(30 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ตัดสินใจใช้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นสถานที่แถลงนโยบายรัฐบาลแทนรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากขบวนรถตู้ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีโดยสารเคลื่อนขบวนออกจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ไปยังสโมสรกองทัพบก เพื่อรอเข้าไปในรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายในช่วงเช้าที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. ขบวนรถตู้ของนายกรัฐมนตรี ได้เคลื่อนออกจากสโมสรกองทัพบก เดินทางมุ่งหน้าไปถึงกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเวลาประมาณ 09.40 น. โดยมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี จะใช้สถานที่กระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่แถลงนโยบายแทนการประชุมที่รัฐสภา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถผลักดันแนวกั้นการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.ที่หน้ารัฐสภา เพื่อเปิดทางให้ ส.ส. สว. และครม.เข้าไปประชุมที่รัฐสภาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สโมสรกองทัพบกก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้เดินทางมาเข้าพบและหารือกับนายกรัฐมนตรี ประมาณ 10 นาที เพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์การชุมนุมที่หน้ารัฐสภา

โดยทั้งสองคนมีสีหน้าที่ค่อนข้างตึงเครียด และปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ยืนยันว่า จะไม่ยินยอมให้นายกรัฐมนตรี ตลอดจนคณะรัฐมนตรี และ ส.ส.เดินเท้าผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. เข้าไปเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลในรัฐสภาอย่างเด็ดขาด และหากรัฐบาลไม่สามารถแถลงนโยบายรัฐบาลได้ในวันนี้ ก็อาจจำเป็นต้องเลื่อนออกไปเป็นต้นปีหน้าแทน

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ล่าสุดรัฐบาลได้ประสานไปยังฝ่ายค้าน ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แล้ว เพื่อเตรียมจะแถลงนโยบายรัฐบาล โดยย้ายที่จากรัฐสภามาเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนฝ่ายค้านจะตอบรับเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่นั้นถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. และยังเชื่อมั่นว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลครั้งนี้จะมี ส.ส.เข้าร่วมครบองค์ประชุม และหากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.จะเคลื่อนย้ายมาชุมนุมที่กระทรวงการต่างประเทศอีก ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้ามาดูแลในส่วนนี้

วิปฝ่ายค้านยันไม่ไป กต. พร้อมเปิดประชุมสภาเอง

นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลมีมติย้ายสถานที่แถลงนโยบายรัฐบาลไปที่กระทรวงต่างประเทศโดยยืนยันว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะไม่ไปร่วมที่กระทรวงต่างประเทศ เพราะเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และที่ผ่านมา ไม่เคยมีการแถลงนโยบายนอกรัฐบาลมาก่อนในประวัติศาสตร์ นายกรัฐมนตรีต้องแถลงในสภาฯ เท่านั้น หากจะมีการเปลี่ยนสถานที่จริง ประธานสภาฯ ต้องมายังรัฐสภาก่อน จากนั้นส.ส.จึงเสนอย้ายสถานที่

นายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อเปลี่ยนสถานที่ และไม่สามารถยอมรับการติดต่อผ่านโทรศัพท์ได้ ทั้งนี้ จะนำส.ส.พรรคเพื่อไทยเปิดประชุมสภาฯด้วยตนเอง หากไม่มีประธานสภาฯ ก็จะมีประธานสภาฯ ไปเอง

ตร.แพ้แรงต้าน นปช. กรุยทางนายกฯ ไม่ได้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ต่ำกว่า 1,200 นาย ซึ่งตั้งแนวกั้นเป็นรูปลูกศร โดยแถวด้านหน้าเป็นตำรวจจากกองปราบปราม ประมาณ 1 กองร้อย รองลงมาเป็นตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งจะอยู่บริเวณแถวหลัง ซึ่งสวมหมวกกันน็อค พร้อมโล่ปราบจรจล ไม่มีอาวุธอย่างอื่น เพื่อผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกไปทางประตูปราสาทเทวฤทธิ์ ซึ่งพยายามจะเปิดขึ้นอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 หลังก่อนหน้านี้ ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมดันเข้ามาเพื่อไม่ให้เปิดขึ้น ในการเปิดเส้นทางให้รถของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รวมถึง ส.ส. และส.ว.เข้ามาจอดภายในอาคารรัฐสภาได้ เพื่อร่วมประชุมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ได้ทันในเวลา 09.30 น. แต่ไม่สามารถต้านทานแรงดันของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ตั้งกำแพงมนุษย์พยายามผลักดันกลับจึงต้องปิดไปอีกครั้ง

 บรรยากาศบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแนวกั้น เพื่อเตรียมผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกไปทางประตูปราสาทเทวฤทธิ์ ซึ่งด้านหน้าประตูปราสาทเทวฤทธิ์มีรถบรรทุกขยายเสียงของแกนนำนปช. ซึ่งมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คอยบัญชาการอยู่

...............................

เรียบเรียงจากเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์และมติชน