายนิด้าพัฒนาการเมือง เครือข่ายฟื้นฟูชาติและประชาธิปไตย และเครือข่ายภาคี เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส กราบบังคมทูลถวายฎีกา ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะในวันที่ 9 ธ.ค. 51



 


 


"สุริยะใส" ฟันธงเปลี่ยนขั้วก็ไม่ดีขึ้น


เว็บไซต์ไทยรัฐ : นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า คิดว่าสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ อาจจะมีการพลิกผันได้ในนาทีสุดท้าย จนกว่าผลการโหวตนายกฯ คนใหม่ จะเสร็จสิ้นลงเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แต่หากยังเข็นรัฐบาลนอมินีภาค 3 มายัดเยียดให้สังคมอีก ก็เป็นเรื่องยากอายุคงสั้นกว่ารัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ต.ท.ทักษิณอาจเปลี่ยนวิธีในการถืออำนาจ แทนที่จะตั้งรัฐบาลนอมินี เหมือนที่ผ่านๆมา ก็อาจใช้วิธีลับลวงพราง ด้วยการส่งกลุ่มการเมืองหรือบรรดาลิ่วล้อ ไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการตั้งรัฐบาล เพราะจะได้ไม่ตกเป็นเป้าโจมตีจากสังคม ถ้าสุดท้ายแล้วพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จริง สังคมก็ต้องติดตามดูนโยบายและวิธีทำงานว่าตรงไปตรงมาแค่ไหน โดยเฉพาะการจัดการกับระบอบทักษิณ ส่วนบทบาท 5 แกนนำพันธมิตรฯยังไม่มีความคิดสลายตัวหรือยุติบทบาทในระยะนี้ ทุกคนยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อมีความชัดเจนเรื่องรัฐบาลใหม่ ก็จะมีการหารือเพื่อกำหนดท่าทีต่อไป พันธมิตรฯ ยังมีความมุ่งมั่นผลักดันแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ เตรียมเดินสายสัญจรในต่างจังหวัด เพื่อผลักดันให้กับรัฐบาลใหม่ และสังคมได้ต่อไป



 


 


พีเน็ตแนะ"เพื่อไทย" หลีกทางปชป.


สยามรัฐ : นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง (พีเน็ต) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า พรรคเพื่อไทยควรเปิดโอกาสให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนได้ให้โอกาสกับพรรคพลังประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จจึงควรเปิดโอกาสให้กับพรรคอันดับรองลงมา ได้เข้ามาพิสูจน์ความสามารถในการบริหารประเทศ ตามมารยาททางสังคม


 อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะใช้วิธียุบสภา หากพรรคประชาธิปัตย์สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้


 


 


กองทัพปัดชักใย


ข่าวหุ้น : พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า มีพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองมาขอคำแนะนำจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จริงโดยผู้บัญชาการทหารบกให้คำแนะนำไปว่า การเมืองควรแก้ปัญหาด้วยการเมืองเองและปฏิเสธเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจับขั้วทางการเมือง


 


ทั้งนี้ กองทัพหวังว่า นักการเมืองจะทำทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ยอมเสียสละส่วนตนและพวกพ้อง เพราะที่ผ่านมาประเทศชาติได้รับบทเรียนมาเยอะแล้ว จึงไม่ต้องการให้ประเทศชาติเสียหายมากไปกว่านี้


 


พร้อมกันนี้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรมาจากพรรคการเมืองใด และไม่ได้แสดงท่าทีเกี่ยวกับกรณีที่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เดินทางกลับประเทศไทยด้วย


 


 


นปช.ชี้ทหารรัฐประหารซ่อนรูป 13ธ.ค.นัดรวมพลใหญ่เสื้อแดง


ข่าวหุ้น : แกนนำ นปช. ออกโรงจวกนายทหารใหญ่อยู่เบื้องหลังการล็อบบี้จัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซัดนักการเมืองที่สยบสมยอมให้ทหารถือว่าทรยศระบอบประชาธิปไตย ลั่นวันที่ 13 ธ.ค. นักรวมพลใหญ่คนเสื้อแดง พร้อมกับเตรียมแฉรายละเอียดของรัฐประหารซ่อนรูป


 


นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้จัดรายการ "ความจริงวันนี้" แถลงข่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายวีระ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นการจัดการโดยฝ่ายอื่นนอกเหนือจากฝ่ายรัฐบาล ตนได้รับการยืนยันจากคนที่อยู่ในสถานการณ์ว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา มีการพบปะกันที่บ้านนายทหารใหญ่ เพื่อเกลี้ยกล่อมพรรคการเมืองให้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยอ้างว่าได้รับคำสั่งมาอีกต่อหนึ่ง


 


ดังนั้น ในนามของกลุ่มเสื้อแดง ขอเรียกการกระทำดังกล่าวว่า "การรัฐประหารซ่อนรูป" ทั้งนี้ เราไม่ขัดข้องว่าใครจะจัดตั้งรัฐบาล แต่ขอให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งหมดเกิดจากการอำนวยการสร้างของทหาร ซึ่งเป็นวิธีที่รังเกียจ


 


นายวีระ กล่าวต่อว่า ผู้ที่รักประชาธิปไตยต้องออกมาต่อต้านพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะทหารเข้ามาแทรกแซงการเมือง และทหารได้แสดงอาการกินปูนร้อนท้อง ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง อยากถามว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์เดินทางจากพรรคไปโรงแรมสุโขทัยเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมง ก็เพราะเลี้ยวรถไปที่ ร. 1 พัน 1 นักการเมืองที่สยบสมยอมให้ทหารถือว่าทรยศระบอบประชาธิปไตย


 


จึงขอฝากไปยังเพื่อนผู้รักประชาธิปไตยว่า เราจะทำความเข้าใจกันในเรื่องนี้ในวันที่ 13 ธันวาคม 252 จะพูดถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นของรัฐประหารซ่อนรูป และขอบอกไปยังประชาชนไม่ว่าเสื้อสีใดว่าถ้ารักประชาชนแล้วจะยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้


 


 


"มาร์ค" เชิญ ส.ส.ร่วมอุดมการณ์ ตั้งรัฐบาลแก้วิกฤติชาติ


เว็บไซต์แนวหน้า : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส.ส.หลายคนที่ยังไม่สังกัดพรรคการเมือง ยังมีโอกาสตัดสินใจเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.ท่านใดมองว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความตั้งใจและสามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ขอเชิญชวนมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณเพื่อนส.ส.และพรรคการเมืองต่างๆ ที่แสดงเจตนารมณ์ และสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล แต่คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ด้วยการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรและนัดวันลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทั้งนี้ แรงกดดันจากสังคมจะเป็นตัวสร้างความกดดันและพลังในการฟื้นฟูประเทศ ตนเห็นว่านักการเมืองและพรรคการเมืองที่ดี ต้องฟังแรงกดดันจากสังคมและความคาดหวังของประชาชนเป็นหลัก


 


 


นักธุรกิจเชียร์ 'ประชาธิปัตย์' แนะเร่งฟื้นศก.


ไทยโพสต์ : เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมสลับขั้วเตรียมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ จะส่งผลทำให้ประเทศชาติสงบขึ้น เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่มีการเคลื่อนไหวออกมาต่อต้าน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนชาวต่างประเทศและในประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งหากปีหน้าบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่สงบ คงส่งผลทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยขยายตัวอยู่ที่ระดับ 0-3% แต่ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเร่งทำงานโดยทันที ด้วยการกระตุ้นด้านส่งออก, ท่องเที่ยว, SME ภายหลังที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ ยังคงตัวเลขอัตราการว่างงานในปีหน้าไว้ที่ 1 ล้านคนตามเดิม แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยลงอีก 1% และภาครัฐเตรียมลดภาษีเงินได้นิติบุคคล


 


ทางด้านนายสุวรรณลภ ภูวบัณฑิตสิน ประธานหอการค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เป็นกลยุทธ์ที่จะหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ ว่าใครจะมีฐานเสียงมากกว่ากันในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ขณะนี้ดูจากตัวเลขหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามที่แถลงไว้ ก็เชื่อว่าอาจจะโดนหลายฝ่ายตำหนิ เนื่องจากปัญหาสำคัญของประเทศไทยในขณะนี้คือปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาการปรับลดพนักงานในต้นปีหน้า เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ชำนาญในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทยที่มีทีมเศรษฐกิจแข็งกว่า


 


นายสุวรรณลภ กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะบริหารประเทศไม่โดนใจประชาชน และอาจจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจไม่ทันกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปัจจุบัน แต่ข้อดีของพรรคประชาธิปัตย์คือ มักจะฟังเสียงคำท้วงติงจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยและนำมาปรับแก้ ซึ่งอาจจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบพรรคเพื่อไทย ขณะที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการยุบสภาฯ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายอภิสิทธิ์มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ และเมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้งใหม่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคร่วมรัฐบาลที่ย้ายไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์อาจจะสอบตก เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังนิยมนโยบายประชานิยม


 


นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ หากยังเป็นการจับขั้วเดิมและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาใหม่ ปัญหาความขัดแย้งก็จะกลับมาอีกและไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจึงเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าลงตัวหรือไม่ต้องติดตามต่อไป


 


ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวด้วยว่า ในภาพรวมเท่าที่ได้มีการพูดคุยกับภาคเอกชนต่างๆ ยอมรับได้ แม้ว่านายอภิสิทธิ์จะมีจุดอ่อนและถูกมองว่ากระดูกยังไม่แข็งพอ แต่เชื่อว่า การที่นายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลที่อยู่ในวงการเมืองมานาน และมีประสบการณ์ต่างๆ มาหลายปี น่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาและความขัดแย้งของบ้านเมืองได้ อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และพรรคที่เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล หลายคนเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์สูง น่าจะดึงเข้ามาช่วยบริหารบ้านเมืองได้ โดยเฉพาะต้องเร่งแก้ไขปัญหาความเชื่อมั่นอันดับแรก ที่จะต้องดึงการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กลับมาโดยเร็ว


 


ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้า จ.สงขลา กล่าวว่า จะต้องออกมาในรูปของความสมานฉันท์ เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังบอบช้ำและเป็นไข้ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่มากมายพอสมควร โดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง จะเป็นหนทางที่ดีที่สุด โดยยอมให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะสามารถลดแรงกดดันลงไปได้มากในภาวะวิกฤติเช่นนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าขั้วการเมืองเดิมจะไม่ดี แต่หากยังจับขั้วเดิมอยู่ แรงต่อต้านก็จะยังคงมีอยู่และปัญหาเดิมๆ จะไม่จบ


 


ประธานหอการค้า จ.สงขลา กล่าวว่า หากการเมืองหลังจากนี้ กลุ่มของขั้วการเมืองเดิมยังสามารถเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเคลียร์ สะอาด และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ไม่ใช่คนที่ทำงานเพื่อพรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทย และถ้าเป็นไปได้จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลก่อนเลยยิ่งดี ที่สำคัญบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ คนต่อไป จะต้องเก่งในเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะปัญหาของประเทศขณะนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจที่ยังรอให้รัฐบาลชุดต่อไปเข้ามาเร่งฟื้นฟู


 


นายดำรงค์ เภตรา ประธานชมรมสันนิบาตเทศบาลภาคตะวันออก กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ยังหวังให้นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้ว ประกอบกับวิกฤติบ้านเมืองต้องใช้คนมีความสุขุมและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มองแล้วยังขาดประสบการณ์ ที่สำคัญหากเข้ามาแล้วต้องเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ต้องมีรัฐมนตรีที่เข้มแข็ง หรือเป็นไปได้ควรเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ใช้คนในพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่ายังมีมือเศรษฐกิจดีอีกหลายคน และการทำงานไม่อยากให้เน้นในเรื่องกฎหมายมากนัก ไม่เช่นนั้นการแก้ไขปัญหาของประเทศจะไม่ทันการณ์


 


นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากนี้ขอเพียงแค่รัฐบาลที่จะขึ้นมาเป็นรัฐบาลที่ทุกฝ่ายยอมรับให้บริหารบ้านเมือง เมื่อจัดตั้งขึ้นมาแล้วจะไม่นำไปสู่การขัดแย้งถึงขั้นใช้ความรุนแรงในประเทศอีกเป็นพอ ส่วนความคาดหวังที่จะให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ-ตนไม่ได้หวัง ขอเพียงจัดตั้งแล้วไม่นำไปสู่ความวุ่ยวายชุมนุมประท้วงอีก การแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังจากนี้ ภาคเอกชนต้องช่วยตัวเองพึ่งตัวเองให้มากที่สุด ไม่ได้หวังจากรัฐบาลใหม่ และเตรียมรับมือไว้แล้วที่จะก้มหน้าฟื้นฟูซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร


 


นายณรงค์ กล่าวว่า ประเมินว่าปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจไทยโดยรวมจะรุนแรงยิ่งกว่าการเผาผี แต่จะเป็นปีตายอนาถาหนัก ถึงขั้นไม่มีใครเผา ดังนั้น สูตรรัฐบาลที่จะจัดตั้งเข้ามาบริหารประเทศกันหลังจากนี้ ขอเพียงเป็นสูตรที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ หรือหากยอมรับไม่ได้ ทุกฝ่ายต้องยึดเอาระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ตั้งคืนอำนาจให้กับประชาชน โดยไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ใครทำอะไรเสียหายต้องรับผิดชอบ เพื่อที่จะเร่งสร้างความเชื่อมั่น หรือไม่ลดความเชื่อมั่นด้านการลงทุนไปมากกว่าที่เป็นอยู่


 


 


ปลื้มชูเมืองสงบสุข ลั่นจัด"โซนนิง"ม็อบ


โพสต์ ทูเดย์ : ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ในนามอิสระ เปิดเผยว่า มีนโยบายที่จะสร้างกทม. ให้เป็นเมืองแห่งความสงบสุข โดยอาจพิจารณาจัดพื้นที่ชุมนุมให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ อย่างถูกกฎหมายโดยเฉพาะ เพื่อให้ไม่รบกวนประชาชนทั่วไป


 


นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนัดบองมาเช่ ย่านประชาชื่น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เร่งแก้ไขปัญหาขยะเกลื่อนเมือง ปัญหารถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ต้องรอนาน หากได้รับเลือกจะประสานกับขสมก. เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว


 


ทั้งนี้ บรรยากาศการหาเสียงของ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. วานนี้ เริ่มมีความคึกคักมากขึ้น โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำทีมงานของพรรคมาช่วยลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดนัดจตุจักร เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.


 


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า พร้อมสานต่อนโยบายด้านการศึกษาของนายอภิรักษ์ โดยเฉพาะนโยบายเรียนดี เรียนฟรี อย่างมีคุณภาพ ในโรงเรียนสังกัดกทม. 435 แห่ง นอกจากนี้จะสนับสนุนให้มีวันเด็กตลอดทั้งปี รวมทั้งผลักดันการเพิ่มแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ต่างๆ


 


อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พรรคเตรียมดึงนายประพันธ์ คูณมี แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมเป็นทีมงานรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า ไม่ว่าใครจะเสนอมาก็พร้อมทำงานอยู่แล้ว แต่การตัดสินใจเลือกทีมงานได้ขอสงวนสิทธิตัดสินใจเลือกเอง เพราะต้องการเลือกจากคุณสมบัติความซื่อสัตย์สุจริต


 


นางลีนา จังจรรจา ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ หมายเลข 3 ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่หอศิลปวัฒนธรรมกทม. โดยกล่าวโจมตีนโยบายการทำงานของนายอภิรักษ์ ว่าใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างหอศิลป์แห่งนี้ แต่ไม่ได้นำพื้นที่ดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ากับงบประมาณ ที่เสียไป


 


 


สุขุมพันธุ์ใช้ 2 รองชุดอภิรักษ์ หมอมาลินี, ดร. ประกอบ-แก้ทะเลเซาะแบบเมืองกังหัน


เว็บไซต์ไทยรัฐ : พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยถึงการคัดสรรบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะผู้บริหารหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการของพรรคที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแล้วว่า จะให้ตน และนายประกอบ จิรกิติ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. เช่นเดิม เนื่องจากว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 2 เป็นรายชื่อที่อยู่ในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนรองผู้ว่าฯอีก 2 คน พร้อมกับคณะที่ปรึกษานั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ซึ่งบุคคลที่เคยผ่านงานมาก่อน และมีความสามารถ ทุ่มเทในการทำงานก็จะได้รับการพิจารณาให้เข้ารับตำแหน่ง


 



ส่วนความเคลื่อนไหวการลงพื้นที่หาเสียงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นั้น เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ได้พบปะประชาชนในพื้นที่บางขุนเทียน และชายฝังทะเลบางขุนเทียน พร้อมกับล่องเรือดูแนวผืนดินที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะ และให้สัมภาษณ์


 



ถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาว่า ในเรื่องน้ำกัดเซาะชายฝังทะเลบางขุนเทียนนั้น ตนจะยึดแนวทางการแก้ไขของชาวบ้านเป็นหลัก อาทิ การทำแนวกั้นด้วยไม้ไผ่ ส่วนการทำทีกรอยด์ ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาตามนโยบายของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.นั้นตนจะมีการทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการต่อหรือยกเลิก เบื้องต้นตนเห็นว่าควรยกเลิก เนื่องจากว่าต้องใช้งบประมาณในราคาสูง และชาวบ้านคัดค้าน อย่างไรก็ตาม หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ตนจะใช้เวลา 6 เดือนในการหาวิธีพร้อมกับเริ่มทำโครงการให้เห็นเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น แล้วต้องมีการวางแผนระยะยาวเพื่อป้องกันระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นสืบเนื่องภาวะโลกร้อน เบื้องต้นนั้นจะศึกษาแนวทางการป้องกันตามแบบอย่างที่ใช้ในประเทศเนเธอร์แลนด์


 



 


แก้คนเร่ร่อน-ผีขนุน ขึ้นทะเบียนฝึกอาชีพ


เว็บไซต์ไทยรัฐ : นายเสือชนะ สุดเจริญ ผอ.เขตพระนคร เปิดเผยว่าเขตได้หารือถึงแนวทางการจัดการปัญหาคนเร่ร่อน และผู้ขายบริการทางเพศ ที่อยู่ในพื้นที่สนามหลวง และ เกาะรัตนโกสินทร์โดยรอบ ซึ่งได้ร่วมมือกับกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหลักการเบื้องต้นจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาทำงาน ซึ่งคณะทำงานนั้นจะเข้าไปคุย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ อาทิ ขึ้นทะเบียนคนเร่ร่อนเพื่อหาที่พักชั่วคราวให้ พร้อมกับจัดอบรม ฝึกอาชีพตามความสนใจและความถนัด นอกจากนั้น คนเร่ร่อน ผู้ค้าบริการจะได้รับการฟื้นฟูสภาพจิตใจจากนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้กลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณค่า


 


 


พบมลพิษก่อมะเร็งเมืองเชียงใหม่พุ่ง


เว็บไซต์ไทยรัฐ : ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ จากหน่วยวิจัยชีวธรณีเคมีและการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า มอ.ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการวิจัยมลพิษใน จ.เชียงใหม่ เพื่อเสนอต่อสภาวิจัยแห่งชาติ ซึ่งจากการวิเคราะห์ตัวอย่างฝุ่นละอองและก๊าซที่เก็บจากกลางเมืองเชียงใหม่ พบปริมาณสารก่อมะเร็งบนความสูงทั้ง 3 ระดับ (12 เมตร 52 เมตร และ 152 เมตร) สูงกว่าค่ามาตรฐาน UK-EPAQS ของอังกฤษทั้งหมด สารก่อมะเร็งพีเอเอช (PAHs) เป็นกลุ่มสารเคมีหลายร้อยชนิด เกิดจากการสันดาปไม่สมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นควันพิษจากเชื้อเพลิงรถยนต์ หรือไฟไหม้ป่าจากการวิจัยพบว่า มีสารก่อมะเร็ง 15 ชนิด ที่เป็นอัตรายต่อสุขภาพ ผลวิเคราะห์ในชั้นความสูงระดับที่ 1 พบความเข้มข้นของสารก่อมะเร็งเพิ่มสูงช่วงเวลาเร่งด่วน (06.00-09.00 น. และ 18.00-21.00 น.) ที่น่าประหลาดยังพบว่าช่วงเที่ยงคืนถึงตี 3 ระดับสารก่อมะเร็งไอเสียยานพาหนะคงมีความเข้มข้นสูง ทั้งที่แทบไม่มีรถวิ่งเลย


 


 


เพิ่ม 12 กิจการ ต้องทำ EIA


เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ : นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า เร็วๆ นี้ สผ.จะออกประกาศกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการเพิ่มกิจการที่จะต้องจัดรายงานผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) อีก 12 กิจการจากปัจจุบันที่กำหนดไว้ 22 กิจการที่จะต้องทำ EIA รวมแล้วจะมีกิจการที่จะต้องทำ EIA ทั้งสิ้น 34 กิจการ ได้แก่


 



เหมืองแร่, ปิโตรเลียม, ระบบขนส่งปิโตรเลียมและน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อ, นิคมอุตสาหกรรม, ปิโตรเคมี, โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเคมี, โรงแยกแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ, กิจการที่ใช้สารโซเดียมคลอไรด์เป็นส่วนประกอบ, ปูนซีเมนต์, เยื่อกระดาษ, กิจการผลิตสารออกฤทธิ์กำจัดศัตรูพืชและสัตว์ที่ใช้กระบวนการทางเคมี, ปุ๋ยเคมี, น้ำตาล, เหล็กหรือเหล็กกล้า, โรงถลุงหรือแต่งแร่ ไม่รวมแม่เหล็กหรือเหล็กกล้า, โรงผลิตสุรา แอลกอฮอล์ เบียร์ หรือไวน์


 



โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวมเฉพาะสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้ว, โรงไฟฟ้า ความร้อน, ระบบทางพิเศษ, ทางหลวงหรือถนน, ระบบขนส่งมวลชนใช้ราง, ท่าเทียบเรือ, ท่าเทียบเรือสำราญ กีฬา, การถมทะเล, การก่อสร้าง หรือขยายสิ่ง ก่อสร้างบริเวณหรือในทะเล, ระบบขนส่งทางอากาศ, อาคารตามกฎหมายควบคุมอาคาร, การจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อประกอบการพาณิชย์, โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล, โรงแรม, อาคารอยู่อาศัยรวม, เขื่อนเก็บกักน้ำหรืออ่างเก็บน้ำ, การชลประทาน และโครงการทุกประเภทในพื้นที่ตามมติ ครม. เห็นชอบ กำหนดให้เป็นพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 เอ



โดยขั้นตอนขณะนี้อยู่ในระหว่างการ นำเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติพิจารณาอนุมัติ



 


 


ห่วงฐานะการคลังใกล้วิกฤต


โพสต์ ทูเดย์ : นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาควรต้องระมัดระวังการดำเนินนโยบายการคลังเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้เพดานการก่อหนี้ใกล้เต็มแล้ว หากก่อหนี้เกินกำหนดอาจผิดกฎหมาย


 


ทั้งนี้ จากสถานะปัจจุบันหากคิดรวมการจัดทำงบกลางปี 1 แสนล้านบาทแล้ว รัฐบาลสามารถก่อหนี้เพิ่มเติมเพื่อดูแลเศรษฐกิจได้อีกแค่ 2.8 แสนล้านบาทเท่านั้น


 


นอกจากนี้ ยังกังวลว่าหากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในปีหน้าเข้าสู่ภาวะเงินฝืด จนส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงถึงขั้นเป็นศูนย์ เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 6% จะส่งผลทำให้ภาระหนี้เพิ่มสัดส่วนขึ้น ซึ่งสบน. กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะกระทบการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น


 


"ยอมรับว่าขณะนี้เครื่องมือทางการคลังจะหมดแล้ว หากรัฐเก็บรายได้ภาษีต่ำกว่าเป้าหมาย หรือ มีการลดภาษีทำให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นอีกก็ยิ่งแย่ ต้องระวังอย่าให้ขาดดุลการคลังมากเกินไป" นายพงษ์ภาณุ กล่าว


 


 


"บีบีซี"เตือนไทยต้องใช้เวลานานฟื้นอุตฯท่องเที่ยว


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : บรรษัทกระจายเสียงแห่งอังกฤษ (บีบีซี) วิเคราะห์สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยผ่านทางเว็บไซต์ ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พากันเตือนว่า อาจต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัว และเตือนด้วยว่าเศรษฐกิจของไทยก็ได้รับผลกระทบหนักด้วยเช่นกัน รายงานระบุด้วยว่า ผู้ชุมนุมประท้วงต่างทราบดีอยู่แล้วว่า พวกเขากำลังทำอะไรตอนที่ตัดสินใจทำให้สนามบินสุวรรณภูมิกับดอนเมืองกลายเป็นอัมพาตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


 



รายงานชี้ว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุบุกยึดสนามบิน ไม่เพียงนักท่องเที่ยวตะวันตกกว่า 100,000 คน จะติดอยู่ในไทยเท่านั้น แต่เครื่องบินทั้งหมดที่จะพานักท่องเที่ยวมาพักผ่อนในช่วงเทศกาลวันหยุดพักผ่อน ต้องยกเลิกไปด้วย และแม้เที่ยวบินจะกลับมาให้บริการใหม่ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม แต่ผลกระทบที่มีต่อภาคการท่องเที่ยว ได้ส่งผลระยะยาวไปแล้ว อันดับแรกคือ จะต้องใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์ ในการนำนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในประเทศไทยกลับบ้าน และอันดับที่สองที่สำคัญยิ่งกว่าคือ น่าวิตกว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงอย่างฮวบฮาบ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เมื่อชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหายอย่างหนัก



นายนอร์แมน เกจ ผู้อำนวยการสมาคมสำนักงานท่องเที่ยวอิสระแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การชุมนุม ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ แต่อาจจะเริ่มกลับไปอีกถ้าสถานการณ์สงบ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม


 



ขณะที่นายฮิวโก ยัง ผู้บริหารของบริษัทร่วมลงทุน อะเบอร์ดีน แอสเซ็ท แมนเนจเม้นท์ ชี้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยเป็นข่าวร้าย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวถูกทำลายในเวลาข้ามคืน แต่ผลร้ายที่ใหญ่หลวงกว่านั้นคือภาพรวมผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะไม่มีบริษัทของตะวันตกชาติไหนที่อยากจะมาลงทุนในไทยอีก เขาเตือนด้วยว่า ความผันผวนทางการเมืองอาจทำให้เลวร้ายกว่านี้


 


 


สายการบินชิ่งหนีไทย ฉุดรายได้ "วิทยุการบิน" เริ่มติดลบ


เว็บไซต์แนวหน้า : พล.อ.อ. สมชาย เธียรอนันท์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า บวท.ได้สูญเสียรายได้จากสายการบินที่ทำการบินมายังประเทศไทย ตั้งแต่ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของโลกชะลอตัว ประกอบกับปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้สายการบินต่างประเทศหลายสายการบินจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินมายังประเทศไทย และล่าสุด บวท.ขาดรายได้จากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงที่ผ่านมาประมาณวันละ 10 ล้านบาทอีกด้วย



"รายได้ของ บวท.เริ่มติดลบมาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม2551 ที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา สายการบินหลายสายก็ลดค่าใช้จ่ายลง บางสายก็มียกเลิกออกไป" พล.อ.อ. สมชาย กล่าว


 


ทั้งนี้รายได้หลักของบวท.ส่วนใหญ่แล้วหรือประมาณ 90 % นั้น มาจากจำนวนเครื่องบินที่บินเข้าน่านฟ้าประเทศไทย ที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่านำร่องการสื่อสารการบิน และค่าอินฟอร์เมชั่น เซอร์วิช ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาก็มีสายการบินหายไปมาก รายได้บวท.จึงลดลงตาม" พล.อ.อ.สมชาย กล่าว



อย่างไรก็ดี บวท.ได้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายลง ทั้งการตัดเงินล่วงเวลาพนักงงาน(โอที) และการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง เพื่อรักษาความสมดุลทางด้านการเงิน โดยคาดว่ารายได้ในช่วงฤดูการท่องเที่ยวจะลดลงด้วย อย่างไรก็ดีบวท.ยังคาดว่าสถานการณ์น่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 และจากนั้นจะเริ่มมีรายได้มาชดเชยในส่วนที่หายไป


 


 


คลังรีดภาษีไม่เข้าเป้า คาดรายได้สูญนับหมื่นล.


เว็บไซต์แนวหน้า : นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ได้เรียกกรมจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร มาประชุมร่วมกับ สศค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อรับฟังสมมุติฐานเศรษฐกิจปี 2551-2552 และนำไปประเมินการจัดเก็บรายได้ในปี 2552 ของแต่ละกรมฯก่อนมาเสนอที่ประชุมให้รับทราบในวันที่ 25 มกราคม 2552


 



ทั้งนี้ ยอมรับว่าการประมาณการเศรษฐกิจเพื่อนำไปประเมินการจัดเก็บรายได้ในปัจจุบันทำได้ยากขึ้น เพราะมีปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศ และปัญหาการเมืองภายในที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ทำให้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจปี 2552 จะขยายตัวได้สูงสุดต่ำสุดในระดับ 0.8%-3.3% ซึ่งความเห็นในทิศทางเดียวกับ ธปท.และ สศช. แต่เป็นการประมาณการอย่างกว้าง ทำให้ไม่สามารถประมาณรายได้ชัดเจนได้ว่าจะจัดเก็บได้เท่าใด


 



"ยอมรับว่าการจัดเก็บรายได้ปี 2552 จะจัดเก็บได้ยากขึ้นมาก มีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.56 ล้านล้านบาทแน่นอน ซึ่งจะต่ำเป้าเป็นหลักหมื่นๆล้าน ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสมมุติฐานการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจเลวร้ายก็จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้ามากขึ้น" นายสมชัย กล่าว


 



นอกจากนั้น นายสมชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ดีขณะนี้ก็มีการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองแล้ว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวไม่เลวร้ายกว่าที่คิด ส่วน ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)นำเข้า ก็สามารถจัดเก็บได้ตามปกติ ขณะที่ ธปท.ก็ลดดอกเบี้ยลง 1% ก็แสดงให้เห็นว่านโยบายการเงินเป็นไปในทิศทางเดียวกันนโยบายการคลัง ที่ต้องการช่วยกันดูแลเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ดังนั้นหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีจะประเมินภาพรวมการจัดเก็บรายได้ได้แม่นยำมากขึ้น เพราะ


 



"ธปท.ลดดอกเบี้ย 1% ก็แสดงให้เห็นว่าช่วยกันดูแลเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ เพราะเศรษฐกิจปีหน้าจะแย่ นโยบายการเงิน จึงต้องผ่อนคลายเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายการคลัง เป็นสัญญาณที่ไม่สับสนกับระบบเศรษฐกิจ ส่วนจะได้ผลดีหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง" นายสมชัย กล่าว


 



นอกจากนี้ นายสมชัย เห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเร่งการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจปี 2551 ที่ปัจจุบันเบิกจ่ายได้แค่ 50% กว่าเท่านั้น จากเป้าที่ตั้งไว้ 74% รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนท้องถิ่นที่ต้องเร่ง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ


 



ส่วนมาตรการภาษีอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินการไปแล้วคือ เสนอลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 25% จาก 30% ,ลดภาษีให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) จากที่เก็บในอัตรา 25% เฉพาะกำไร 300 ล้านบาทแรก ส่วนที่หลือเก็บอัตรา 30% ก็ให้เป็นจัดเก็บที่ 25% ของกำไรสุทธิทั้งหมด ,การขึ้นภาษีเบียร์ น้ำมัน และส่งรายได้หวยออนไลน์ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องพิจารณา


 



แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจว่า สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กำลังประสบปัญหาการกู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการต่างๆ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ทำให้ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามายืนยันแผนการกู้เงินอีกครั้ง ว่า เห็นชอบตามเดิมหรือต้องการเปลี่ยนแปลงใหม่



ทั้งนี้ การกู้เงินที่ต้องสะดุดประกอบการด้วย แผนการกู้เพื่อก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจคท์ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ถึง 2556 วงเงิน 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการโครงการที่มีปัญหาถูกเลื่อนมาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นการกู้เงินก้อนใหญ่มีผลบวกกับการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก แต่ต้องรอรัฐบาลใหม่ว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนความสำคัญของโครงการที่จะก่อสร้างใหม่หรือไม่


 



นอกจากนี้ ยังมีแผนการกู้เงินจากธนาคารโลก และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ วงเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาประเทศ นำไปใช้ในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งที่สามารถตกลงเงื่อนไขการกู้เบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย การ กู้เงินจากธนาคารโลก มีอัตราดอกเบี้ยให้เลือก LIBOR-0.02% ปรับดอกเบี้ยทุก 6 เดือน หรือ LIBOR+0.05% คงที่ตลอดการกู้เงิน มีระยะเวลากู้ 17 ปี ปลอดหนี้ 5 ปี โดยคิดค่าธรรมเนียมเงินกู้ 0.25%


 



สำหรับการกู้เงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อทำงบประมาณปี 2552 ขาดดุลเพิ่มเติม ก็ต้องรอรัฐบาลใหม่ เพราะจากเดิมที่คาดว่าการทำงบประมาณ 1 แสนล้านบาท จะผ่านสภาได้ภายในสิ้นปีนี้ แต่ตอนนี้ต้องรอว่ารัฐบาลใหม่จะยังยืนยันทำงบประมาณขาดดุลเท่าเดิม หรือ ทำขาดดุลเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเรื่องทำงบประมาณภายในไตรมาสแรกปีหน้าได้เสร็จ ถึงจะเริ่มกู้ได้


 


 


ทำเนียบขาวอนุมัติงบช่วยค่ายรถยนต์ หวังลดยอด คนเดินเตะฝุ่นในอเมริกา


เว็บไซต์ไทยรัฐ : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสและทำเนียบขาวได้บรรลุข้อตกลงเรื่องเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 15,000-17,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 525,000-595,000 ล้านบาท (35 บาทต่อดอลลาร์ฯ) ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯแล้ว โดยการทำข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากผู้บริหารในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ และได้มีการเปิดเผยข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งพบว่าในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นายจ้างในสหรัฐฯลดตำแหน่งการจ้างงานลง 533,000 ตำแหน่ง นับเป็นจำนวนที่สูงสุดในรอบ 34 ปี ดังนั้น จึงมีเห็นด้วยในหลักการที่จะให้ความช่วยเหลือและดำเนินการต่อไป แต่ยังคงต้องไปจัดทำรายละเอียดก่อน


 



ทั้งนี้ วงเงินการช่วยเหลือดังกล่าว ยังน้อยกว่าที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์ ฟอร์ด มอเตอร์ และไครสเลอร์ ต้องการและได้ยื่นขอความช่วยเหลือในวงเงิน 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,900,000 ล้านบาท และแม้จะไม่ได้ตามวงเงินที่ร้องขอ แต่ก็จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในปี 2552 โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะดึงมาจากกองทุน 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 879,000 ล้านบาท ของกระทรวงพลังงาน เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานที่ทันสมัย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net