Skip to main content
sharethis

"กระทู้พันธิมตร" ร้อนฉ่า ฝ่ายค้าน-รัฐบาล โต้เดือด "เฉลิม" บี้ "อภิสิทธิ์" เชือด "กษิต" ร่วมปิดสนามบิน เป็นก่อการร้ายสากล ประชด ปชป.เป็นรัฐบาล "ตัวช่วยเยอะ" นายกฯ แจง คดีพันธมิตร 32 คดี เสร็จแค่ 4 กางตำรากฎหมายอุ้ม "กษิต" ระบุ ไม่ใช่แกนนำ-ยังไม่มีใครแจ้งความฐานก่อการร้าย ถ้ามีมูลพร้อมปลด

 

22 ม.ค.52  ที่รัฐสภา เวลา 13.30 น. ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีการดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ว่า พธม.เคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2548-2549 แม้แต่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็ยังเคยแวะไปและได้รับฉายา "มาร์ค ม. 7" ต่อมาได้มีการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดยคณะรัฐประหารได้ร่างรัฐธรรมนูญ แต่พรรคพลังประชาชน รณรงค์กับประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และได้รับเลือกเป็นรัฐบาล แต่ปรากฏว่า พธม.ชุมนุมประท้วงตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. จากนั้นวันที่ 25 ส.ค.กระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ และวันที่ 7 ต.ค.มีการล้อมรัฐสภา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสลายการชุมนุม นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวหาต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า รัฐบาลสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ แต่ตนยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีการสั่งการเป็นเพียงความบังเอิญในการปฏิบัติหน้าที่ ในสถานการณ์ที่มีคนนับหมื่นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศสงคราม 9 ทัพของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม.นั้นไม่เหมาะสมเพราะสงคราม 9 ทัพ เป็นเรื่องของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน กลุ่มพวกนี้ไม่มีสิทธิที่จะยึดสนามบิน ดังนั้นจึงขอถามว่าการกระทำของ พธม.ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.จนถึงวันที่ 2 ธ.ค.รวม 192 วันนั้นมีความผิดกฎหมายหรือไม่และผิดกฎหมายอะไรบ้าง

 

นายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจง ว่า ตนได้กำชับ ผบ.ตร.ว่าคดีความทั้งหลายที่เกี่ยวกับ พธม.ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ส่วนใครทำผิดอะไรบ้างนั้นตนมีความเห็นแต่บอกไม่ได้ เพราะหากตนบอกว่าใครผิดบ้างจะเป็นการชี้นำเจ้าหน้าที่ ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่ย้ำว่าให้ตรงไปตรงมา อย่าละเว้น กลั่นแกล้ง หรือถ่วงเวลา แต่อย่ารวบรัดจนเกิดความไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามหลังจากการตอบกระทู้แล้วตนจะปรึกษาหรือกับแกนนำพรรคฝ่ายค้านถึงกรณีที่ตั้งกระทู้นี้ต่อไป

 

"คดีของ พธม.มีทั้งสิ้น 32 คดี พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว 4 คดี ยังไม่เสร็จสิ้น 26 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 2 คดี ส่วนคดีที่น่าสนใจคือการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นเจ้าพนักงานสอบสวนเสร็จแล้วอยู่ระหว่างขั้นตอนอัยการพิจารณา สำหรับคดี 7 ต.ค.นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนกำลังจะแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาต่อไป ส่วนคดีปิดสนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่รายงานว่าสอบสวนไปแล้วประมาณ 80 เปอร์เซนต์ และกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ สอบสวนแล้ว 30 เปอร์เซนต์ ยืนยันว่าทุกคดีมีการเดินหน้าแน่นอน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

ร.ต.อ. เฉลิม โต้ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่ม พธม.เข้าข่ายความผิดฐานผู้ก่อการร้ายสากลจากการปิดกั้นสนามบินทำให้ระบบขนส่งสาธารณะทางอากาศเป็นอัมพาต ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาม. 135 / 1 ซึ่งร่างตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นสมัยรัฐบาลทักษิณ ดังนั้นนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งร่วมกับกลุ่มพธม. ต้องผ่านกระบวนการฟ้องร้องก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และอยากถามว่าหากนายกษิต ซึ่งยึดสนามบินไม่ผิดฐานก่อการร้ายสากลแล้วจะเข้าข่ายความผิดอะไร

นาย อภิสิทธิ์ ตอบว่า การกระทำของ พธม. เป็นการก่อการร้ายสากลหรือไม่นั้น ในสมัยรัฐบาลของท่าน ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ยังไม่มีหน่วยงานที่เสียหายทั้งสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ หรือทำเนียบรัฐบาล แจ้งความในข้อหานี้ มีแต่ข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับผิดชอบ ส่วน รมว.ต่างประเทศนั้นไม่ได้เป็นแกนนำ พธม.วันนี้รัฐมนตรี เข้ามาทำงาน แต่ถ้าปรากฏวันข้างหน้าว่าถูกแจ้งข้อหา แล้วมีมูล ก็ต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่เคยประกาศ ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ ทั้งนี้การดำเนินคดีต่างๆ เพื่อรักษากฎหมาย ความยุติธรรม ความยุติธรรม ต้องเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ถ้าทำแล้วตนต้องพ้นจากตำแหน่งก็ยอม เพราะประเทศชาติต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง

 

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ลุกขึ้นแย้งอีกรอบว่า นายกษิตนั้น แม้จะไม่ได้เป็นแกนนำแต่ก็ร่วมกระทำความผิดก็ต้องมีส่วนรับผิดด้วย แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีการแจ้งความในข้อหาก่อการร้าย แต่เมื่อสอบสวนแล้วอาจจะพบความผิดก็ได้ ถ้านายกรัฐมนตรีไม่รู้เรื่องให้ไปถามนาย ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีคำพิพากษาศาลฎีการะบุชัดเจนว่าเวลาปล้นทรัพย์นั้น แม้จะเป็นคนดูต้นทางก็ถือว่าเป็นตัวการร่วม ดังนั้นนายกษิตขึ้นเวทีตลอดทั้งวัน จึงต้องถือว่าร่วมกันด้วย นอกจากนี้นายกฯ ไม่เชื่อที่สื่อต่างประเทศ รายงานข่าวว่านายกษิตกล่าวว่าในการชุมนุม พธม.นั้นมีอาหารดี ดนตรีเพราะ แต่กลับเชื่อสื่อต่างประเทศและพร้อมตั้งกรรมการสอบสวนกรณีผู้อพยพชาวโรฮิงญา และรัฐบาลนี้จะตั้งกลุ่มพันธมิตรฯเข้าร่วมรัฐบาลอีกกี่ตำแหน่ง

 

"นายกฯไม่รู้จริงๆหรือว่าใครเอาท่านเป็นนายกฯ ท่านอยู่ไปเถอะ ยังไงผมก็ล้มไม่ได้ เพราะท่านมีตัวช่วยเยอะ " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

 

นาย อภิสิทธิ์ ลุกขึ้นสวนกลับว่า ตนไม่ได้ตอบว่าเมื่อแจ้งข้อหาแล้วจะแจ้งเพิ่มเติมไม่ได้ แต่ตนบอกว่าวันนั้นท่านเป็นรัฐบาล แต่หน่วยงานที่เสียหายเขาเห็นไม่ตรงกับท่านเขาจึงไม่ได้ไปแจ้งความข้อหาก่อการร้ายสากล ส่วนในเรื่องสื่อต่างประเทศที่เสนอข่าวผู้อพยพชาวโรฮิงญานั้นตนก็ไม่ได้เชื่อ เพราะตนได้ตรวจสอบข้อมูลจากฝ่ายปฏิบัติแล้วยืนยันมีการเข้าเมืองผิดกฎหมายและตนได้ย้ำว่าการดำเนินการต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดความมั่นใจทั้งชาวไทยและชาวโลกว่านโยบายทุกเรื่องได้ดำเนินการตามมาตรฐานสากล โดยไทยจะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีหรือเป็นจำเลยของสังคมโลก

"ย้ำว่าการดำเนินคดีทุกคดีว่ากันตามเนื้อผ้า ผมจะไม่ชี้นำ ส่วนคดีแพ่งผู้เสียหายในทำเนียบฯได้รวบรวมความเสียหายแล้วดำเนินการต่อไป ผมบอกว่าให้ทุกคนรักษาสิทธิ์ของตัวเอง จะตั้งพธม.อีกกี่คนไม่แน่ใจจะตอบได้หรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าตามมาตรฐานของ ร.ต.อ.เฉลิม นั้นใครคือ พธม.บ้าง " นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

ฝ่ายค้านซัดเลือกนายกฯ ไม่ชอบธรรม"มาร์ค"ยันไม่ได้เป็นนอมินีพธม.

เมื่อเวลา 14.30 น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทยได้ตั้งกระทู้ถามสด เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลมีความชอบธรรม ในการเข้าสู่ตำแหน่งของนายกฯตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ เนื่องจากมีข้อสังเกต 3 ข้อคือ 1.นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังมีสถานะเป็นประธานรัฐสภาหรือไม่ 2.มีอำนาจในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ และ 3.มีอำนาจในการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการหรือไม่

 

ทั้งนี้ เนื่องจากโดยข้อกฎหมาย สมาชิกภาพของส.ส. จะหมดลง เมื่อส.ส.ไม่ได้สังกัดพรรค ซึ่งพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ถูกยุบพรรคในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 แต่ปรากฏว่า นายชัยได้รับสนองพระบรมราชโองการในวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ซึ่งถือว่า เป็นส.ส.ที่ไม่ได้สังกัดพรรคแล้ว จึงถือว่า ตำแหน่งประธานรัฐสภาหลุดไป ทำให้การเปิดประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2551 ไม่สมบูรณ์

 

นอกจากนี้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน 37 คน ที่ไม่ได้สังกัดพรรค แต่ไปเลือกนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ถือว่า เป็นโมฆะ จึงอยากถามนายกฯว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า นายชัยได้สังกัดพรรคหรือไม่ และนายกฯได้สอบถามนายเนวิน ชิดชอบ อดีต 111กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหรือไม่ว่า กลุ่มเพื่อนเนวินได้สังกัดพรรคหรือไม่ และในวันประชุมเพื่อแถลงนโยบาย นายกฯได้ไปลงชื่อเข้าร่วมประชุมที่ไหน ซึ่งองค์ประชุมครบหรือไม่

 

นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ในอำนาจหน้าที่ไม่สามารถตอบประเด็นเรื่องข้อกฎหมายได้ แต่จากที่อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 106(8) จะพบว่า สมาชิกภาพของส.ส. ในกรณีที่พรรคถูกยุบ จะสิ้นสุดลง หลังจากที่ไม่สามารถหาพรรคสังกัดได้ภายใน 60 วัน โดยนับวันรุ่งขึ้นหลังจากครบกำหนด 60 วันเป็นวันสิ้นสมาชิกภาพ แต่ในวันเลือกนายกฯทำในช่วง 60 วัน หลังจากยุบพรรค อย่างไรก็ตาม หากใครติดใจสามารถส่งเรื่องให้กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เพราะเรื่องวินิจฉัยสมาชิกภาพไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล

 

ส่วนวันแถลงนโยบายนั้น ประธานสภาฯได้แจ้งว่า ให้เปลี่ยนสถานที่ประชุมไปที่กระทรวงต่างประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมอยู่ที่รัฐสภา และเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถเปิดทางให้เข้ามาประชุมได้ อีกทั้งประธานสภาฯเกรงว่า จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ตุลาฯ และไม่อยากให้เกิดความสูญเสียและความรุนแรง เขาและสมาชิกไปพร้อมกันตามที่นัดหมาย ที่ประธานสภาฯได้แจ้งกับที่ประชุมว่า มีสมาชิกมาครบองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าการแถลงนโยบายต้องทำต่อรัฐสภา ซึ่งได้ระบุว่า รัฐสภาต้องประกอบด้วยสมาชิกผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ดังนั้น เมื่อครบองค์ประชุม ก็สามารถแถลงนโยบายได้

 

นายจุมพฏ ถามต่อว่า มีประชาชนส่วนใหญ่ สงสัยว่า นายอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นนายกฯนั้น เป็นนอมินีใครหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ในวันที่ 7 ต.ค. ได้มีรถติดตราพรรคประชาธิปัตย์ ขนเสบียงมาให้พันธมิตรฯ รวมถึงมีสมาชิกพรรคบางคนอยู่ในที่เกิดเหตุ จะเป็นตัวการช่วยสนับสนุนหรือผู้ร่วมกระทำการ และเป็นนอมิบุคคลใดหรือไม่ ซึ่งเขาขอหยิบยกคำพูดของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า นักการเมืองต้องตระหนักว่า ถ้าไม่มีพันธมิตรฯ ก็ไม่มีรัฐบาลชุดนี้ พวกคุณต้องเข้าใจว่า พันธมิตรฯมีส่วนสำคัญที่ทำให้คุณยืนอยู่บนตำแหน่งเก้าอี้ ไม่ใช่เที่ยวไปให้กุหลาบแดงคนนั้นคนนี้ พวกคุณเหยียบศพ เหยีบกองเลือดของพันธมิตรฯไป คุณจะลืมเรื่องนี้ไมได้

 

นอกจากนี้ น.ต.ประสงค์ ยังบอกว่า ขณะนี้ กฎหมายรอฆ่าคุณอยู่หลายเรื่อง แม้กระทั่งส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคที่ถูกยุบ ไปโหวตก็ทำไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งเขาขอถามนายกฯว่า เป็นนอมินีพันธมิตรฯหรือไม่

 

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวตอบว่า "ผมไม่ได้เป็นครับ"

 

 

 

 

 

 

ที่มา: http://www.komchadluek.com

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net