ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 10 มกราคม 2552

 





การเมือง

 

ทอ.โต้สมชายงบเครื่องบินโปร่งใสพร้อมแจงทุกประเด็น

เว็บไซต์ไทยรัฐ : น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะรองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศได้ชี้แจงคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์เครื่องบินของกองทัพอากาศ จำนวน 21 ลำ วงเงิน 565.5 ล้านบาท หลังจากที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ออกมาระบุถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่โปร่งใส พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ จึงมอบหมายให้ น.อ.ประกิต ศกุณสิงห์ รองเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ เป็นผู้แทนชี้แจงรายละเอียด ซึ่งกองทัพอากาศชี้แจงทุกข้อสงสัย โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งกรรมาธิการฯ ไม่ติดใจอะไร แต่อาจมีบางคนยังมีข้อสงสัย

 

น.อ.มณฑล กล่าวว่า กองทัพอากาศดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอน ยึดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง ดังนั้น โครงการนี้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เข้าใจว่าเหตุใด พ.ต.ท.สมชาย จึงมาตั้งประเด็นตามที่เป็นข่าว ซึ่งข้อมูลตัวเลขไม่ตรงตามข้อเท็จจริง แต่รายละเอียดไม่สามารถระบุได้ เพราะไม่ต้องการให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นตอบโต้ผ่านสื่อ เพราะจะกลายเป็นการต่อปากต่อคำ ดังนั้น หากกรรมาธิการฯ ยังมีข้อสงสัยให้แจ้งมายังกองทัพอากาศ ซึ่งพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ส่วนจะให้จเรทหารเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้นั้น คงเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการทหารฯ

 

กกต.เล็งออกกฎคุมป่วนหาเสียง

เว็บไซต์มติชน : นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคม ถึงความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.29 คน ใน 22 จังหวัด 26 เขต ในวันที่ 11 มกราคมนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานถึงความผิดปกติ หน่วยข่าวรายงานเข้ามาตลอดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ส่วนกรณีคนเสื้อแดงขัดขวางการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.นั้น ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องควบคุม เพราะเป็นเรื่องความไม่สงบ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงข่มขู่ให้เลือก หรือไม่เลือกผู้สมัคร ส.ส.คนใด ก็อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53(5) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี


ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า กกต.เป็นห่วงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ก่อกวนการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งได้มีการหารือกันเบื้องต้น โดยอยู่ในระหว่างการคิดว่าจะมีการออกมาตรการหรือระเบียบหรือไม่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่จะทำให้ไม่กระทบต่อการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เพราะเบื้องต้น กกต.มีเพียงกฎหมายเลือกตั้ง ที่ไม่สามารถไปบังคับบุคคลภายนอกที่ไปก่อกวนในระหว่างการหาเสียง และไปชุมนุมที่หน้าหน่วยเลือกตั้งได้ แต่ถ้าพบว่าเป็นคนของผู้สมัครรับเลือกตั้งก็ต้องมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา

 

ปชป.โดนปาไข่อีกที่ปทุมธานี

เว็บไซต์มติชน : ที่ จ.ปทุมธานี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค ขึ้นรถหาเสียงช่วยนายอภินันท์ ช่วยบำรุง ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ถูกขบวนรถหาเสียงของนางชนากานต์ ยืนยง ผู้สมัครพรรคประชาราช ที่มีคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน อยู่บนรถขับตามประกบและก่อกวน พร้อมเปิดเครื่องขยายเสียงโจมตี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นาย ติดตามเฝ้าระวังป้องกันมิให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน

 

นายชำนิกล่าวว่า การใช้เครื่องขยายเสียงที่มีเสียงดังรบกวนผู้อื่น มีกฎหมายกำหนดโทษไว้ และโดยปกติในทางมารยาท ไม่มีใครทำกันแบบนี้ ซึ่งจากการหาเสียงที่ผ่านมา หากขบวนปราศรัยไปพบขบวนคู่แข่ง ก็จะหลีกทางให้กัน เพราะอย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตัดสินใจเลือกได้เอง


ด้านนายบัญญัติกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ส่วนนายวีรชาติ ปางวิรุฬรักษ์ ส.ส.ชุมพร ที่มาช่วยหาเสียงด้วย ก็มีคนปาไข่ถูกรถแห่ของนายวีรชาติ แม้ว่าจะพบเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไม่มีแกนนำ หรือ ส.ส.พรรคคนใดคิดจะเดินทางกลับ ยังเดินหน้าช่วยผู้สมัครต่อไป


พ.ต.อ.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี กล่าวว่า ขบวนรถหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาราช ได้เปิดเครื่องขยายเสียงแข่งกัน ขณะจอดหาเสียงที่ตลาดเจริญผล เขต อ.เมืองปทุมธานี ทำให้เกิดเสียงดังมาก และนายสันชัย ชฎาเพชรปก อายุ 57 ปี ได้ใช้ไข่ไก่ปาใส่ขบวนรถหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ถูกนายบัญญัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าระวังเหตุจึงควบคุมตัวนายสันชัย มาดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเปรียบเทียบปรับแล้วปล่อยตัวไป

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานประชุมใหญ่ สามัญประจำปี 2551 สาขาพรรคประชาธิปัตย์ลำดับที่ 58 และ 218 ที่วัดโคกหม้อ หมู่ 9 ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมืองลพบุรี ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน มาชูป้ายและตีนตบบริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัด และพยายามเดินทางเข้าไปในวัด แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดประตูไม่ให้เข้า และเมื่อนายชวน ปฏิบัติภารกิจเสร็จได้เดินทางออกจากวัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกันกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ให้เข้าใกล้ขบวนรถ

 

ต่อมาเมื่อขบวนรถของนายชวน เคลื่อนมาถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาลสิงห์บุรี มีกลุ่มเสื้อแดง 4 คนยืนชูตีนตบ และป้ายเขียนข้อความขับไล่ และเมื่อขบวนรถหาเสียงผ่านตลาดสด อ.อินทร์บุรี มีกลุ่มเสื้อเหลืองประมาณ 10 คนมายืนต้อนรับ นายชวนจึงลงจากรถไปทักทายประชาชนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ


"โอ๊ค"เดินตลาดอ่างทองช่วยพท.

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นรถตระเวนรอบตลาดหลวงอ่างทอง อ.เมืองอ่างทอง หาเสียงช่วย น.ส.เพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย ผู้สมัครส.ส.อ่างทอง พรรคเพื่อไทย ก่อนจะเดินทักทายผู้ค้าและประชาชน


"รมต.ชี้ตั้ง"ดีทีวี"ไม่กระทบรัฐบาล

เว็บไซต์มติชน : นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีแนวคิดเปิดสถานีโทรทัศน์ดีทีวีว่า รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้ถ้ากระทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนเรื่องที่เน้นเนื้อหาทางการเมืองเป็นหลักนั้น ก็ไม่ได้กังวลว่าจะกระทบต่อรัฐบาล เพราะการเมืองเป็นเรื่องของความเสรีแต่จะทำอะไรก็ขอให้มีความรับผิดชอบ ถ้าเนื้อหาไปกระทบสิทธิส่วนบุคคลใดบุคคลนั้นก็มีสิทธิดำเนินการตามกฎหมายได้อยู่แล้ว


"แต่ถ้าจะเปิดดีทีวีขึ้นมาจริงๆ นั้นเหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องคิดว่าประเทศในขณะนี้ต้องการความสงบเรียบร้อยความสามัคคี ก็ไม่อยากเห็นรายการอะไรที่จะเสนอให้ความแตกแยกของบ้านเมือง ผมเชื่อกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ถ้าหากว่าทำอะไรก็ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย รัฐบาลก็ไม่ไปตัดสิทธิของใครถ้าทำตามกฎหมายแต่ต้องให้อยู่ภายในกรอบของกฎหมายเช่นกัน"นายสาทิตย์กล่าว

 

ปัด"แม้ว"ให้50ล.ตั้งทีวีดาวเทียม

เว็บไซต์มติชน : นายนพดล ปัทมะ กล่าวปฏิเสธกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณสนับสนุนเงิน 50 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่ม นปช.นำไปตั้งทีวีดาวเทียม ดีทีวีว่า ขณะนี้มีความพยายามทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ร้าย ยืนยันว่าไม่เคยได้ยิน หรือทราบว่ามีการทุ่มเงินเพื่อก่อตั้งสถานีดาวเทียมดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าการก่อตั้งทีวีดาวเทียมดังกล่าวน่าจะมีผู้สนับสนุนจำนวนมากที่เคยเป็นผู้สนับสนุนรายการความจริงวันนี้ เมื่อถูกรัฐบาลชุดนี้กีดกันไม่ให้ออกอากาศประชาชนจึงผลักดันให้ทีวีช่องนี้เกิดขึ้นได้


นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่สถานีโทรทัศน์ดีทีวี แต่โดยส่วนตัวเคยได้รับการทาบทามให้ไปเป็นพิธีกรจัดรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหากมีการทาบทามมาอีกครั้งก็จะยินดีเพราะอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหลายคน อาทิ นายอดิศร เพียงเกษ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ จัดรายการอยู่ 


สปน.แจ้งความพธม.ทำทรัพย์สินเสียหาย 18 ล.

โพสต์ทูเดย์ : นายมงคล แสงหิรัญ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) เตรียมเดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลและเข้าไปรื้อทำลายทรัพย์สินภายใน สปน. พร้อมกับขโมยทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ของ สปน. ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในอาคารที่ทำการ จึงได้ทำการรวบรวมทรัพย์สินที่เสียหายทั้งหมด อาทิ โต๊ะทำงานถูกงัดทุกตัวและถูกรื้อค้น โน๊ตบุ๊คของเจ้าหน้าที่หายไป และระบบคอมพิวเตอร์เสียยกชุด รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 18 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะดำเนินคดีเฉพาะของ สปน.เท่านั้น ไม่รวมกับของทำเนียบรัฐบาล ในข้อหาทรัพย์สินสูญหายและถูกทำลาย

 

เพื่อไทยยื่นกระทู้ถามด่วนนายกฯ

เดลินิวส์ ซ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยื่นกระทู้ถามด่วนถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไปที่จะมีขึ้นวันที่ 21 ม.ค.นี้ ถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)เสนอถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ดินรัชดา

 

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ตนตั้งกระทู้ถามด่วนต่อนายกรัฐมนตรี 3 ประเด็น คือ 1.นายกรัฐมนตรีเคยอ่านคำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีดังกล่าวหรือไม่ 2.รัฐบาลมีส่วนรู้เห็นกับการออกข่าวของหน่วยงานของรัฐที่มักออกข่าวในทำนองว่าอดีตนายกรัฐมนตรีมีความผิดในคดีทุจริตซื้อที่ดินซึ่งเป็นการกล่าวที่ไม่ถูก ต้องตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวปรากฏชัดเจนในหน้า 37 ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 142 และมาตรา157 ทั้งนี้หากรัฐบาลมีส่วนรู้เห็นย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหลักความ ยุติธรรมที่รัฐบาลหยิบยกมาเป็นข้ออ้างในคำแถลงนโยบายของรัฐบาล และ3.รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างไร หากกรณีดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนที่ยังรักและศรัทธาต่อผลงานอดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาประท้วงหรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของสตช.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว ร.ต.ท.เชาวริน ได้นำเอกสารประทับตราลับมาก โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ทำถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 23 กันยายน 2551 เพื่อขอทราบความคืบหน้ากรณีที่มีการตรวจสอบพบว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กับพวกรวม 3 คน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงมาแจกกับสื่อมวลชน โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่า ตามที่บริษัทผู้ผลิตรายการรายหนึ่งถูกกีดกันไม่ให้เสนอราคาการจัดจ้างโฆษณา และเผยแพร่รายการของ สตช. จำนวน 3 รายการ ได้ร้องเรียนกล่าวหาพล.ต.อ.พัชรวาท ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการสตช. กับพวกรวม 3 คน ได้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ไม่ปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงการคลัง ได้จัดซื้อและจัดจ้างด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์โดยมีเจตนากระทำการเพื่อ เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอ็น-เอส-มีเดีย-แอสโซซิเอทส์ จำกัด จึงได้แต่ตั้งพล.ต.ท.ทวีพร นามเสถียร ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง

 

ภายหลังการตรวจสอบคณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่า พล.ต.อ.พัชรวาท กับพวกรวม 3 คน ได้กระทำความผิดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ ข้อ 18 (6) และข้อ 21 , ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ 6 ,12,13 และ16 ,พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และ 12 ,ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 15,152,157 ประกอบมาตรา 83,84,86,90 และ 91 รวมถึงพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2247 มาตรา 86 และ 79 (1) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังระบุว่า ความผิดดังกล่าวถือเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงเสนอนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีให้ทำการตรวจสอบ แต่ยังไม่ทราบความคืบหน้าจึงทำหนังสือถึงนายสมชาย เพื่อขอความคืบหน้าในเรื่องนี้

 

ทั้งนี้ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวด้วยว่า หาก สตช.ว่างมาก ตนอยากฝากติดตามเรื่องนี้ และฝากถึงนายอภิสิทธิ์ ในฐานะที่มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขอให้ติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ด้วย เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องผิดวินัยร้ายแรง เมื่อเรื่องของผู้บัญชาการ สตช.ยังไม่มีความชัดเจนแล้วจะไปหาความชัดเจนในเรื่องใดได้ อย่างไรก็ดีหากนายกรัฐมนตรียังไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องนี้ ตนในฐานะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาเพื่อตรวจสอบ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของรัฐ ในส่วนของงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งมีงบประมาณถึง 114 ล้านบาท

 

จวกรัฐกลั่นแกล้งถอดยศทักษิณ ไม่แตะชลอจำคุก 14 ปี

ไทยรัฐ : ร. ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ในฐานะที่เคยรับราชการตำรวจมาก่อน เห็นว่าการเสนอถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ว่าในระเบียบสามารถกระทำได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อตำรวจที่ยังรับราชการอยู่ ประพฤติชั่วร้ายและเป็นเรื่องทุจริต ต้องจำคุกเท่านั้น แต่ในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกจากราชการมานานกว่า 30 ปี ที่สำคัญคำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกไม่เข้าข่ายที่จะนำมากล่าวอ้างว่ามี การกระทำทุจริต

 

"ผมเห็นว่า หากรัฐบาลดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ ใช้อารมณ์กลั่นแกล้ง อีกทั้งตำรวจยังตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐ และจะยิ่งสร้างความแตกแยกให้บ้านเมืองเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับกรณีของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และนายตำรวจคนอื่น ๆ ที่ถูกจำคุกนานถึง 14 ปี กลับไม่มีการถอดยศ" ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยกล่าว

 

ผบ.ตร.ปัดตอบถอดยศ 'ทักษิณ'

เดลินิวส์ : พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตนยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปพิจารณาทุกแง่ทุกมุมให้เกิดความชัดเจน ต้องดูเจตนาของระเบียบ รวมถึงพิจารณาว่ารายละเอียดของระเบียบดังกล่าวเขียนไว้ว่าอย่างไร ซึ่งจะต้องให้เจ้าหน้าที่พิจารณาอย่างรอบคอบมากที่สุด เมื่อถามว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ผบ.ตร.ก็เลี่ยงที่จะตอบโดยยุติการให้สัมภาษณ์.

 

"จำลอง"ย้ำจัดสังสรรค์พธม.ไม่ได้โจมตีกลุ่ม"เสื้อแดง"

เว็บไซต์มติชน : พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ถึงการจัดเวทีสังสรรค์พันธมิตรและครอบครัว ที่บริเวณโรงเรียนผู้นำ มูลนิธิพลตรีจำลอง ศรีเมือง บ้านพุประดู่ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี ในวันที่ 10 ม.ค. ว่า เป็นเวทีที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์ของกลุ่มเพื่อนที่เคยร่วมงานกัน ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ที่เคยมาร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนผู้นำ โดยถือเป็นการพบปะสังสรรค์และจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งก็จัดเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ก็จะมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้กับผู้ที่เข้าร่วมงาน มีทั้งการเสวนาเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน การนำเอาหลักธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต ศาสนากับการเมืองใหม่ และยังมีการแสดงดนตรีเพื่อเยาวชน เนื่องจากการจัดงานในปีนี้ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ โดยกิจกรรมก็จะเริ่มมีตั้งแต่ในช่วงเช้าไปจนถึงช่วงกลางคืน ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี อีกด้วย

 

พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า การที่หลายฝ่ายมองว่า การจัดเวทีในครั้งมุ่งหวังโจมตีกลุ่มเสื้อแดงนั้น ตนขอชี้แจงว่า การจัดเวทีสังสรรค์พันธมิตรและครอบครัวโรงเรียนผู้นำนี้ ไม่ได้มีความมุ่งหวังที่จะใช้เวทีนี้ในการโจมตีกลุ่มเสื้อแดงที่ออกมา เคลื่อนไหวในขณะนี้แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการพบปะสังสรรค์และพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน การจัดงานก็จะมีการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ท่านที่อยากจะเดินทางมาร่วมงานก็สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ โดยจะต้องนำเอาเต้นท์หรือที่นอนปิกนิกมาด้วย เนื่องจากห้องพักของทางโรงเรียนผู้นำมีเพียง 90 ห้อง ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้เดินทางมาจับจองกันพอสมควรคาดว่า จะไม่เพียงพอในการรองรับผู้ที่จะเดินทางมาร่วมงานอย่างแน่นอน

 

ทีดีอาร์ไอแนะนายกฯปฏิรูปภาษี
เว็บไซต์มติชน : ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานทีดีอาร์ไอ และนายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ รองประธานทีดีอาร์ไอ เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นข้อเสนอนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อรัฐบาล โดยมี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายสาวิตต์ โพธิวิหค ที่ปรึกษานายกฯ เข้าร่วมรับฟังด้วย 


 รายงานข่าวแจ้งว่า นโยบายที่ทีดีอาร์ไอ ยื่นข้อเสนอต่อนายกฯ ประกอบด้วย นโยบายเฉพาะหน้า และนโยบายระยะกลางด้านรายได้ โดยนายกฯได้รับว่าจะนำข้อเสนอทั้งหมดไปหารือกับทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
 

ทั้งนี้ ข้อเสนอด้านนโยบายเฉพาะหน้า คือการให้รัฐมนตรีที่มีความรู้การบริหารการเงินภาครัฐติดตามการใช้จ่ายเงินงบกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ทำรายงานการเงินและการใช้จ่ายให้รัฐบาลทุกไตรมาส
 

ส่วนนโยบายระยะกลาง ทีดีอาร์ไอ เห็นว่า รัฐบาลอาจต้องดำเนินนโยบายการคลังขาดดุลในอีก 1-3 ปีข้างหน้า รวมทั้งจะมีการใช้นโยบายประชานิยม ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะจนถึงระดับอันตราย ควรปฏิรูประบบภาษีโดยเร่งด่วนเพื่อขยายฐานภาษีและรายรับ โดยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เพื่อศึกษาโครงสร้างภาษีทั้งระบบ และเพิ่มรายได้ด้วยการปรับปรุงระบบภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีสุราทุกชนิดเพื่อลดการบริโภคแอลกอฮอล์


นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอมาตรการแทรกแซงสินค้าเกษตร โดยเปลี่ยนแนวคิดจากการประกันราคาสูงกว่าราคาตลาด เป็น "ราคาที่ไม่ขาดทุน" และนำระบบประกันภัยราข้าวแบบ put option ในตลาดล่วงหน้ามาใช้แทนการจำนำข้าวในปัจจุบัน โดยระยะสั้น ยังต้องคงนโยบายจำนำข้าวเปลือกไว้ แต่ให้กำหนดราคาจำนำเพียงร้อยละ 90-95 รวมทั้ง รัฐบาลควรปลดหนี้สินให้เกษตรกรในโครงการพิเศษของรัฐบาลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากเป็นแสนล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลไม่ควรมีนโยบายผลักดันหรือแทรกแซงการดำเนินงานของสถาบันการเงินโดยให้ปล่อยกู้เพิ่มแก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี เพราะในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก การทำธุรกิจมีความเสี่ยง แต่ควรใช้เครื่องมือการร่วมประกันความเสี่ยงบางส่วนผ่านสถาบันการเงินต่าง ๆ

เอกชนไม่ประทับใจแผนศก.

เว็บไซต์มติชน : แหล่งข่าวในวงการส่งออก กล่าวว่า หากมาตรการย่อยที่จะสนับสนุนมาตรการหลักของรัฐบาลไม่สามารถออกมาได้ภายใน 15-30 วัน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมพร้อมในการแก้ไขระบบเศรษฐกิจของไทย เพราะที่ผ่านมา แต่ละกระทรวงก็อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและข้อเสนอ ที่น่ากังวลคืออาจต้องมีการถกเถียงกันอีกระยะหนึ่งจนกว่าแผนงานจะได้รับอนุมัติ
 

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาเป็นภาพกว้าง ไม่ได้มีการเจาะลึก โดยภาคอุตสาหกรรมคงจะต้องมีการหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์จะดีกว่า ส่วนมาตรการที่ออกมาจะสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ อยู่ที่ภาคปฏิบัติมากกว่า เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนกว่าจะเห็นผล

เร่งเงินอสม.เริ่มจ่ายมี.ค.
เว็บไซต์มติชน : นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จะเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการจ่ายค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ เดือนละ 600 บาท ตามนโยบายรัฐบาล โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เบิกจ่ายได้ทันวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มีนาคมนี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญ ให้มีกำลังใจทำงานช่วยเหลือภาครัฐแก้ไขปัญหาสาธารณสุขต่อไป
 

นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ทั่วประเทศมี อสม.กว่า 830,000 คน อสม.1 คน ดูแลประชาชน 10-15 หลังคาเรือน ในการทำงานของ อสม.นั้น จะให้ทำงานร่วมกับสถานีอนามัยซึ่งมีครบทุกตำบล

 

เพิ่มค่าครองชีพขรก.-รัฐรับภาระประกันสังคมแทนลูกจ้าง

เว็บไซต์คมชัดลึก : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง "เศรษฐกิจกับการเมืองไทย" สำหรับหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 13 ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ ยอมรับว่า กระทรวงการคลังกำลังเตรียมการกู้เงินต่างประเทศเพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจัดทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงแรกที่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยไปถึงไตรมาส 3 ของปีนี้

 

"การกู้เงินต่างประเทศจะเป็นช่องทางที่จะนำเงินมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ เพราะกรอบที่ทำอยู่ขณะนี้เป็นเงินกู้ในประเทศเท่านั้น การกู้เงินต่างประเทศต้องพิจารณาเงื่อนไข ขั้นตอนต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นกระทรวงการคลังจะพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงแรกที่ดำเนินการนั้นจะรองรับเศรษฐกิจไปถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนกว่านี้หรือไม่" นายกฯ กล่าว

 

ทั้งนี้เงินกู้ต่างประเทศไม่จำเป็นต้องนำมาใช้เฉพาะลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกท์เท่านั้น แต่อาจนำมาใช้ในโครงการขนาดเล็กก็ได้ แต่ต้องเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่ารัฐบาลจะกู้เงินเท่าใด เพราะต้องดูตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมก่อน

 

เล็งเพิ่มค่าครองชีพข้าราชการชั้นผู้น้อย

เว็บไซต์คมชัดลึก : ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังจะมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้ประจำ ซึ่งเป็น 1 ใน 9 กลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลจะช่วยเหลือ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาข้อยุติว่าจะมีมาตรการใดและมีรายละเอียดอะไรบ้าง โดยการช่วยเหลือจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มข้าราชการชั้นผู้น้อย และพนักงานเอกชน ซึ่งจะดูแลเรื่องการเพิ่มรายได้โดยตรง โดยภาคข้าราชการจะเพิ่มค่าครองชีพให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย ส่วนพนักงานเอกชนนั้นจะเข้าดูแลเงินประกันสังคม โดยรัฐบาลจะรับภาระจ่ายเงินสมทบประกันสังคมแทนพนักงานเอกชน แต่ไม่รวมถึงการสมทบของนายจ้าง นอกจากนี้จะกำหนดมาตรการภาษีดูแลกลุ่มผู้มีรายได้ประจำทั้งหมด คาดว่าจะสรุปการช่วยเหลือผู้มีรายได้ประจำในวันที่ 13-14 มกราคมนี้

 

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก เพราะหากการเมืองวุ่นวายจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เช่น เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองช่วงที่ผ่านมา กระทบต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจอย่างมาก หรือหากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยรุนแรงได้ จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

 

 





คุณภาพชีวิต

 

 

กทม.โหมโรงส่ง SMS ชวนคนกรุงเลือกผู้ว่าฯ

ไอเอ็นเอ็น- นาย พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวส่งข้อความ SMS ชวนคนรักกรุงเทพไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ร่วมกับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประกอบด้วยดีแทค เอไอเอส ทรูมูฟ และฮัทช์ โดยร่วมกันส่งข้อความ SMS เชิญชวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อย่างพร้อมเพรียงในวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลไปถึงผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 16 ล้านเลขหมายในเขตกรุงเทพ สำหรับข้อความ SMS จะมีด้วยกัน 3 ครั้ง คือข้อความแรกชวนไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 11 ม.ค. ส่งเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมาข้อความที่ 2 วันนี้อย่าลืมออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะส่งในวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค. และข้อความสุดท้ายใกล้ปิดหีบเลือกตั้งรีบไปใช้สิทธิ์จะส่งในช่วง 2 ช.ม.สุดท้ายก่อนปิดหีบเลือกตั้ง

 

วันเด็กปีนี้เด็กขอผู้ใหญ่เลิกชุมนุมประท้วง

เว็บไซต์คมชัดลึก : ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ความในใจของเด็กในวันเด็ก ต่อผู้ใหญ่ในสังคม ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง กรณีศึกษาเด็กตัวอย่าง อายุ 10-15 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,157 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 7-9 มกราคม 2552 ผลสำรวจที่ค้นพบคือ เด็กๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุลักษณะชุมชนที่ตนเองพักอาศัยอยู่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี ในขณะที่ร้อยละ 14.1 ระบุ ต่างคนต่างอยู่

 

เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเด็กจากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 39.0 อยากได้คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นต้น รองลงมาหรือร้อยละ 26.9 อยากได้ทุนการศึกษา เรียนฟรี อุปกรณ์การเรียน หนังสือ ในขณะที่ร้อยละ 22.2 อยากให้ดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวาย สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน ไม่มีการประท้วง และอันดับรองๆ ลงไปคือ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น สินค้าราคาถูก อยากให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนซื่อสัตย์ จงรักภักดี รับใช้ประชาชน ส่งเสริมด้านกีฬา รักเอาใจใส่ดูแลเด็กและเยาวชน สร้างสิ่งต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้เด็กมีสิทธิมีเสียงในสังคม และช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นของขวัญวันเด็กปีนี้

 

เมื่อถามถึง สิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเด็กจากผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนใหม่ พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 31.2 อยากได้ คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นต้น รองลงมาคือร้อยละ 23.6 อยากได้ทุนการศึกษา เรียนฟรี อุปกรณ์การเรียน หนังสือ ในขณะที่ร้อยละ 15.0 ระบุอยากให้พัฒนากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ ร้อยละ 9.4 อยากให้ผู้ว่าฯ ทำให้คนกรุงเทพฯ มีความสุข และรองๆ ลงไปคือ สร้างสิ่งต่างๆ ให้คนกรุงเทพมหานคร มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เช่น สวนสาธารณะ ทางม้าลาย อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต อยากให้มีความสามัคคีกัน อยากให้บ้านเมืองสะอาด รถไม่ติด และอยากให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภค ตามลำดับ

 

ถามสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังชุมนุมประท้วงทางการเมืองตามที่ต่างๆ ของประเทศขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.0 อยากให้เลิกชุมนุมประท้วง อยู่ในความสงบ รองลงมาคือ ร้อยละ 37.2 อยากให้รักและสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน ในขณะที่ร้อยละ 15.8 อยากให้ผู้ใหญ่ที่ขัดแย้งกันหันมาบริจาคสิ่งของให้เด็กๆ เช่น อุปกรณ์กีฬา ของเล่น อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น

 

ที่น่าพิจารณาคือ สิ่งที่เด็กๆ อยากให้ผู้ใหญ่ในสังคมแสดงการกระทำ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในปี พ.ศ.2552 นี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.0 อยากให้แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน รองลงมาคือ ร้อยละ 89.1 อยากให้รักและสามัคคีต่อกัน ไม่แตกแยก เลิกทะเลาะกัน ร้อยละ 72.5 อยากให้เคารพกฎหมายบ้านเมือง ร้อยละ 71.8 อยากให้ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน ในขณะที่ ร้อยละ 70.4 อยากให้แสดงความกตัญญู รู้คุณต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม

 

สิ่งที่เด็กๆ อยากได้เป็นของขวัญจากคนในครอบครัวเดียวกัน พบว่า ร้อยละ 42.4 อยากได้ความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่ กำลังใจและช่วยเหลือกันในครอบครัว ไม่ทะเลาะกัน รองลงมาคือ ร้อยละ 35.5 อยากได้สิ่งของต่างๆ จากพ่อแม่ เช่น เงิน ของเล่น อุปกรณ์การเรียน คอมพิวเตอร์ ในขณะที่รองๆ ลงไป คือ อยากให้ทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้าเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันเช่น ไปเที่ยว รับประทานอาหาร และอยากให้ครอบครัวมีความสุข มีสิ่งดีๆ เข้ามาในครอบครัว อยากให้พ่อแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่แยกทางกัน อยากให้สมาชิกในครอบครัวเลิกดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ เลิกยาเสพติด และเลิกอบายมุข เป็นต้น

 

ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เด็กอยากวอนขอจากผู้ใหญ่บางกลุ่มบางคนที่กำลังมีความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงขณะนี้ คือ อยากให้อยู่ในความสงบ อยากให้รักและสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน หันมาดูแลเอาใจใส่เด็กๆ มากขึ้น อย่าทำลายบรรยากาศการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของสังคมไทย ยิ่งไปกว่านั้น เด็กๆ อยากเห็นผู้ใหญ่กระทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่อง ความจงรักภักดีต่อสถาบัน รักและสามัคคีต่อกัน เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และแสดงความกตัญญู รู้คุณต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม

 

"ความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ เหล่านี้ กลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังแบ่งขั้วแยกข้างในขณะนี้น่าจะนำไปพินิจวิเคราะห์ให้ดีถึงผลกรรมที่ตนเองกำลังกระทำอยู่เวลานี้ว่า อาจทำลายบรรยากาศ ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยเสียไป จนกลายเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ลอกเลียนแบบพฤติกรรมใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ไม่หลงเหลือความเอื้ออาทร และไมตรีจิตต่อกัน ผลที่ตามมาคือ เด็กๆ คงจะไม่รู้สึกอีกต่อไปว่าชุมชนที่ตนเองพักอาศัยอยู่มีความช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน และจะเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเกมการเมืองที่กำลังแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ของกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ในเวลานี้" ดร.นพดลกล่าว

 

ทอท.แจงแก้ปัญหาผลกระทบ"เสียง" จ่ายชดเชย 576ล้าน
เว็บไซต์มติชน : นายสมชัย สวัสดีผล ประธานคณะทำงานชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงาน ทสภ.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แถลงเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ถึงการดำเนินงานแก้ไขผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)ที่ผ่านมาของ ทอท.ตั้งแต่ก่อนเปิด ทสภ.จนถึงปัจจุบัน, งบประมาณในการชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการประเมินราคาที่ดิน/อาคารในพื้นที่ NEF มากกว่า 40 ที่ล่าช้า รวมทั้งคำชี้แจงข้อเรียกร้องของประชาชน ที่ห้องประชุมทอท.1 สำนักงานใหญ่ ทอท.

 

โดยนับตั้งแต่ ทสภ.เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 ทอท.ได้จ่ายเงินเป็นค่าชดเชยและสนับสนุนการศึกษาเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 576.557 ล้านบาท และเตรียมจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติมในวันที่ 20 ม.ค.52 โดยจ่ายค่าชดเชยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารไปดำเนินการปรับปรุงอาคารเอง จำนวน 41 อาคาร เป็นเงิน 9,916,083.98 บาทและจ่ายค่าชดเชยเพื่อให้สถานที่อ่อนไหวต่อผลกระทบด้านเสียงนำเงินไปปรับปรุงอาคาร และติดตั้งครื่องปรับอากาศเองเพื่อลดผลกระทบด้านเสียง ได้แก่ วัดลาดกระบัง เป็นเงิน 16,830,515.80 บาท

 

ทอท.จะยังคงเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชนใกล้เคียง ทสภ. ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ ทสภ.เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคควบคู่ไปกับการเป็นท่าอากาศยานที่ใกล้ชิดและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อไป

 

ชาวมอแกนร้องอบต.ทวงพื้นที่ฝังศพบรรพบุรุษ
เว็บไซต์มติชน : นายสมพร ใหม่เมือง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 บ้านท่าปากแหว่าง หมู่ที่ 11 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กล่าวเมื่อวันที่ 9 มกราคม ว่า ได้ร่วมกับชาวบ้านหมู่ที่ 11 เข้าร้องเรียนนายพิชิต จินดาพล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกกลอย และนายยืนยง คงบุตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 11 พื้นที่เกาะเปลว อยู่ระหว่างบ้านเกาะแระ ต.หล่อยูง และบ้านท่าปากแหว่ง ต.โคกกลอย ซึ่งเป็นป่าชายเลนล้อมเกาะ ตรงกลางเกาะเป็นที่ราบมีป่าสนทะเล โดยพื้นที่เกาะด้านบ้านท่าปากแหว่ง เป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของชาวมอแกนอย่างน้อย 4 รุ่น มีหลุมฝั่งศพกว่า 30 หลุม แต่ล่าสุดพบมีการปักเขตใหม่ทำให้พื้นที่ฝังศพเก่าหายไป เหลือแต่ที่ฝังศพใหม่ๆ ทำให้ชาวบ้านตกใจ

 

นายยืนยงกล่าวว่า หลังได้รับร้องเรียนได้เดินทางพร้อมนายพิชิตลงพื้นที่ดู และจะร่วมมือกับนายสืบศักดิ์ทวงที่ดินฝังศพคืนให้ชาวมอแก

 

พยาบาลบุก สธ.ร้องขอเพิ่มค่าตอบแทน

โพสต์ทูเดย์ : พยาบาลในสถานีอนามัย โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั่วประเทศจำนวน 1,000 คนจาก โรงพยาบาลชุมชน 724 แห่งทั่วประเทศจะเดินทางมาเข้าพบนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเป็นธรรมใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนพยาบาลโดยไม่มีพยาบาลที่จบใหม่เข้ามาแทนที่ ทั้งที่เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ 2.ปัญหาเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น จะทำให้ตำแหน่งเดิมถูกยุบไป ขณะนี้มีพยาบาลทั้งประเทศในสังกัด สธ.ประมาณ 60,000 คน แต่มีพยาบาลระดับ 8 เพียง 1,035 คน ระดับ 9 เพียง 18 คนเท่านั้น และ 3.การเพิ่มค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายพื้นที่ปกติ 2,000-5,000 บาท พื้นที่ทุรกันดารหนึ่ง 5,000-8,000 บาท และพื้นที่ทุรกันดารสอง 7,000-10,000 บาท

 

 

 





ต่างประเทศ

 

 

"ฮุนเซน"ปัดร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน

เว็บไซต์มติชน : สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 9 มกราคม ว่า สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเรียกร้องให้ไทยใช้ความพยายามในการประสานกำหนดวันสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาใหม่ หลังจากที่ไทยได้ข้อสรุปว่าจะแยกการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาออกจากกัน เนื่องจากสมเด็จฯฮุน เซน และผู้นำประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศไม่สะดวกที่จะเดินทางมาร่วมประชุมตามเวลาดังกล่าว ซึ่งล่าสุดไทยระบุว่าจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคมนี้ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์


" ผมไม่สามารถเดินทางไปไทยถึง 3 ครั้งในหนึ่งปี เพื่อร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ผมมีงานอื่นที่ต้องทำเหมือนกัน และคิดว่าผู้นำคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน แผนการที่จะแยกการประชุมสุดยอดอาเซียนออกจากการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ถ้าไม่สามารถจัดการประชุมพร้อมกันได้ ไทยก็ควรเลื่อนการประชุมออกไปเป็นปลายปีŽ สมเด็จฯฮุน เซน กล่าว


นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า การแยกการหารือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาซึ่งประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ไปจัดในช่วงปลายเดือนเมษายน เป็นเพราะจีนยุ่งอยู่กับการจัดประชุมสมัชชาประชาชนจีน ทั้งนี้ เอพีระบุด้วยว่า สมเด็จฯฮุน เซน มักจะวิพากษ์วิจารณ์ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างกันมีปัญหาเป็นระยะ โดยเมื่อปีที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนจนเป็นเหตุให้ทหารหลายนายเสียชีวิต


ด้านเอเอฟพีรายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาว่า การแยกประชุมสุดยอดอาเซียนกับการประชุมผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาออกจากกันเป็นเรื่องเสียเงินและยากลำบากสำหรับสมเด็จฯฮุน เซน ที่จะเดินทางไปร่วมประชุมหลังจากที่ไทยได้เลื่อนการประชุมและเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดประชุมมาแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้สมเด็จฯฮุน เซน เชื่อว่าการหารือกับประเทศคู่เจรจาซึ่งถูกแยกไปเป็นเดือนเมษายนเป็นการหารือที่มีความสำคัญที่สุด ดังนั้นหากจะจัดประชุมโดยมีเพียงผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ คงเป็นเรื่องยากที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะไปเข้าร่วมประชุมด้วย


โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสนับสนุนทางเลือกตามข้อเสนอของสิงคโปร์ ที่จะให้เปลี่ยนไปจัดประชุมสุดยอดอาเซียนที่สำนักเลขาธิการอาเซียนในกรุงจาการ์ตา ประเทสอินโดนีเซีย และเหตุที่การประชุมกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มีความสำคัญมากกว่า ก็เพราะคาดว่าประเทศคู่เจรจาเหล่านี้จะให้ความสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,800,000 ล้านบาท เป็นเงินช่วยเหลือสำหรับภูมิภาคเพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือภายในข้อริเริ่มเชียงใหม่


ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงรายงานข่าวดังกล่าวว่า เท่าที่ทราบเป็นเพียงการรายงานข่าวเท่านั้น เพราะในการติดต่อกันตามช่องทางทางการทูตฝ่ายกัมพูชาก็บอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ในหลักการผู้นำกัมพูชาพร้อมจะมาร่วมประชุม อย่างไรก็ดี ในระหว่างวันที่ 14-15 มกราคมนี้ จะมีการประชุมระดับอธิบดีกรมอาเซียน ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ได้คุยกันในรายละเอียดได้


ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะเดินทางเข้าดูสถานที่จัดการประชุม ห้องพัก และสถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองในการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ อ.หัวหิน โดยตรวจดูห้องพักโรงแรมที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จากนั้นเชิญภาคเอกชน สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เทศบาลเมืองหัวหิน และเทศบาลเมืองชะอำ เข้าร่วมหารือความพร้อมของพื้นที่และปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำกลับไปเสนอที่ประชุมใหญ่ต่อไป


นายกษิตกล่าวว่า การประชุมอาเซียนซัมมิทจะมีสื่อมวลชนจากต่างประเทศและไทยกว่า 700 คน พร้อมผู้นำ ผู้ติดตาม ตลอดจนเจ้าหน้าที่จาก 10 ประเทศ รวมเกือบ 2,000 คน ซึ่งจะส่งผลดีต่อพื้นที่ จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของพื้นที่คงต้องดูเรื่องความสะอาดบริเวณชายหาด และการต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม เบื้องต้นสถานที่ประชุมคงใช้ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ ส่วนสถานที่พักจะกระจายทั้งในส่วน อ.ชะอำ และ อ.หัวหิน

 

รออียูเฝ้ายาม หมียอมส่งก๊าซ ป้อนชาติยุโรป

ไทยโพสต์ : มอสโก/เคียฟ - ยุโรปโล่งอก รัสเซียตกลงยอมจ่ายก๊าซธรรมชาติผ่านยูเครนแล้ว โดยให้อยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ร่วมกัน ป้องกันไม่ให้ยูเครนลอบสูบก๊าซไว้เอง

 

วิกฤติขาดแคลนก๊าซในยุโรปตลอด 9 วันที่ผ่านมาซึ่งเกิดจากรัสเซียหยุดจ่ายก๊าซฯ ผ่านท่อส่งในยูเครน เริ่มคลี่คลายแล้ว ภายหลังผู้นำจากสหภาพยุโรป (อียู) และรัสเซียสามารถเจรจาตกลงกันได้เมื่อวันพฤหัสบดี โดยโฆษกของนายกฯ วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ยืนยันเมื่อวันศุกร์ว่า รัสเซียเห็นชอบที่จะส่งคณะผู้สังเกตการณ์ ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากอียู, รัสเซีย และยูเครน มาเฝ้าสังเกตการจ่ายก๊าซจากรัสเซียมายังโรงจ่ายในยูเครน

 

รัฐบาลเช็ก ประธานอียูปัจจุบัน แถลงว่า ข้อตกลงนี้น่าจะทำให้การจ่ายก๊าซจากรัสเซียมายังสมาชิกอียูเริ่มกลับคืนดังเดิม อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวกันว่า แม้คณะผู้สังเกตการณ์จะประจำที่โรงมาตรวัดก๊าซหลักแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรืออาจหลายวันกว่าที่ก๊าซจะส่งผ่านยูเครนไปถึงยุโรปอีกครั้ง

 

รัสเซียตกลงจ่ายก๊าซให้แก่ลูกค้าในยุโรปเท่านั้น โดยไม่จ่ายให้ยูเครน เนื่องจากทั้งสองชาติยังตกลงกันไม่ได้เรื่องราคาก๊าซ ที่ยูเครนเคยอาศัยอานิสงส์อุดหนุนมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต โดยปูตินยังยืนกรานให้ยูเครนจ่ายตามราคาท้องตลาด

 

การมีผู้สังเกตการณ์จะช่วยให้รัสเซียมั่นใจได้ว่ายูเครนจะไม่ลักก๊าซไว้เอง ข้ออ้างซึ่งยูเครนปฏิเสธนี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้รัสเซียลดปริมาณหรือหยุดจ่ายก๊าซผ่านท่อส่งในยูเครน ทำให้ผู้คนบนคาบสมุทรบอลข่านและยุโรปตะวันออกเดือดร้อนขาดแคลนพลังงานสู้อากาศหนาวเหน็บ โรงงานหลายแห่งต้องปิดและภาคขนส่งได้รับผลกระทบ ลามไกลถึงฝรั่งเศสและเยอรมนี

 

ยิว-ฮามาสเมินมติ UN สั่งหยุดยิง

ไทยโพสต์ : การสู้รบในดินแดนฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ที่อิสราเอลเริ่มเปิดฉากโจมตีทางอากาศมาตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ยังคงดำเนินต่อไปในวันศุกร์ โดยจำนวนชาวปาเลสไตน์ที่สังเวยชีวิตได้เพิ่มเป็นเกือบ 800 คนแล้ว ในจำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นพลเรือน ขณะที่สหภาพยุโรปและโลกอาหรับ ซึ่งมีฝรั่งเศสและอียิปต์เป็นตัวแทน กำลังพยายามจัดการเจรจาที่กรุงไคโรเพื่อเกลี้ยกล่อมให้รัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยอมรับข้อตกลงหยุดยิง ในวันพฤหัสบดี คณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ลงคะแนนผ่านข้อมติ ด้วยคะแนน 14-0 โดยสหรัฐงดออกเสียง เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงโดยทันทีและเปิดทางให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์เข้าให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และยุติการลักลอบขนอาวุธของกลุ่มฮามาส

 

คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงการที่สหรัฐซึ่งเป็นสมาชิกถาวรที่มีสิทธิวีโต ไม่ลงมติเห็นชอบด้วยในครั้งนี้ เป็นเพราะสหรัฐต้องการรอผลการดำเนินการริเริ่มของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ของอียิปต์ ที่เชิญผู้แทนสองฝ่ายขัดแย้งมาเจรจากันเสียก่อน

 

อย่างไรก็ดี ข้อมติของคณะมนตรีฯ ถูกเมินทั้งจากรัฐบาลอิสราเอลและฮามาสที่ยังเดินหน้าสู้รบกันต่อไปในวันศุกร์ เครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ของอิสราเอลยังทิ้งระเบิดถล่มฉนวนกาซามากกว่า 50 ครั้ง ซึ่งหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินเผยว่าได้คร่าชีวิตพลเรือนเพิ่มอีก 12 คน และรถถังยังยืนปืนใหญ่โจมตีบ้านหลังหนึ่งในบีตลาฮียาตอนเหนือของกาซา ตายกันไปอีก 6 คน ในขณะที่ฮามาสได้ยิงจรวดมากกว่า 15 ลูกโจมตีทางใต้ของอิสราเอล ทำให้มีคนบาดเจ็บ 1 คน ยังมีจรวดอีกอย่างน้อย 4 ลูกยิงใส่เมืองเบียร์เชวา ห่างจากกาซาราว 40 กม.เมื่อเช้าตรู่วันศุกร์ แต่ไม่มีรายงานความสูญเสีย

 

นายกฯ เอฮุด โอลเมิร์ต ของอิสราเอล กล่าวว่า การยิงจรวดชุดล่าสุดของฮามาสแสดงให้เห็นว่าข้อมตินี้ใช้การไม่ได้ และกองทัพอิสราเอลจะปกป้องประชาชนของตนต่อไป

 

โอลเมิร์ต พร้อมด้วยเอฮุด บารัก รมว.กลาโหม และนางซิปี ลิฟนี รมว.ต่างประเทศ สามผู้นำการเมืองที่เป็นคู่แข่งกันในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำหนดจะมีขึ้นภายใน 1 เดือนข้างหน้า ได้ประชุมนัดพิเศษร่วมกันเมื่อวันศุกร์ ก่อนจะประชุมคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและผู้นำกองทัพต่อไป แต่เชื่อว่าข้อมติของคณะมนตรีฯ คงไม่อาจกดดันให้รัฐบาลอิสราเอลยุติการถล่มกาซา

 

ข้อมติยูเอ็นยังเกิดไล่หลังไม่กี่ชั่วโมงที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์ของยูเอ็นระงับการส่งอาหารและความช่วยเหลือเข้ากาซา ภายหลังขบวนรถของยูเอ็นถูกโจมตีโดยเชื่อว่าเป็นฝีมือกองทัพอิสราเอล ทำให้คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต

 

จำนวนพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ล้มตายไม่หยุดยิ่งทำให้อิสราเอลถูกวิจารณ์และประณามมากขึ้นจากนานาชาติและองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลังจากรถถังยิงถล่มโรงเรียน 3 แห่งของยูเอ็น คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ราว 50 รายเมื่อต้นสัปดาห์ อีกทั้งล่าสุดยูเอ็นได้แถลงโดยอ้างถ้อยคำให้การของพยานหลายรายว่า มีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 30 คนเสียชีวิตภายในบ้านหลังหนึ่งที่ถูกรถถังโจมตี

 

ผู้เห็นเหตุการณ์อ้างกับยูเอ็นว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ทหารราบอิสราเอลได้สั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ราว 110 คนซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก ไปรวมอยู่ที่บ้านหลังนี้บอกให้หลบอยู่แต่ภายใน แต่ 24 ชั่วโมงให้หลังรถถังกลับยิงปืนใหญ่ถล่มเป็นชุด

 

นอกจากกรณีข้างต้นที่รัฐบาลอิสราเอลรับปากจะสอบสวนแล้ว ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกาชาดสากล (ไอซีอาร์ซี) ยังกล่าวหาอิสราเอลว่า ทหารยิงใส่พลเรือนและยังไม่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

 

จีนทั่วโลกรุมสวด"จาง ซิยี่"หลังรูปหวามระหว่างเที่ยวชายหาด

เว็บไซต์คมชัดลึก : ชาวจีนทั่วโลกรุมสวด "จาง ซิยี่" หลังรูปหวามระหว่างเที่ยวชายหาดแคริบเบียนกับคู่หมั้นหนุ่มแพร่กระจายทั่วโลก ด่ายับไร้ยางอาย ทำหญิงเอเชียขายหน้า

 

ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ภาพสุดเซ็กซี่ของ จาง ซิยี่ นักแสดงสาวจีนชื่อดัง ระหว่างไปพักผ่อนกับ วิวี่ เนอโว คู่หมั้นหนุ่มชาวฝรั่งเศส ก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์และประณามกันอย่างหนักเรื่องความไม่เหมาะสมทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยในจีนแผ่นดินใหญ่ กระดานสนทนาบนอินเทอร์เน็ตต่างเรียกร้องให้ลบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจาง ซิยี่ทิ้ง ในขณะที่ชาวจีนทั่วโลกต่างแสดงความไม่พอใจที่ดาราสาวมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ

 

บรรดาชาวเน็ตต่างวิจารณ์ว่า ภาพลักษณ์ของจาง ซิยี่ ในภาพยนตร์นั้นดูสง่างามมาก แต่พฤติการณ์ที่แสดงออกมาในตอนนี้ทำให้ชาวเน็ตเรียกเธอว่าเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก เสแสร้ง โดยชาวเน็ตของ Club.ChinaRen ได้ไปเรียกร้องที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจาง ซิยี่ ให้ปิดเว็บไซต์ พร้อมตั้งคำถามว่า "จาง ซิยี่ ทำอะไรบ้างเพื่อเกียรติยศชื่อเสียงของประเทศจีน และทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ผู้ดูแลเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจาง ซิยี่ เป็นพวกไร้สมอง หรือเป็นพวกมีแรงจูงใจซ่อนเร้น ผู้หญิงสกปรกคนนี้ถูกถ่ายภาพเปลือยต่ำๆ เป็นของเล่นให้ผู้ชายต่างชาติ แล้วอย่างนี้พวกเราควรจะยกย่องพูดคุยเรื่องเธอในอินเทอร์เน็ตต่อไปหรือไม่"

 

ส่วนความเห็นของผู้คนนอกประเทศ บรรดาชุมชนออนไลน์ในเว็บไซต์ต่างๆ เต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนเรียกเธอว่า "หน้าไม่อาย" หรือเรียกว่าเป็น "พวกขุดทอง" ก่อนจะร่ายประวัติแต่หนหลังของเธอ และใช้ถ้อยคำหยาบคาย จนถึงกับทำให้เชื่อได้ว่าเธอกำลังเผชิญกับการประณามจากทั่วโลกเลยทีเดียว โดยเว็บไซต์ในจีนแผ่นดินใหญ่มีการเปิดหน้ามากกว่า 2 แสนครั้ง มีการแสดงความคิดเห็นถึง 1,000 ข้อความภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง

 

ทั้งนี้ ตรุษจีนปีที่แล้ว ชาวอินเทอร์เน็ตมีโอกาสเห็นภาพหลุดของ เอดิสัน เฉิน ดาราชื่อดังชาวฮ่องกง ที่มีภาพหลุดขณะมีสัมพันธ์กับหญิงสาวในวงการบันเทิงมากหน้าหลายตา มาปีนี้เป็นภาพของจาง ซิยี่ ที่ได้มีการบรรยายว่าเป็น "ภาพเซ็กซี่ประเดิมปี 2009" และชาวเน็ตบางคนถึงกับเรียกจาง ซิยี่ ว่าเป็นความขายหน้าของผู้หญิงทั่วเอเชีย

 

แม้จะมีเสียงประณามหนาหู แต่หลายคนก็ยังมองอีกด้านว่า ภาพหวิวของ จาง ซิยี่ เป็นเพียงแค่การนอนอาบแดดบนชายหาดต่างประเทศเท่านั้น และผู้หญิงชาวต่างชาติจำนวนมากก็เปลือยกายบนชายหาดเช่นกัน ก่อนจะประณามปาปารัซซีว่า ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของดาราสาว และพฤติการณ์ที่แสดงออกมาก็เป็นเพียงแค่การแสดงความรักเท่านั้น ไม่ใช่แบบเดียวกับ เอดิสัน เฉิน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท