Skip to main content
sharethis

การเมือง



ชี้ปปง.สอบทรัพย์สินคนหนุนเงิน พธม.ไม่ได้ เชื่อตร.แก้เก้อ
มติชนออนไลน์-แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ถึงกรณี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำบัญชีรายชื่อบริษัทและกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชน ส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบธุรกรรมการเงิน เนื่องจากเห็นว่าเป็นการบริจาคเพื่อสนับสนุนการประท้วงปิดสนามบิน ซึ่งเข้าข่ายการก่อการร้ายว่า การให้ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ เพื่อแก้เกี้ยวกรณีที่ไม่สามารถดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้ ทั้งนี้ ป.ป.ง.ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมการเงินได้เพราะยังไม่มีการตั้งข้อหาก่อการร้าย ประกอบกับกฎหมายฟอกเงินบัญญัติความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายไว้ว่า การกระทำใดๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบขนส่งสาธารณะและระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ แต่มีข้อยกเว้นว่า ต้องไม่ใช่การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้งหรือเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย



แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ป.ป.ง.เป็นหน่วยงานกึ่งอิสระ ไม่สังกัดกระทรวงใด แต่ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม แต่ขณะนี้ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินใดๆ ได้ เนื่องจากไม่มีคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ไม่มีคณะกรรมการธุรกรรม และไม่มีเลขาธิการ ป.ป.ง.การทำงานทุกอย่างถือว่าสะดุดหยุดลงทั้งหมด


 


20 ส.ส.เพื่อแผ่นดินย้ำจุดยืนหนุน "อภิสิทธิ์" นายกฯ 27


เว็บไซต์สยามรัฐ-ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 13.00น. วันนี้(2551)ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน ถนนวิทยุ ส.ส.พผ.8 คน นำโดยนายไชยยศ จิรเมธากร รักษาการโฆษ กพผ.กลุ่มวังพญานาค ร่วมกันแถลงจุดยืนสนับสนุนการจับตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนำรายชื่อ ส.ส.พผ. รวม 20 คนที่รวบรวมได้มาแจกจ่ายให้สื่อมวลชน


 



นายไชยยศกล่าวว่า กรณีที่แกนนำ พผ.ประกาศจับขั้วตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการดำเนินการตามมติของส.ส. เสียงข้างมากของพรรค อย่างไรก็ตาม ส.ส.พผ.ทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกฯ หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า พผ.คนใหม่ แต่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้า พผ.แจ้งว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการคัดเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ ก่อนส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใน 30 วัน จึงยังไม่ถือว่า พล.ต.อ.ประชาเป็นหัวหน้าพรรคอย่างสมบูรณ์


 



นายไชยยศกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประชายังปฏิเสธต่อสาธารณะว่าไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 27 เสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.พผ.จึงเห็นควรให้ทำตามสัตยาบรรณร่วม 4 พรรคที่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์ และขณะนี้กระบวนการต่างๆ ก็เดินไปไกลกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง พรรคไม่ต้องการให้เกิดข้อครหาว่าหักหลังเพื่อน ซึ่งจะทำให้เสียภาพพจน์ในสายตาประชาชน ดังนั้น ส.ส.พผ.20 คน จากทั้งหมด 27 คน จึงขอประกาศจุดยืนสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนส.ส. ที่ไม่ได้มารวมแสดงจุดยืน บางส่วนเป็นเพราะไม่สามารถติดต่อได้ และบางส่วนเป็นเพราะยังไม่ให้คำตอบที่แน่ชัด


 


ปชป.ยึดเกณฑ์คนนั่งรมว.ต้องอาวุโส-ดูผลงาน-โควตา จว.


เว็บไซต์แนวหน้า-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวเลขรัฐมนตรีในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าจะมี 15-18 ตำแหน่ง ซึ่งจะมีโควตาให้บุคคลภายนอกในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รมว.กลาโหม และรมว.การต่างประเทศ ส่วนหลักเกณฑ์สำคัญที่ใช้ในการคัดเลือกบุคคลในพรรคมาเป็นรัฐมนตรี จะพิจารณาจาก 3 หลัก คือ ความอาวุโส บทบาทการทำงานในพรรค และจะพิจารณาแบบรายจังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้จังหวัดอื่นๆมีรัฐมนตรีบ้าง สำหรับผู้คัดเลือกผู้เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค


 


เตรียมแผน 2 หากโฟนอินทักษิณโดนบล็อก


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์-ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมงานผู้จัดรายการความจริงวันนี้ อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้เข้าตรวจสอบการจัดเตรียมสถานที่ รวมทั้งจัดเวทีและการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 3 ที่สนามศุภชลาศัย ที่ซึ่งจะมีขึ้นใน 13.00 น. พรุ่งนี้(13 ธ.ค.51) โดยนายวีระ กล่าวยืนยันความพร้อมและเชื่อว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก หลังมีความพยายามขัดขวางจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ที่ได้ส่งทหารลงพื้นที่สกัดการเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งจะยิ่งทำให้มีผู้มาร่วมเวทีมากขึ้น โดยจะไม่มีการทำผิดกฎหมาย หรือ ปลุกระดมให้ประชาชนไปรวมตัวกดดันที่สภาฯ ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามที่มีกระแสข่าว


 



ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ เปิดเผยว่า ทางทีมงานได้เตรียมแผน 2 ไว้รองรับ หากมีการบล็อกสัญญาณโทรศัพท์เข้ามาพูดคุย หรือ การโฟนอินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท. ทักษิณฯ ได้กล่าวว่า การพูดครั้งนี้จะเป็นการพูดที่ดีที่สุดในชีวิตของตนเอง



 


ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ตั้งข้อสังเกตว่าการยกเลิกรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBTเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ธ.ค.51) ส่งสัญญาณว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง เนื่องจากทางทีมงานได้รับแจ้งอย่างกระทันหัน และต้องติดตามเพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงทำสัญญาไว้กับทาง NBT


 



ทีมผู้จัดรายการความจริงวันนี้ เปิดเผยว่า เวทีครั้งนี้จะใช้ชื่อ "ความจริงวันนี้ ความจริงประเทศไทย" เริ่มในเวลา 13.00 น. โดยไฮท์ไลท์ อยู่ที่การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเวลา 20.00 น. และจะมีการเปิดเผยเอกสารที่จะทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ นอกจากนี้ คือ การจำหน่ายซีดีเพลงอัลบั้มพิเศษ ขับร้องโดยทีมผู้จัดรายการและมีนายจักรภพ เพ็ญแข ร่วมขับร้องด้วย


 


กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่บุกบ้านพ่อตาเนวินเผาหุ่นหน้าบ้าน


เว็บไซต์สยามรัฐ-เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 12 ธ.ค.51 ที่บริเวณหน้าบ้านของนายคะแนน สุภา พ่อตานายเนวิน ชิดชอบ ที่ตั้งบริษัทเชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จำกัด ถ. มหิดล ต. หายยา จ. เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ มีสมาชิกกลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 ที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ประมาณ 50 คน นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่มรักษ์เชียงใหม่ ได้รวมตัวกันนำรถติดเครื่องกระจายเสียง กล่าวโจมตีนายเนวิน ชิดชอบ สลับผลัดเปลี่ยน กันจากนั้นได้มอบพวงหรีดสีดำ ให้กับตัวแทนที่อยู่ภายในบ้าน ต่อมาได้นำรูปภาพประกอบเป็นหุ่นนายเนวิน ราดน้ำมันจุดไฟเผา


 



แกนนำกล่าวว่าที่มาวันนี้ออกมาเตือนสตินายเนวิน ที่คิดทรยศ ไปช่วยพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล โดยบอกว่ารับไม่ได้ความคิดการกระทำ ของกลุ่มเพื่อนนายเนวินออกมาเป็นแบบนี้ขอต่อต้านให้ถึงที่สุด โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงและได้สลายกลับไปท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลควบคุมไม่มีเหตุรุนแรง



 


"นปช." บุกประณาม "ปชป." หนุนพันธมิตรยึด ย้ำปิดสภา 15 ธ.ค.


เว็บไซต์แนวหน้า-ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 17.30 น. ได้มีสมาชิกกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ประมาณ 50 คน นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มและกรรมการบริหารกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำรถกระบะติดเครื่องกระจายเสียง มาชุมนุมปิดล้อมบริเวณหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกล่าวประณามโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่มีความสง่างามในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อการร้ายยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมือง ทั้งนี้นายสมยศ กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้เป็นเพียงการส่งสัญญาณเตือนพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมาเป็นรัฐบาลว่าจะต้องถูกติดตามตรวจสอบและกดดันในการบริหารประเทศจากกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ


 



นายสมยศ กล่าวอีกว่า วันที่ 15 ธ.ค. ที่จะเปิดการะประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 กลุ่ม นปช.จะไปชุมนุมคัดค้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯอย่างแน่นอน โดยจะไปร่วมตัวที่หน้ารัฐสภาตั้งแต่เวลา 07.00 น. ซึ่งการไปครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ จะไม่มีการปิดล้อมรัฐสภา และสามารถให้สมาชิกรัฐสภาทุกคนเข้าไปทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรจะมาปิดล้อมกลุ่ม นปช.ในวันนั้น ก็เป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตร แต่ขอให้กลุ่มพันธมิตรอยู่ห่างจากแนวปะทะ อย่าเข้ามาใกล้โดยเด็ดขาด


 



นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้นำหุ่นฟางจำลองที่ติดรูปนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อเนวิน และพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ใส่โลงศพจำลองและจุดไฟเผา และให้กลุ่มผู้ชุมนุมนำใบปลิวพิมพ์ข้อความโจมตีนายเนวิน โดยระบุว่า "ผมรักทักษิณ แต่เลือกอภิสิทธิ์ เพราะเป็นอภิสิทธิ์ของผม ใครมีปัญหา มาบอกผมหน่อย" เพื่อสาปแช่ง นอกจากนี้ยังมีการถือป้ายที่มีข้อความว่าไม่เอานายกหนีทหาร ประชาธิปัตย์เป็นพวกพันธมิตร ไม่เอานายกมาร์ค ม.7 พวกเดียวพันธมิตร จากนั้นเวลา 18.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายการชุมนุมออกจากหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่าสงบ


 


รักษาการผบ.ตร.สั่งตำรวจทั่วประเทศหุบปากห้ามให้ข่าวม็อบกับสื่อมวลชน


เว็บไซต์สยามรัฐ-เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ได้มีหนังสือที่ 0014.21/34 มีคำสั่งถึงข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองรองผบ.ตร.) ถึงผบก.ในสังกัด เรื่องกำชับการปฏิบัติเกี่ยวกับดำเนินคดีและการให้ข่าว แถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชนและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ โดยให้ถือปฏิบัติดังนี้


 


 1 การดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้อง ให้เร่งรัดการดำเนินคดีทุกคดีกับทุกฝ่ายที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยให้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดที่จะพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ ของผู้ถูกกล่าวหาให้ครบถ้วนแล้วพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมทั้งมีความเห็นทางคดีไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในแต่ละคดี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและป้องกันไม่ให้เกิดคำครหาว่าตำรวจเลือกปฏิบัติ


 



"2 การปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว แถลงข่าว การให้สัมภาษณ์การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชนและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยกำชับข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด ดำเนินการให้ถูกต้องตามคำสั่ง ตร.ที่855/2548 ลงวันที่ 16 พ.ย.2548 เรื่องการปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และคำสั่ง ตร.ที่ 467/2550 ลงวันที่ 15 ส.ค.2550 เรื่องการปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าวการแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนและการจัดทำ สื่อประชาสัมพันธ์ รวมทั้งระเบียบ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ที่เกี่ยวกับคดีที่สืบเนื่องจาการชุมนุมให้พึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ทั้งนี้เพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด" พล.ต.ท.พงศพัศ ระบุ


 



กอ.รมน.เตรียมอนุมัติจัดโครงสร้างกำลังพลชุดใหม่ พร้อมรายงานหากม็อบเผชิญหน้า ตลอด24 ชม.


เว็บไซต์แนวหน้า- ที่กองทัพบก พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการของหน่วยขึ้นตรงกอ.รมน. โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ.เป็นประธานการประชุม ว่า ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติอัตราโครงสร้างการจัดกำลังพลของ กอ.รมน.ในการประชุมวันนี้จึงได้ชี้แจงอัตราโครงสร้างการบรรจุกำลังพลและแผนงานที่ดำเนินการอยู่ รวมถึงแผนงานในอนาคต เพื่อให้สอดรับกับอัตราโครงสร้างใหม่ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำร่างกฎกระทรวงการแบ่งส่วนราชการนำเข้าที่ประชุมให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ส่วนการบรรจุกำลังพลให้บรรจุทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ ตามความรู้ความสามารถ เพื่อเป็นการระดมความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง


 



"ตอนนี้เรามีศูนย์ประสานการปฏิบัติทั้งหมด 6 ศูนย์ ที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อน โดยงานเร่งด่วนคือ ปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าว การก่อการร้ายข้ามชาติ ความมั่นคงในพื้นที่พิเศษ เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้เราจะมีศูนย์ติดตามสถานการณ์ กอ.รมน.ที่ทำหน้าที่ติดตามผลงานและวิเคราะห์ พร้อมรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารร่วมกับ กอ.รมน.ภายในและ กอ.รมน.ภาคได้ตลอด 24 ช.ม.ในการรับทราบข้อมูลและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้รับทราบเหตุการณ์ทันท่วงที ยังมีงานที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการดำรงไว้ในการพิทักษ์รักษาซึ่งผลประโยชน์ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งการพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชน" พ.อ.ธนาธิป กล่าว



 


พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ เน้นในที่ประชุมให้ทุกหน่วยปฏิบัติงานตามสายการบังคับบัญชา เพื่อความสำเร็จในทุกด้าน และประเมินผลงานทุก 3 และ 6 เดือน อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานต่อไป


 



เมื่อถามว่า ศูนย์ติดตามสถานการณ์จะรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในต่างจังหวัดและ การกระทำที่ก้าวล่วงสถาบันอย่างไร พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ กอ.รมน.ตามมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งมีการบัญญัติไว้ โดยศูนย์ประสานงานที่อยู่ใน กอ.รมน.ภาค จะติดตามดูว่ามีการกระทำใด หรือ คำพูดใดที่ก้าวล่วง หรือ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งได้เน้นย้ำได้ทำอย่างจริงจัง เข้มงวด หากมีการพบก็จะแจ้งความดำเนินคดีทันที รวมถึงรายงานติดตามสถานการณ์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยได้ ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าของกลุ่มต่างๆ ด้วย


 


เศรษฐกิจ


 


กฟผ.อ่วมแบกภาระค่าไฟฟรีขอกู้เสริมสภาพคล่อง2 หมื่นล.


เว็บไซต์คมชัด-ดร.พรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ กฟผ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้อนุมัติกรอบวงเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ กฟผ.เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น โดยเรกกูเลเตอร์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะนำภาระดังกล่าวสะท้อนไว้ที่ค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที)อย่างไร เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน


 



นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กฟผ.ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ขอยกเว้นนำส่งเงินกำไรสุทธิงวดสองของปี 2551 วงเงินกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องขององค์กร เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายจากการชดเชยค่าไฟฟ้า ตามมาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล วงเงินกว่า1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องรอให้รัฐบาลคืนเงินดังกล่าวก่อน ขณะที่ กฟผ.มีค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ค่าเงินเดือนพนักงานและอื่นๆ ปีละกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท


 



แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ กฟผ.กล่าวว่า ค่าเอฟทีงวดก่อนที่ไม่ได้ปรับเพิ่มตามต้นทุนแท้จริง ทำให้ กฟผ.ต้องรับภาระกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นต้นทุนค่าเอฟที รวมกว่า 20 สตางค์ต่อหน่วย นอกจากนี้ คาดว่า กฟผ.จะต้องรับภาระต่อเนื่องไปอีกจนถึงกลางปีหน้า วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท และรายได้ยังหายไปจากการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงกว่า 3% ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวด้วยจึงต้องกู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท เสริมสภาพคล่องด้วยการออกพันธบัตรในประเทศ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 2552


 


คุณภาพชีวิต


 


"มล.ปนัดดา"ฉุนเว็บถ่อยทำลายชาติเร่ง "สแกน"เข้ม


เว็บไซต์คมชัดลึก-ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวถึงกรณีการเผยแพร่เว็บไซด์อันขัดจารีตไทย โดยเฉพาะในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ซึ่งข้อความยังคงไม่ให้ความร่วมมือในทางปฏิบัติเท่าที่ควร อาทิ การใช้ชื่อบุคคลที่มีการเทียบเคียงใกล้เคียง ใช้ถ้อยคำหยาบ การแต่งเรื่องอันปราศจากมูลความจริงและที่เป็นประเด็นร้อนคือการไม่เคารพผู้อาวุโส ดูหมิ่นบุคคลต่างเชื้อชาติศาสนา ซึ่งหน่วยงานราชการได้จัดการประชุมและมีการขอความร่วมมือไปยังผู้บริหารเว็บไซด์ก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ


 



การประชุม ที่กระทรวงไอซีที สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเน้นนโยบายว่าเป็นภารกิจหลักที่ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบ เพื่อจรรโลงรักษาความสงบเรียบร้อยความมั่นคงของชาติ แต่บางเว็บมาสเตอร์ยังคงละเลยไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่ทางราชการร้องขอจึงนับเป็นภาระโดยตรงต่อหน่วยงานทางด้านความมั่นคงที่จะต้องมีการกวดขันในทุกกรณีโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ


 



"จากการประชุมทางด้านงานข่าว มีความเข้าใจว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้เร่งรัดบูรณาการแผนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในขณะนี้ซึ่งนอกจากจะมีการเผยแพร่ข้อความอันเป็นการบ่อนทำลายชาติ และยังมีแนวคิด ของบุคคลบางกลุ่มที่มองไปไกลอย่างขาดสำนึกความเป็นไทย และต้องการสร้าง ความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่คนไทยภาคต่างๆ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน อันถือเป็นพันธกิจที่เราคนไทยทุกคนต้องช่วยกันหยุดยั้งความคิดและการกระทำอันชั่วร้าย" ม.ล.ปนัดดากล่าว


 


พระจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์-นายนิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตทางด้านดาราศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า ในวันขึ้น 15 ค่ำนี้ หรือวันพระใหญ่ น้ำทะเลจะขึ้นลงมาก เพราะดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกัน เรียกว่า วันน้ำเกิด หรือจะตรงกับวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคมนี้ ดวงจันทร์จะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าวันพระใหญ่อื่นๆ และจะเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาประมาณเที่ยงคืน ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนที่อยู่ใกล้ทะเลและชอบชมความงามของพระจันทร์วันเพ็ญ สามารถรอชมได้ในวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.51) ซึ่งสามารถชมความงามของพระจันทร์ตั้งแต่เริ่มขึ้นได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. และจะเห็นชัดเจนในเวลาประมาณเที่ยงคืน


 



อย่างไรก็ตาม ดวงจันทร์มีส่วนทำให้เกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา และมีอิทธิพลทำให้เกิดน้ำทะเลขึ้นลง หรือ น้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งชาวประมงจะใช้วิธีการสังเกตดวงจันทร์ในการประกอบอาชีพด้วย ทั้งนี้ การสังเกตดวงจันทร์ในแต่ละวัน จะทำให้ได้เรียนรู้รูปร่างของดวงจันทร์ที่ปรากฏไม่คงที่ ตำแหน่งที่ปรากฏ ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมได้มากขึ้น


 


ต่างประเทศ


 


ปากีฯขยายวงล้างบางก่อการร้าย


เว็บไซต์สยามรัฐ-สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปากีสถาน ขยายการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอื่น ที่เชื่อมโยงกับ "จามาอัต อุด ดาวา" กลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินการสาธารณกุศลบังหน้า ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวได้ถูกทางการปากีสถานเข้ากวาดล้าง และยึดทรัพย์สิน ตลอดจนจับกุมสมาชิกของกลุ่มดังกล่าวไปจำนวนหนึ่ง หลังจากสืบสวนแล้วพบว่า องค์กรแห่งนี้พัวพันกับเหตุก่อการร้ายที่โรงแรม 2 แห่งของนครมุมไบ ประเทศอินเดีย ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก


 


รายงานข่าวแจ้งว่า จามาอัต อุด ดาวา ถูกยกให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ใหญ่ที่สุดของปากีสถาน จากการดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ อย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีโรงพยาบาลอยู่เครือถึง 4 แห่งด้วย


 


 


อินโดนีเซียสิ้นอดีตทูตชั้นนำ "อาลี อลาตัส"


เว็บไซต์ไทยโพสต์ "อาลี อลาตัส" อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดของอินโดนีเซียและทูตยูเอ็น 2 สมัย สิ้นลมด้วยอาการหัวใจล้มเหลวที่สิงคโปร์ ทิ้งไว้ซึ่งเกียรติประวัติช่วยไกล่เกลี่ยสันติภาพในภูมิภาค และรอยด่างจากการปกป้องรัฐบาลรุกรานติมอร์ตะวันออก


 



อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียนับแต่ยุคของประธานาธิบดีเผด็จการซูฮาร์โตเมื่อปี 2531 จนถึงปี 2542 หนึ่งปีก่อนซูฮาร์โตพ้นตำแหน่ง เสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลเมาต์เอลิซาเบธของสิงคโปร์เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากเขาเข้ารับการรักษาได้ 2 สัปดาห์เศษ สิริรวมอายุ 76 ปี


 


รอยเตอร์รายงานว่า อลาตัสซึ่งได้รับการยอมรับในแวดวงการทูตของภูมิภาคนี้และครั้งหนึ่งเคยถูกคาดหมายว่าอาจก้าวไกลถึงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้รับการยกย่องในฐานะนักไกล่เกลี่ยสันติภาพในพื้นที่สงครามและการสู้รบของภูมิภาคเอเชีย รวมถึงสงครามกลางเมืองในกัมพูชา อย่างไรก็ดี ประวัติของเขามาด่างพร้อยและกลายเป็นที่จดจำจากบทบาทการปกป้องแก้ต่างการรุนรานและยึดครองติมอร์ตะวันออกโดยกองกำลังของรัฐบาลอินโดนีเซีย ที่เข้าปราบปรามสังหารชาวติมอร์ราว 1,000 คน ภายหลังติมอร์ฯ ลงมติเป็นเอกราชเมื่อปี 2542 กระทั่งอินโดนีเซียถอนทหารในปีเดียวกัน


 



เขายังเคยเป็นเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำยูเอ็น 2 สมัยในยุคทศวรรษ 1970 และ 1980 ช่วงหลายปีมานี้ เขารับตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสุสีโล บัมบัง ยุทโธโยโน และเคยเป็นประธานในวงสัมมนาระหว่างประเทศหลายครั้ง นอกเหนือจากงานในประเทศเขายังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของอินเตอร์เนชั่นแนลไครซิสกรุ๊ปจากกรุงบรัสเซลส์และเป็นสมาชิกของกลุ่มบุคคลผู้มีชื่อเสียงขององค์การอาเซียน


 


จีนย้ายที่ตั้งเมืองที่ถูกแผ่นดินไหวถล่ม


เว็บไซต์คมชัดลึก-สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันศุกร์ (12 ธ.ค.) ว่าทางการจีนเลือกสถานที่ตั้งเมืองเป่ยชวนแห่งใหม่ โดยตัดสินใจที่จะเก็บซากปรักหักพังของเมืองนี้ที่ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มีความรุนแรงถึง 8.0 ริกเตอร์ถล่มจนพังราบเป็นหน้ากลองเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แถมยังคร่าชีวิตชาวเมืองไปถึง 2 ใน 3 เอาไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนความทรงจำ ทั้งยังจะปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย


 



ที่ตั้งเมืองเป่ยชวนแห่งใหม่จะอยู่ห่างจากเมืองอันชางไปราว 35 กม. การก่อสร้างเมืองใหม่โครงการแรกจะเริ่มหลังจากเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า คาดว่าการสร้างที่อยู่อาศัย สำนักงานราชการ และสถานที่สาธารณะแห่งใหม่ เช่น โรงเรียน และโรงพยาบาล จะใช้งบประมาณราว 2 หมื่นล้านหยวน ( ราว 102,200 ล้านบาท )


 



ขณะเดียวกันทางการมณฑลเสฉวนมีแผนจะจัดตั้งพื้นที่ท่องเที่ยวตามรอยแผ่นดินไหวทั่วเมืองเหวินชวน โดยจะเก็บซากปรักหักพัง อนุสรณ์สถานในเมืองอิ่งซิ่ว พิพิธภัณฑ์ในเมืองเป่ยชวน และทะเลสาบที่เกิดจากแผ่นดินไหวในเมืองถังเจียซานไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ความเสียหาย และแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของบรรดาผู้รอดชีวิต


 


ทั้งนี้ เมืองเป่ยฉวนเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มีผู้รอดชีวิตน้อยกว่า 4,400 คน จากชาวเมืองทั้งหมด 1.3 หมื่นคน ขณะที่อาคารบ้านเรือนประชาชนราวร้อยละ 70 พังพินาศ


 



ทางด้านหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลีรายงานว่า เมืองเฉิงตู ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งเดียวกันนี้จะมอบคูปองมูลค่า 100 หยวน (ราว 500 บาท) ให้แก่ชาวเมืองที่มีรายได้น้อยราว 379,100 คน เพื่อกระตุ้นการบริโภคในช่วงวันตรุษจีน โดยคูปองดังกล่าวสามารถนำไปใช้ซื้อของได้ตามร้านค้าที่กำหนด และใช้ได้ตลอดเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวฉลองเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม



 


เมืองเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งทำให้มีคนตายและสูญหายเกือบ 8.8 หมื่นคน บาดเจ็บ 3.75 แสนคน และไร้ที่พักอาศัยอีกร่วม 5 ล้านคน ประกอบกับช่วงนี้เกิดกระแสปลดคนงานอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจแจกคูปองให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวายทางสังคมตามมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net