Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3.ค. 2551นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ได้เดินทางเข้าพบนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพื่อหารือถึงกำหนดการและการเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.2552 


นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า กำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 27ก.พ.- 1มี.ค. 2552 นั้นยังไม่เป็นที่แน่นอน เพราะต้องรอการตอบกลับอีก 1 ประเทศ คือประเทศจีน โดยหวังว่าจะทราบภายใน 2-3 วันนี้ ซึ่งเราก็ติดต่อกับประเทศจีนมาตลอดเวลา จึงตั้งความหวังในเชิงบวกว่าทุกประเทศจะสามารถมาประชุมได้ทั้งหมด แต่หากไม่สามารถมาประชุมได้ก็เข้าใจว่าแต่ละประเทศมีธุระของเขา อย่างไรก็ตาม อยากให้ทั้ง 15 ประเทศตกลงมาประชุมพร้อมกัน อะลุ่มอะหล่วยกันเพราะเป็นมิตรประเทศกันทั้งนั้นรักกันทั้งนั้น ซึ่งในขณะนี้ทุกอย่างทั้งเนื้อหาและสถานที่ก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว ส่วนการนำเรื่องเข้าประชุมสภานั้นต้องรอคำยืนยันจากประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยคาดว่าจะเป็นวันที่ 8-9 ม.ค. จากเดิมคิดว่า 5-6 ม.ค.


นายกษิต กล่าวต่อไปว่า ตนได้ปรึกษาหารือกับนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนเกี่ยวกับประเด็นความคืบหน้าเขตการค้าเสรีของอาเซียนว่ามีความคืบหน้ามีผลสำเร็จอย่างไร แล้วเราจะฉวยโอกาสฉวยประโยชน์จากการร่วมมือของการเปิดไร้พรมแดนให้มากที่สุดอย่างไรและจะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถทำการค้าขายซึ่งกันและกันให้ได้มากที่สุดอย่างไร เมื่อเรามีกรอบแล้วก็ควรจะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ส่งเสริมให้มีการทำมาค้าขายระหว่างในอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น


เมื่อถามถึงการเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี)และการประชุมระดับรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551ที่ผ่านมา ซึ่งมีปัญหาการใช้ถ้อยคำไม่ตรงกัน ในเรื่องชื่อปราสาทพระวิหารและข้อเสนอการปรับลดกำลังทหาร นายกษิตกล่าวว่า "คงไม่ต้องเอาเข้าที่ประชุมสภา เพียงแต่เอาไปรายงานให้ทราบความคืบหน้าก่อน ส่วนการตัดสินใจนั้นต้องฟังความเห็นของสภาฯ ซึ่งต้องดูรายละเอียดขั้นตอนอีกที ผมยังไม่ค่อยทราบขั้นตอนแต่คิดว่าเราสามารถไปรายงานต่อสภาชิกรัฐสภาในกรอบกรรมาธิการต่างๆ ได้ในระหว่างนี้ เพื่อให้สภาได้รับทราบ ผมคิดว่ายังมีช่องทางขอพบส.ส.ได้" นายกษิตกล่าวและย้ำถึงการประชุมเจบีซี ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า "ยังไม่ต้องเอาเข้าที่ประชุมสภา เพราะยังไม่มีการเปลี่ยนกรอบการเจรจานะครับ กรอบยังอยู่และผลยังมีอยู่ที่เสียมเรียบก็ควรจะเอาผลไปรายงานให้สภาทราบเป็นระยะๆ ส่วนการตัดสินใจนั้น ต้องดูว่าปฏิกิริยาที่สภา เป็นอย่างไรและอยากขอคำแนะนำจากสภา ส่วนการเจรจาก็ว่ากันต่อไป ถือว่ายังอยู่ในขั้นการเจรจายังไม่มีข้อยุติและไม่มีปัญหาที่เด็ดขาด


ผมคิดว่าในครรลองของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ต่อไปนี้ ทางฝ่ายบริหารไปทำอะไรมา ก็ต้องไปรายงานให้สภาทราบหรือหากยังไม่ได้เริ่มทำก็ไปขอกรอบในการเจรจา เราพยายามที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารและรัฐสภาให้มีระบบ และการประชุมครม.เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีมติให้ 2-3 กระทรวงนั่งประชุมกัน เพื่อที่จะวางดูว่าจะอนุมัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 อย่างไร จะให้มีสมุดคู่มือหรือจะให้เป็นระเบียบสำนักนายกฯ"


นายกษิต กล่าวถึงการไปเยือนประเทศกัมพูชาว่า ตนจะเดินทางไปในโอกาสแรกภายในเดือนมกราคม ส่วนวาระนั้นมีทุกเรื่องตั้งแต่การแนะนำตัว วาระเรื่องความมั่นคง เรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าความช่วยเหลือที่ประเทศไทยให้กัมพูชาและความร่วมมือกันในกรอบอาเซียน


ถามว่าหากกลุ่มคนเสื้อแดงมาปิดล้อมรัฐสภาในวันประชุมแล้วจะทำอย่างไร นายกษิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่เห็นเป็นประเด็นปัญหา ซึ่งสื่อมวลชนต้องไปถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เอง เพราะถือว่าเป็นงานของทางพรรค "นั่นไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของฝ่ายบ้านเมืองครับ อย่าถามเลยเรื่องนี้ ไม่เอา ไม่ตอบครับ" นายกษิตกล่าว


นายกษิต กล่าวถึงการช่วยเหลือจากทางการจีน กรณีเหตุไฟไหม้ผับซานติกา ว่า ทางการจีนแจ้งมายังสถานทูตไทยที่ปักกิ่ง แล้วแจ้งผ่านทางสถานทูตจีนในไทยว่าจะให้ความช่วยเหลือเรา เป็นเงินประมาณ 5แสนเหรียญดอลลาห์สหรัฐ ซึ่งเราก็ได้แจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบแล้วเพื่อนำไปดูแลผู้ป่วย เข้าใจว่ากระทรวงสาธารณะสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นแกนกลางในการดูแลผู้เจ็บป่วยทั้งหลาย  


 


"สุรินทร์"ระบุต่างประเทศมั่นใจไทย


ด้าน นายสุรินทร์ พิศ กล่าวว่าได้เข้าเยี่ยมคารวะ รมว.ต่างประเทศ ตามหน้าที่ และได้หารือกันหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการจัดประชุมอาเซียนครั้งที่ 14 ที่ได้เลื่อนจากวันที่ 15-18 ธ.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังหากำหนดวันที่ชัดเจนอยู่ โดยยังเหลือประเทศคู่เจรจาอีกประเทศเดียวที่ยังไม่ตอบตกลง คาดว่าจะทราบภายใน 1-2 วันนี้ ทั้งนี้รัฐบาลได้เสนอไปวันที่ 27 ก.พ.- 1 มี.ค. 2552 สำหรับการประชุมที่เกี่ยวข้องอื่น อาทิ การประชุมอาเซียนบวก 3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ยูเอ็น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานงานกันซึ่งจะมีความชัดเจนได้หลังจากที่กำหนดวันประชุมที่ลงตัวได้ 


นายสุรินทร์ กล่าวด้วยว่าประเทศไทยไร้เสถียรภาพ มีความวุ่นวายมา 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเป็นโอกาสที่จะประกาศให้ฟื้นคืนสู่สภาพปกติและพร้อมต่อการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียน ขอโอกาสให้กับประเทศฯไทยจัดประชุมได้ประสบความสำเร็จ ได้แสดงบทบาทและสามารถชี้นำองค์กรอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ สำหรับตน ซึ่งทำงานให้กับทุกรัฐบาล ยอมรับว่า 6 เดือนที่ผ่านมา เราไม่ประสบความสำเร็จ และไม่ได้ทำอะไรมากนัก เหลืออีก 1 ปี ก็หวังว่าไทยจะประสบความสำเร็จ สามารถเป็นเจ้าบ้านร่วมกันจัดประชุม ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่มีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้หากประชุมอาเซียนสำเร็จเรียบร้อย ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสและความเชื่อมั่นที่ไทยพึงมี และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยทั้งหมด 


เมื่อถามว่าประเทศอาเซียนได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การชุมนุมในประเทศไทยหรือไม่ เลขาธิการอาเซียนตอบว่า เท่าที่ติดตาม เขาก็อุ่นใจขึ้นเยอะ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆก้าวเข้าสู่ภาวะปกติเขาหวังว่าเจ้าภาพและประธานอาเซียน ไทยจะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ 


เลขาธิการอาเซียน ยังกล่าวด้วยว่า ในการหารือครั้งนี้ ตนยังขอให้ รมว.ต่างประเทศ เร่งแต่งตั้งผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ต้า ที่จะเริ่มทำงานภายใน 3 เดือนนี้ และหลายประเทศก็กำลังอยู่ระหว่างการแต่งตั้ง ส่วนสิงคโปร์ก็จะแต่งตั้งในวันที่ 5 ม.ค.นี้แล้ว ดังนั้นไทยฐานะประธานอาเซียนก็ต้อง เร่งดำเนินการ ขณะที่นายกษิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้หารือกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และขณะนี้ได้ชื่อแล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ และคาดว่าจะนำชื่อผู้แทนถาวรไทยฯ ประจำอาเซียน เสนอต่อที่ประชุมครม.พิจารณาโดยเร็ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net