Skip to main content
sharethis

  


เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.51  สื่อมวลชนประจำรัฐสภาระดมความเห็นตั้งฉายาผู้ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติประจำทุกปี โดยในปี 2551 ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาตั้งฉายาให้ฝ่ายนิติบัญญัติตามผลงานที่ปรากฏออกมา ในมุมมองของสื่อมวลชน 10 เรื่อง


 



วาทะแห่งปี"ม็อบมีเส้น"


โดยยกให้เหตุการณ์เด่นแห่งปี ได้แก่ เหตุการณ์นองเลือด 7 ตุลาคม 2551 เมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปิดล้อมรัฐสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จนตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต วาทะแห่งปีคือ ม็อบมีเส้น วิวาทะอันดุเดือดของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ตอบกระทู้ฝ่ายค้านแทนนายกรัฐมนตรีอย่างมีอารมณ์ว่า "ทุกคนก็ทราบดีว่าม็อบนี้เป็นม็อบมีเส้น หากเป็นม็อบธรรมดาเรื่องจบไปนานแล้ว" จึงเป็นที่มาของฉายาดังกล่าว


 



ยกสภาฯเป็น"ค่ายกลนอมินี"


ส่วนฉายาของสภาผู้แทนราษฎรคือ ค่ายกลนอมินu เป็นการสะท้อนภาพของสภาผู้แทนราษฎร ในยุคที่กลุ่มก๊วนการเมืองที่เคยมีอิทธิพลและครองอำนาจมาหลายปีถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จนต้องส่งคนใกล้ชิดมาเป็นทายาททางการเมือง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง เปรียบเสมือนค่ายกลของอดีตนักการเมืองที่เคยทรงอำนาจ ใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสมรภูมิ แทนกลุ่มของตัวเองที่หมดสิทธิทางการเมือง



สำหรับฉายาของวุฒิสภาคือ 2 ก๊กพกมีดสั้น เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงความไม่ลงตัวและความไม่เป็นเอกภาพของสภาสูง ที่มีที่มาแตกต่างกัน จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่มีการแบ่งขั้วและขัดขากันเอง


 



ปู่ชัยได้ฉายา"ประธานลูกอุ้ม"


ขณะที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาได้รับฉายาว่า ทั่นเปา...เป่าปี่ มาจากความคาดหวังว่าอดีตผู้พิพากษาอาวุโสผู้นี้เมื่อเข้าสู่สภาสูงแล้ว จะสามารถนำพาองค์กรลูกผสมแห่งนี้ให้ปฏิบัติภารกิจบรรลุเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่สุดท้ายนายประสพสุขกลับสร้างความผิดหวังให้สังคม เพราะนอกจากไม่สามารถเป็นเสาหลักได้แล้ว ยังวางเฉยต่อวิกฤตการณ์บ้านเมือง เสมือนคนนั่งเป่าปี่อย่างสบายอารมณ์ มาถึงนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้รับฉายา ประธานลูกอุ้ม เนื่องจากกลับมาได้ดิบได้ดีทางการเมือง เพราะมีอภิชาตบุตรอย่างนายเนวิน ชิดชอบ


 



มาร์คคว้าฉายา"เทพประทาน"


ทางด้านฉายาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาช่วงปีที่ผ่านมาคือ เทพประทาน โดยเบื้องหลังของนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค พยายามผลักดันทุกวิถีทางทั้งเกมในสภาและการกดดันนอกสภา เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจนสำเร็จในที่สุด


 



"เรืองไกร"ดาวเด่น-ตู้เย็น"ดาวดับ"


ส่วนดาวเด่นต้องยกให้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)สรรหา ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยอาศัยช่องทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร จนสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วยการโค่นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ได้สำเร็จ จนได้รับการขนานนามว่า แจ๊กผู้ฆ่ายักษ์ ขณะที่ดาวดับคือนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตแกนนำพรรคพลังประชาชน ที่ตกเก้าอี้กลางครันจากคดีทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้ง เป็นเหตุให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบ และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี


 



ชูสว.มณเฑียร"คนดีศรีสภา"


สำหรับคนดีศรีสภาปีนี้ยกให้ นายมณเฑียร บุญตัน สว.สรรหา แม้จะพิการทางสายตาแต่ก็ทำงานด้วยความมุ่งมั่น เข้าร่วมประชุมสภาฯสม่ำเสมอ ถือเป็นแบบอย่างที่นักการเมืองไทยควรปฏิบัติตาม (อ่านรายละเอียดหน้า 2)


 



ด้านนายเรืองไกร ซึ่งได้รับตำแหน่งดาวเด่น กล่าวขอบคุณผู้สื่อข่าวที่ให้ตำแหน่งดังกล่าว โดยยืนยันว่า ทำหน้าที่เพื่อให้เกิดสิ่งถูกต้องในการเมือง และจะทำหน้าที่ตรวจสอบเข้มข้นต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรทำหน้าที่ โดยยึดความถูกต้องของระบบตามวิถีทางประชาธิปไตยที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ สำหรับฉายาของวุฒิสภาที่ว่า 2 ก๊กพกมีดสั้นนั้น ตนมองว่า บางเหตุการณ์ก็มองเช่นนั้นได้ แต่คิดว่าภาพรวมของสว.ชุดนี้เมื่อเทียบกับสว.ชุดที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด สว.ชุดนี้มีอิสระทางความคิดมากกว่าชุดก่อนหน้านี้ที่ได้รับฉายาว่า สภาทาส


 


 


 


 


ที่มา: http://www.naewna.com


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net