นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ส่งรายงานผลสรุปที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ให้นายกรัฐมนตรีว่า มีผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว 2 ส่วน คือ ฝ่ายการเมือง และฝ่ายปฏิบัติ ว่าจะเร่งดำเนินการในกรณีดังกล่าวอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 เดือน และหากต้องมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็จะต้องเป็นไปตามเหตุผลและความเป็นธรรม

เวลา 17.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ได้ส่งรายงานผลสรุปที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ให้นายกรัฐมนตรีว่า มีผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.ฝ่ายการเมือง 2.ฝ่ายปฏิบัติ โดยฝ่ายการเมืองจะเป็นรัฐบาลชุดที่แล้ว ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็จะมีรายชื่ออยู่ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชามาจนถึงผู้ที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่และเหตุการณ์ตามเวลาที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวว่าโดยหลักของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรณีอย่างนี้ก็จะส่งไปที่ป.ป.ช. โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงก็จะเป็นไปตามกฎหมาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายการเมืองมีชื่ออยู่ในบัญชีด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีอยู่ อย่างไรก็ตามทั้งหมดต้องให้ป.ป.ช.รับเรื่องอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ในส่วนของตนก็จะรอรับเรื่องว่าข้อเสนอต่อรัฐบาลคืออะไร ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ต้องรอบทสรุปจากป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่งก่อนหรือไม่ เพียงแต่ในส่วนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ก็ต้องทำมาถึงรัฐบาลด้วย โดยรัฐบาลต้องการจะมีโอกาสหารือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ด้วย ว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ มีความคิดเห็นอย่างไร ทั้งนี้อย่างที่ได้เรียนคือกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ไม่ได้เป็นองค์กรเดียวที่สอบซึ่งก็คงจะขอความเห็นจากป.ป.ช.ที่สอบเรื่องนี้อยู่ด้วย

ทั้งนี้ความผิดทางวินับและอาญาระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำนั้นแยกกัน โดยในส่วนของข้าราชการก็จะเป็นในเรื่องของวินัยและอาจจะมีในเรื่องของอาญา ซึ่งตรงนี้ก็สุดแล้วแต่กรณี ส่วนในเรื่องของการเมืองไม่มีวินัยอยู่แล้วเพราะพ้นไปแล้ว แต่ถ้ามีความผิดทางอาญาก็ไม่พ้นซึ่งจะเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.จะดำเนินการ ทั้งนี้กรอบเวลาในการดำเนินการเรื่องนี้คงดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องรออะไรเพิ่มเติม นอกจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ และป.ป.ช.เห็นว่ามีขั้นตอนอะไรอีก อย่างน้อยที่สุดก็หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือนน่าจะชัดเจนขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ที่หากจะมีการลงโทษกันจริงๆ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพราะบางส่วนก็ยังปฏิบัติงานอยู่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลและต้องมีความเป็นธรรม ซึ่งคิดว่าบุคคลใดทำงานก็ต้องยอมรับตรงนี้

"ต้องดูตามข้อเท็จจริง ไม่ดูชื่อ การให้ความเป็นธรรมที่ดีที่สุดก็คือหลับตาเหมือนเราไม่รู้ชื่อ ว่าถ้ามีรายงานมาอย่างนี้กับบุคคล คนนี้เราควรจะดำเนินการอย่างไร" นายอภิสิทธิ์กล่าว