Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

คำบอกเล่าการตรวจค้นนักศึกษาสหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้(สนน.จชต.) อย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และคำถามที่รัฐควรต้องตอบ

 ชื่อบทความเดิม : กรณีการคุกคามและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักศึกษาโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

 

 

คืนวันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.. 2552 เวลา 01.00 . ทางสหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้(สนน.จชต.) ประชุมคณะกรรมการเพื่อทำกิจกรรมเดินขบวนรณรงค์ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของอิสราเอลต่อปาเลสไตน์ จนกระทั่งเวลา 02.00 . ซึ่งยังดำเนินการประชุมมีเจ้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 จังหวัดยะลาขอตรวจค้นบ้านเลขที่ 89/11 ซอยศรีปุตรา บ้านตลาดเก่า ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา บ้านพักของ นายรอมซี ดอฆอ เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้และทีมงาน
 
เจ้าหน้าที่ระบุว่าใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกในการตรวจค้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คน ได้ทำการปิดล้อมบ้าน ( ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ ) และขอให้นักศึกษาที่อยู่ในบ้านทั้งหมดออกจากบ้านโดยด่วนนอกจากนี้ได้ยึดโทรศัพท์ทุกคนไว้จำนวน12 เครื่อง ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับบุคคลอื่นได้ ขณะเดียวกันก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงกับพื้นเพื่อจะทำการตรวจค้น
 
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ขอตัวแทนนักศึกษาจำนวน 2 คน เพื่อเป็นพยานในการตรวจค้น แต่ทางนักศึกษาได้ต่อรองให้เป็น 3 คน เพราะเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจค้นมี 3 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ตกลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นภายในบ้านอย่างละเอียดโดยมีนักศึกษาเป็นพยานในการตรวจค้น
 
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดแฮนดีไดรฟ์จำนวน 5 อัน และสมุดโน้ต1 เล่ม ซึ่งเป็นภาษายาวีเสียส่วนใหญ่ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยจึงขอไปตรวจสอบทั้งหมด ทางนักศึกษาได้ขอโทรศัพท์คืนจำนวน 4เครื่องเพื่อใช้ในการประสานงานในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงสิ่งของที่เอาไปทั้งหมด คือ โทรศัพท์ 9 เครื่อง แฮนดีไดร์ฟ 5 อัน สมุดบันทึก1 เล่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าโทรศัพท์นั้นไปรับได้อีก 3 วัน ส่วนของอย่างอื่นไปรับได้เย็นวันพรุ่งนี้
 
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบนั้น 1 ใน 3 คน มีอาการคล้ายกับคนเมาสุรา พูดจาหยาบคายไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน ตามกฎของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหาร มีข้อห้ามชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ดื่มสุราก่อนลงมือปฏิบัติงาน
 
เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นเสร็จประมาณ 02.45 ซึ่งในคืนเดียวกันก่อนที่จะมีการตรวจค้นที่บ้านพักของนักศึกษาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้จับกุมนักศึกษาราชภัฏยะลา 2 คน คือ นายดิลละห์ เจะสุกรี นายอิสเฮาะ มะเซ็ง ซึ่งทั้งสองเคยร่วมทำกิจกรรมกับนักศึกษาในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ทหารสงสัยว่าทั้งสองคนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง
ต่อมาในช่วงเช้าของวันที่ 10 .. มีทหารชุดเดียวกันแต่เป็นคนในพื้นที่ซึ่งเป็นมุสลิมทั้งหมดได้เชิญนักศึกษาให้ไปพบที่หน่วยเฉพาะกิจที่11 เพื่อไปรับของคืนทั้งหมด เมื่อไปถึงพบว่ากิริยาท่าทางของเจ้าหน้าที่ทุกคนแตกต่างจากขณะเข้าทำการตรวจค้นมากและได้คืนสิ่งของให้ทั้งหมด
 
ทั้งนี้ บ้านพักดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่รัฐเคยเข้ามาตรวจค้นแล้วเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งที่สงสัยแต่อย่างใด และได้เชิญตัวเพื่อนนักศึกษาซึ่งเป็นสมาชิกของสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดยะลาจำนวน 5 คน และได้ปล่อยในเวลาต่อมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจค้นอีก และไม่พบในสิ่งผิดปกติ แต่ได้ทำให้บรรดานักศึกษาทั้งหลายเกิดข้อสงสัยต่อความหวาดระแวงของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีต่อกลุ่มนี้นักศึกษา
 
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเกิดมาพูดภาษามาลายู มีวัฒนธรรมแบบมลายู เพียงแค่นี้หรือ? ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นโจร? แล้วนโยบาย เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา รัฐเข้าใจประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วหรือยัง? รัฐเข้าถึงหัวใจของวิถีชีวิตความเป็นอยู่มากน้อยแค่ไหน? การยัดเยียดถือว่าเป็นการพัฒนาใช่ไหม? แล้วคุณมีนโยบายไว้เพื่ออะไร ? นี่คือคำถามที่ค้างคาใจของเหล่านักศึกษาจังหวัดชายแดนใต้
 
นักศึกษาจังหวัดชายแดนใต้พร้อมจะช่วยคืนสันติภาพให้กับประชาชนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้โดยการเปิดพื้นที่ประชาธิปไตยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย เพื่อปกป้องซึ่งสิทธิ เสรีภาพและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แต่เสียงที่ตอบรับจากภาครัฐมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับนโยบายที่บอกมา
 
หรือว่า........เป้าหมายของรัฐอยู่ที่การกลืนความเป็นตัวตนของคนมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net