ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 31 มกราคม 2552

 

นปช.ชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้ เปิดเวทีปราศรัย 16.00 น./เสื้อแดงลำปาง กว่า 200 คน พกไข่เข้ากรุง หนุนชุมนุม นปก./รมว.กลาโหม ปัดส่งทหารแฝงม็อบ/กองทัพบก จ่องัดแผน "อาร์มทอง"รับมือ "ม็อบเสื้อแดง"/ข้าราชการหวั่นประวัติศาสต์ซ้ำรอย ม็อบยึดทำเนียบ ขนของจ้าละหวั่น!/"บิ๊กบัง" ยังไม่คิดเล่นการเมืองชี้ตั้งพรรคยาก/ฝ่ายค้านบี้ 3รมต.โหวตรับพ.ร.บ.งบเพิ่มเติมลาออก/รัฐถังแตก!เงินคงคลังวูบสิ้นธ.ค.เหลือ5.2หมื่นล.ผวาจีดีพี-3%/ศาลปค.ยกฟ้องกรมประชาฯ สั่ง "ทีไอทีวี" จอดำ/กทช.ดับฝัน "สาทิตย์" ชี้ปิดวิทยุชุมชนไม่ได้
การเมือง
 
นปช.ชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้ เปิดเวทีปราศรัย 16.00 น.
เว็บไซต์เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ม.ค.) นายวีระ มุสิกกพงษ์ พร้อมด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ยื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตเวียดนาม ซึ่งเป็นสถานทูตแห่งสุดท้ายที่กลุ่มเสื้อแดงยื่นคัดค้านการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
 
โดย นายวีระ กล่าวว่า ตนและแกนนำคนอื่นๆ ได้ทำหน้าที่ชี้แจงตามสถานทูตต่าง ๆ ในประชาคมอาเซียนครบถ้วนแล้ว โดยหลังจากนี้ จะกลับไปเตรียมงานวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) ซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ทั้งนี้ มั่นใจว่า จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก
 
นอกจากนี้ นายวีระ กล่าวกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจว่า ขอให้กลับไปพักผ่อนเอาแรง เพื่อที่จะมาร่วมชุมนุมวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) ซึ่งจะเริ่มเปิดเวทีปราศรัย เวลา 16.00 น.
 
เสื้อแดงลำปาง กว่า 200 คน พกไข่เข้ากรุง หนุนชุมนุม นปก.
เว็บไซต์แนวหน้า - สมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงลำปาง กว่า 200 คน เตรียมขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟนครลำปาง เพื่อจะเดินทางไปกับขบวนรถไฟที่ 102 เชียงใหม่ - กรุงเทพมหานคร เพื่อมาร่วมกับชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 31 มกราคม
 
สำหรับในส่วนของจังหวัดลำปางนั้น ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง รายงานว่า มีประชาชนชาวลำปางเดินทางไปร่วมชุมนุมครั้งนี้ ไม่ต่ำกว่า 1,200 คน จากหลาย ๆ อำเภอของจังหวัด สำหรับกิจกรรมของกลุ่มคนเสื้อ ประกาศให้ประชาชนโดยทั่วไปทราบว่า การเข้าร่วมชุมนุมและเดินทางครั้งชาวเสื้อแดงลำปางส่วนใหญ่นำไข่ไก่ติดตัวไปด้วย และแกนนำประกาศขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงทุกคน ดูแลรักษาไข่ของตนเองให้ดี เพื่อจะนำมาใช้ในการชุมนุมครั้งนี้
 
รมว.กลาโหม ปัดส่งทหารแฝงม็อบ
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพเรือพร้อมรับฟังการบรรยายสรุป โดยมี พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ โดยเน้นย้ำให้ช่วยกันดูแลให้ประชาชนมีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว และขอให้ดูแลเรื่องประสิทธิภาพกำลังพล สวัสดิการกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย
 
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) ว่า หากตำรวจต้องการให้ทหารช่วยก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ อย่างไรก็ตามขณะนี้รัฐบาลกำลังทำงานและเดินหน้าไปด้วยดี จึงขอฝากประชาชนทุกฝ่ายช่วยกันทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ด้วยความเรียบร้อยสักระยะหนึ่ง ซึ่งหากมีอุปสรรคอะไรค่อยมาว่ากัน
 
ส่วนที่ทางแกนนำ นปช. ระบุว่า กองทัพบกส่งทหารเข้าไปแทรกซึมอยู่ในกลุ่มเสื้อแดง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ทหารไม่ทำเช่นนั้น ทหารจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของใคร ทั้งนี้ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป แต่เรื่องติดตามสถานการณ์ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องดูแลอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความสงบในประเทศให้มากที่สุด
 
ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะปิดล้อมทำเนียบฯ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องเจรจากัน หากมีอะไรที่ทำไปแล้วไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เหตุใดจึงต้องให้เกิดขึ้นซ้ำซาก ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามกฎหมาย หากไม่ยึดมั่นในกฎหมายคงลำบาก และที่อ้างว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำได้กลุ่มเสื้อแดงก็ทำได้นั้น เป็นคนละรัฐบาลแล้ว โดยรัฐบาลชุดนี้ต้องทำกฎหมายให้เข้มแข็งและแก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์
 
"เราพยายามไม่ให้เกิดการปะทะกัน คนไทยด้วยกันต้องพูดจากัน ไม่มีเสื้อเหลืองเสื้อแดง และคิดว่าไม่น่ามีมือที่ 3" รมว.กลาโหม กล่าว
 
กองทัพบก จ่องัดแผน "อาร์มทอง"รับมือ "ม็อบเสื้อแดง"
เว็บไซต์แนวหน้า - พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการดูแลรักษความสงบเรียบร้อยกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ว่า กองทัพเพียงติดตามดูสถานการณ์อย่างเดียว แต่หน้าที่หลักขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจการดูแลความสงบเรียบร้อย ตอนนี้ตำรวจได้ประสานงานมายังกองทัพให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานหากเกิดกรณีฉุกเฉินตำรวจไม่สามารถดูแลควบคุมสถานการณ์ได้
 
"ตอนนี้การดูแลความสงบเรียบร้อยยังใช้แผนเดิม คือจะให้ตำรวจเป็นหลักในการดูแล ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงตามที่กลุ่ม นปช.ประกาศไว้ ทหารจะอยู่ในที่ตั้งตามปกติ ตามแผนอาร์มทองที่เคยใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่เชื่อว่าสถานการณ์คงจะไม่รุนแรงอะไร และคงไม่ต้องใช้กำลังทหาร อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ากลุ่ม นปช.จะบุกทำเนียบรัฐบาลเพื่อปิดล้อมไม่ให้คณะรัฐมนตรีทำงานได้ในค่ำคืนนี้ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่ให้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ที่จะมาปักหลักชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ม.ค.นี้เท่านั้น"แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ระบุว่า กองทัพส่งทหารเข้าไปแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ท.คณิต กล่าวว่า กองทัพไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปแฝงตัวหรือหาข่าวกับกลุ่ม นปช. เป็นเรื่องไม่จริง โดยหลักการเมื่อเขารู้ว่าเราจะไปแฝงตัวในกลุ่ม นปช. แล้วเราจะเข้าแฝงได้อย่างไร การที่แกนนำกลุ่ม นปช.ออกมาพูดในลักษณะเช่นนี้เป็นการตีกันว่า หากเกิดอะไรขึ้นมาจะเกิดจากกองทัพ ทั้งที่กองทัพไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย และกองทัพไม่เคยทำ และทำไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแกนนำว่าจะทำให้รุนแรงหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรง
 
ผบช.น.เตือน นปช.ปิดล้อมทำเนียบผิดกฎหมาย
เว็บไซต์เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ม.ค.) พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึง กรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดชุมนุมวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) ที่บริเวณท้องสนามหลวง ว่า ได้มีการจัดเตรียมกำลังพลไว้แล้ว ทั้งนี้ เวลา 14.00 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายทหาร และทางกรุงเทพฯ จะร่วมประชุมหาแนวทางป้องกัน เพื่อไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม หากกลุ่ม นปช. จะเข้ามาบุกรุก หรือปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นการบุกรุกไปในสถานที่ราชการ
 
ผบ.ตร.เข้าพบ "สุเทพ" รับนโยบายรับมือม็อบเสื้อแดง
เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับทราบนโยบายในการเตรียมความพร้อมในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะเดินทางมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยเวลาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่นายสุเทพ ยังนั่งทำงานต่อ จนถึงเวลา 20.05 น.
 
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าบริเวณภายในทำเนียบรัฐบาล ได้มีการเปิดสปอร์ตไลท์บริเวณ หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการเปิดไฟมาตลอด
 
ข้าราชการหวั่นประวัติศาสต์ซ้ำรอย ม็อบยึดทำเนียบ ขนของจ้าละหวั่น!
เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าราชการที่ทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ต่างเริ่มทยอยเก็บของเครื่องใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์สำนักงานที่เป็นทรัพย์สินของทางราชการ เนื่องจากมีกระแสข่าวที่จะมีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันพรุ่งนี้
ข้าราชทำเนียบรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่าง ออกไปหมดแล้ว และอุปกรณ์บางส่วน คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุค หรือพัสดุต่างๆ แม้ว่าจะเป็นของทางราชการแต่ก็จะนำกลับบ้านเพื่อรักษาด้วย และเป็นการเตรียมพร้อมไปในตัวหากมีเหตุการณ์ยึดทำเนียบเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็สามารถที่จะทำงานที่อื่นได้ต่อ
"พันธมิตรฯ ยึดทำเนียบครั้งที่แล้ว พวกเราก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือจากทรัพย์ที่สูญหายไป ซึ่งก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ อยากฝากว่าไม่ว่าจะทะเลาะกันขนาดไหน ที่สุดแล้วข้าราชการในทำเนียบก็ได้รับความเดือดร้อนอยู่ดี เพราะไม่มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอย่างดีพอ ข้าวของที่เสียหายก็ล้วนเป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน ตนขอวิงวอนว่าอย่าได้ทำลายทรัพย์สินของทางราชการอีกเลย" ข้าราชการกล่าว
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนที่พันธมิตรฯบุกเข้ามา ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่ดอนเมือง และเมื่อพันธมิตรฯ บุกไปที่ดอนเมืองอีก ก็ต้องย้ายไปที่บ้านมนังคศิลา ครั้งนี้พวกเราก็ต้องไปรออยู่ที่บ้านมนังคศิลา เลยมั้ง
สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล เป็นไปอย่างปกติไม่ได้มีกำลังเสริมแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยประจำอยู่บริเวณประตูต่างรอบทำเนียบตามปกติ ทั้งนี้ภูมิทัศน์โดยรอบทำเนียบรัฐบาลก็ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม บำรุงให้แล้วเสร็จแต่อย่างใด โดยเฉพาะหญ้าบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าก็ยังไม่งอกแต่อย่างใด
 
"บิ๊กบัง" ยังไม่คิดเล่นการเมืองชี้ตั้งพรรคยาก
มติชนออนไลน์ - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาอิสลาม เนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2552 ที่มัสยิดบางอ้อ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ถึงกระแสข่าวจะตั้งพรรคการเมือง ว่าเรื่องการเล่นการเมือง ยังไม่คิดในตอนนี้ ส่วนกระแสข่าวว่า จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยนั้น เป็นแค่ข่าว ยังไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีคนสนับสนุนให้ตั้งพรรค จะเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า การตั้งพรรคต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปตั้งพรรคเหมือนตั้งบริษัท คงไม่ใช่ เพราะการตั้งพรรคยากกว่า ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ทำอะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.สนธิกล่าวว่า "ท่านคงทราบดี เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว" เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า ไม่น่าจะแต่งตั้ง พล.อ.สนธิขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.สนธิกล่าวว่า เรื่องผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึง ขณะนี้ควรจะสร้างความสามัคคีของคนในชาติดีกว่า อะไรที่แตกต่างด้านความคิดควรจะกลบให้หายไป และหันกลับมาคิดให้เหมือนกัน ช่วยกันพัฒนาประเทศจะได้รุ่งโรจน์เหมือนชาติต่างๆ
 
ฝ่ายค้านบี้ 3รมต.โหวตรับพ.ร.บ.งบเพิ่มเติมลาออก
เว็บไซต์คมชัดลึก - (30ม.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยแถลงเรียกร้องให้ 3 รัฐมนตรี ได้แก่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไปลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 ซึ่งถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 177 ที่บัญญัติ
 
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะด้วยความที่เป็นรัฐมนตรีใหม่ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อ่านรัฐธรรมนูญไม่รู้เรื่อง จึงไปลงมติเห็นด้วยนั้น ตนขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออก ทั้งนี้รัฐมนตรีบางคนอย่างนายพีระพันธุ์ ยังแสดงความคิดนุ่มนิ่ม อ่อนหัด ขนาดเป็นมือกฎหมายของพรรค แต่ชี้แจงในที่ประชุมว่า เครื่องเสีย เป็นการปฏิเสธความผิดแบบเด็กๆ สีหน้าส่อพิรุธ ทั้งนี้ รัฐมนตรีคนอื่นๆ กว่า 10 คน กดปุ่มไม่ออกเสียง จึงขอให้ทั้ง 3 คน ที่ลงมติเห็นชอบ ใช้เวลา 2 วันเสาร์อาทิตย์ และลาออก วันนี้เวรกรรมมีจริง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคเก่าแก่ ชอบอ้างว่ารู้กฎหมายยึดมั่นรัฐธรรมนูญ จึงต้องรับผิดชอบ
 
"วันนี้จะเป็นการพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยทุกฝ่ายได้หรือไม่ ทั้งนี้ มาตรา 177 ระบุชัด แต่ยังมีการมาแก้ตัวแทน เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯหรือผู้ร่างรัฐธรรมนูญ มาบอกว่า ใช้เฉพาะกรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าคนเหล่านี้อ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่เข้าใจ บ้านเมืองไปไม่ได้ โดยเฉพาะรมว.ยุติธรรม เป็นคนหนุ่มมีอนาคต ถ้าอ่านกฎหมายไม่เข้าใจ จะรักษาความยุติธรรมได้อย่างไร จึงขอให้ลาออกโดยไม่ต้องรอพวกผมยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน เพราะถ้ารอถึงตอนนั้นอนาคตทางการเมืองจะหมดสิ้น
 
ประกอบกับ นายกฯ พูดกฎเหล็ก 9 ข้อ ที่รัฐมนตรีต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย นายกฯ จึงต้องรับผิดชอบด้วย อย่ากลืนน้ำลายตัวเอง วันจันทร์กลับมา กระซิบ 3 รัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีกรณีปลากระป๋องเน่าและแจกผ้าห่มบวกเงิน 500 บาท รวมเป็น 5 คนนี้ให้ออกไป เพื่อพิสูจน์ธาตุแท้ของความรับผิดชอบทางการเมืองรัฐบาลนี้" นายสุรพงษ์ กล่าว
 
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า หากนายกฯยังไม่ดำเนินการอะไร หรือรัฐมนตรีที่มีปัญหายังไม่ลาออก ตนจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาทันทีในสัปดาห์หน้า ตรงนี้จึงถือว่าเป็นการพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ถ้าศาลไม่เอนเอียง ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมาสู้คดีแน่นอน
 
ด้านนายประชา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบ อาจออกมาขอโทษ ลาออก หรือยุบสภา ปรับครม.ซึ่งไม่เป็นการเสียหน้า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออก ยังมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ วันนี้ความปรองดองเกิดไม่ได้ถ้ารัฐบาลเหยียบรอยตีนเดิม เป็นรัฐบาลไม่กี่วัน น้ำลดตอผุด พบกลิ่นทุจริต และอยากฝากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ไปอยู่ที่ไหนไม่ออกมาเรียกร้อง เพราะมีทั้งกรณีปลากระป๋องเน่า จัดซื้อชุดนักเรียน ตำรา และทำขัดรัฐธรรมนูญ
 
ป.ป.ช.สั่งเก็บข้อมูลปลากระป๋องเน่า
เว็บไซต์แนวหน้า - นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตรวจสอบกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจกปลากระป๋องเน่าในถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยที่จ.พัทลุง ว่า ขณะนี้นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบกรณีปัญหาปลากระป๋องเน่าที่มีการนำไปแจกแก่ประชาชน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสีย ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อกระทรวงพัฒนาสังคมฯ แต่หนังสือดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายเป็นคำร้อง จึงให้ทำหนังสือแจ้งกลับไปยังนายวิฑูรย์ให้ทำรายละเอียดกรณีดังกล่าวส่งมาให้ป.ป.ช.อีกครั้ง
 
โดยระบุให้ชัดเจน ว่า ต้องการกล่าวหาใคร มีลักษณะทำความผิดอย่างไร เพื่อให้ป.ป.ช.นำมาเป็นข้อมูลตรวจสอบ ขณะเดียวกันเรื่องนี้ทางป.ป.ช.เองก็มีการเก็บข้อมูลเบื้องต้นกรณีการแจกปลากระป๋องเน่าจากสื่อมวลชนไว้แล้วเช่นกัน แต่เบื้องต้นทราบเพียงว่า มีการแจกปลากระป๋องเน่าแก่ประชาชนเท่านั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า มีการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างตามที่มีการกล่าวหาหรือไม่ จึงต้องรอข้อมูลประกอบจากนายวิฑูรย์ก่อน เพื่อนำมาพิจารณาตรวจสอบต่อไป
 
 
เศรษฐกิจ
 
รัฐถังแตก!เงินคงคลังวูบสิ้นธ.ค.เหลือ5.2หมื่นล.ผวาจีดีพี-3%
ASTVผู้จัดการรายวัน - ปลัดคลังแจง กมธ.วิสามัญพิจารณางบเพิ่มเติมปี 52 เผยยอดจัดเก็บ 3 เดือนแรกลดลง 16 % หากไม่เร่งอัดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจติดลบ 3% ขณะที่เงินคงคลังสิ้นปี 51 เหลือก้นถัง 5.2 หมื่นล้าน ต้องกู้ยืมมาโปะ "พิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล" ชี้ควรจะมีอย่างน้อย 6.4 หมื่นล้าน เพราะรายจ่ายประจำเดือนละ 3.2 หมื่นล้าน "ไตรรงค์"ยอมรับไทยหนีวิกฤตโลกไม่พ้น สศค.โต้ตัวเลข ม.ค.ฟื้น ลั่นไม่ปัญหาสภาพคล่อง
 
หุ้นไทยปิดตลาดเพิ่ม3.66จุด ปตท.ยังซื้อขายมากสุด
มติชนออนไลน์ - ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำวันศุกร์ที่ 30 มกราคม ปิดที่ 437.69 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายทั้งสิ้น 6,554.81ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีราคาปิดเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 180 หลักทรัพย์ ลดลง 82 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 121 หลักทรัพย์

สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด ประกอบด้วย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
 
รมว.พาณิชย์ กำหนดสินค้าควบคุมเพิ่ม
มติชนออนไลน์ - นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เห็นชอบกำหนดให้สินค้า กาแฟผงสำเร็จรูป ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แป้งสาลี มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ เป็นสินค้าควบคุมเพิ่มเติม หลังจากพบมีความผันผวนของราคาวัตถุดิบและป้องกันการนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สวมสิทธิ์จำนำในประเทศ ทำให้ราคาาผลผลิตในประเทศตกต่ำ โดยจะมีการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาในสัปดาห์หน้า
 
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับรายการสินค้าควบคุมล่าสุด ขณะนี้คงอยู่ 39 รายการ อาทิน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำตาลทราย ปุ๋ยเคมี แบตเตอรี่รถยนต์ ปูนซีเมนต์ และอาหารสัตว์
 
 
คุณภาพชีวิต
 
ศาลปค.ยกฟ้องกรมประชาฯ สั่ง "ทีไอทีวี" จอดำ
มติชนออนไลน์ - ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 30 มกราคม ในคดีที่นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม กับพวกรวม 105 คน ซึ่งเป็นประชาชนผู้รับชมรายการสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี และพนักงานทีวีไอทีวี ยื่นฟ้องนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานออกคำสั่งมิชอบให้ทีไอทีวียุติการแพร่ภาพออกอากาศตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 14 มกราคม 2551 พร้อมขอให้กรมประชาสัมพันธ์ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
 
ซึ่งศาลพิเคราะห์ว่า นายปราโมชมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และคำสั่งดังกล่าวไม่ได้เป็นการแทรกแซง หรือขัดขวางการทำงานของฝ่ายข่าว ซึ่งเป็นการขัดตามต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 และ พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงฯ มาตรา 56 ตามที่ผู้ฟ้องกล่าวอ้าง จึงพิพากษายกฟ้อง
 
กทช.ดับฝัน "สาทิตย์" ชี้ปิดวิทยุชุมชนไม่ได้
โพสต์ ทูเดย์ - น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (คปส.) ในฐานะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เปิดเผยว่า การกวาดล้างวิทยุชุมนของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจรัฐบาลในการปิดสถานี
 
"รัฐบาลปิดวิทยุชุมชนเองไม่ได้ เพราะจะขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 หรือหากดำเนินการโดยอาศัย พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือใช้กฎหมายอาญาเข้าไปจัดการ ก็ต้องตีความว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการแสดงความเห็นของประชาชนหรือไม่" น.ส.สุภิญญากล่าว
 
อย่างไรก็ตาม หากนายสาทิตย์จะหารือกับอนุกรรมการในเรื่องนี้ก็สามารถทำได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เป็นการแทรกแซงหรือกดดันการทำงาน เพราะอนุกรรมการชุดดังกล่าวเป็นองค์กรอิสระ ไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐบาล
 
วันเดียวกัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ได้ตอบกระทู้ฝ่ายค้านเรื่องการดำเนินการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันว่า ขณะนี้ได้ปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไปแล้วกว่า 2,300 แห่ง และมีคดีอยู่ระหว่างดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 40 คดี
 
ปตท.ถกชาวบ้านท่อส่งก๊าซระยอง-แก่งคอย
มติชนออนไลน์ - ที่โรงแรมวังสำราญรีสอร์ท ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 30 มกราคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 4 ระยอง-แก่งคอย โดยมีหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน ประชาชนที่สนใจ ร่วมรับฟังกว่า 100 คน โดยนายจีร จบหิมเวศน์ ผจก.ฝ่ายสนับสนุนโครงการ ปตท.กล่าวว่า โครงการดังกล่าวพาดผ่านพื้นที่ 6 จังหวัดได้แก่ จ.ระยอง จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปราจีนบุรี จ.นครนายก และ จ.สระบุรี รวมระยะทาง 300 กิโลเมตร ปตท.ได้เผยแพร่ข้อมูลโครงการ ร่วมปรึกษาหารือและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2548 จนถึงปัจจุบัน

"การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ เนื่องจากที่รัฐบาลมอบหมายให้ ปตท.แสวงหาแหล่งก๊าซอีกรูปแบบหนึ่งนอกเหนือจากก๊าซที่เอามาจากนอกเหนืออ่าวไทย หรือซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แผนงานจะลงมือก่อสร้างประมาณเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคมปีนี้ มีงบประมาณจัดการรวม 36,000 ล้านบาท แยกเป็น ค่าก่อสร้าง ค่าท่อ ค่าที่ดิน และค่าดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม"

นายจีรกล่าวว่า ขณะนี้เริ่มก่อสร้างสถานีรับก๊าซแล้ว ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณปี 2554 และจะส่งก๊าซมาใช้ใน 6 จังหวัดไปทางถนนเส้นหลัก เช่น สาย 331 และ สาย 304 ซึ่งถนนทั้ง 2 สายนี้มีสถานีปั๊มประมาณ 50 ปั๊ม มีอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด 40 แห่ง จำนวนปั๊มที่รองรับในปีนี้ตั้งไว้ 300 ปั๊ม และปีหน้า 400 ปั๊ม
 
 
ต่างประเทศ
 
ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังย่ำแย่ บ.ใหญ่ก็กำไรหดเร่งปลดคน
ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี/รอยเตอร์ - รัฐบาลญี่ปุ่นวานนี้ (30) แถลงตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ 3 ตัวที่ล้วนแต่ย่ำแย่ โดยทั้งผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการจ้างงาน, และการใช้จ่ายผู้บริโภคต่างก็ลดฮวบฮาบ อีกทั้งบอกด้วยว่ายังไม่เห็นเลยว่าข่าวร้ายเช่นนี้จะหมดสิ้นลงเมื่อใด ขณะเดียวกัน พวกบริษัทภาคเอกชนรายใหญ่ของแดนอาทิตย์อุทัย ก็พากันประกาศผลประกอบการที่เลวร้ายและต้องปลดลดพนักงาน
 
รัฐบาลญี่ปุ่นแจ้งว่า ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมประจำเดือนธันวาคมได้ลดต่ำลง 9.6% อันเป็นการทรุดตัวแรงที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกสถิติเอาไว้ และนับตลอดช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดธันวาคม ผลผลิตอุตสาหกรรมก็เซถลาลงมา 11.9% ทีเดียว ซึ่งยิ่งตอกย้ำทำให้เกิดความหวาดวิตกว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังหดตัวลงอย่างแรงมาก
 
บรรดาบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตยังกล่าวสำทับว่า พวกเขาคาดหมายแนวโน้มย่ำแย่เช่นนี้จะดำเนินต่อไป โดยคิดว่าผลผลิตในเดือนมกราคมนี้จะถอยลง 9.1% และเดือนกุมภาพันธ์ก็จะต่ำลงอีก 4.7% ในเมื่อญี่ปุ่นกำลังอยู่ระหว่างการฝ่าฟันให้ผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งแรกในรอบระยะเวลา 7 ปี
 
"ปัญหากำลังมีความร้ายแรงมาก" รัฐมนตรีเศรษฐกิจ คาอุคุ โยซาโนะ กล่าวยอมรับ "ส่วนที่ว่าเมื่อใดจึงจะถึงขีดต่ำสุดที่เศรษฐกิจจะไหลรูดลงไปนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพยากรณ์กันในเวลานี้ เพราะปัญหาไม่ใช่เป็นเพียงระดับภายในประเทศ แต่เป็นระดับโลก"
 
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก กำลังทำให้อุปสงค์ความต้องการสินค้าญี่ปุ่นลดพรวดพราด และเกิดความกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า ระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียแห่งนี้ได้ประสบสภาพเศรษฐกิจติดลบหนักที่สุดในรอบ 30 ปีไปแล้วในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 ที่เพิ่งผ่านไป
 
ขณะเดียวกัน ตัวเลขอัตราการว่างงานประจำเดือนธันวาคมที่รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงวานนี้เช่นกัน ก็ปรากฏว่าพุ่งพรวดขึ้นเป็น 4.4% จาก 3.9% ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากผลกำไรที่หดเหี้ยนลงของภาคบริษัท ได้ทำให้เกิดระลอกการปลดพนักงานกันมาก ครั้งสุดท้ายที่ตัวเลขการว่างงานสูงถึงระดับนี้คือเมื่อเดือนมกราคม 2006
 
หากคิดเป็นตัวเลข ในเดือนธันวาคมมีคนว่างงานรวม 2.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 390,000 คน หรือ 16.9% จากระยะ 1 ปีก่อนหน้า
 
ทางด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ก็ตกลงมา 4.6% ในเดือนธันวาคมจาก 1 ปีก่อนหน้า เมื่อผู้บริโภคพากันรัดเข็มขัด
 
ในวันเดียวกันนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอีกหลายรายได้แถลงข้อมูลผลประกอบการที่ย่ำแย่ ต่อเนื่องจากหลายๆ แห่งซึ่งประกาศออกมาตลอดช่วงสัปดาห์นี้
 
ที่ดูย่ำแย่ที่สุดในบรรดาบริษัทที่แถลงเมื่อวานนี้ ได้แก่ เอ็นอีซี ซึ่งประกาศจะลดพนักงาน 20,000 คนทั่วโลก พร้อมกับคาดหมายว่าปีการเงินนี้(เม.ย.08-มี.ค.09) จะขาดทุน 3,200 ล้านดอลลาร์
 
ทางด้าน ฮิตาชิ ก็คาดการณ์ว่าปีการเงินนี้จะขาดทุน 7,800 ล้านดอลลาร์ และจะลดตำแหน่งงาน 7,000 ตำแหน่ง
 
ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (เอเอ็นเอ) สายการบินใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น แจ้งว่าถึงตอนนี้คาดหมายว่าปีการเงินนี้คงจะขาดทุน ส่วน มิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ธนาคารใหญ่อันดับสองของแดนอาทิตย์อุทัย บอกว่า ในรอบ 9 เดือนของปีการเงิน (เม.ย.-ธ.ค.08) ขาดทุนไป 565 ล้านดอลลาร์
 
ฮอนด้าซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น แถลงคาดการณ์ว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานในปีการเงินนี้จะอยู่ที่ 140,000 ล้านเยน (1,600 ล้านดอลลาร์) ต่ำลงมากจากปีที่แล้วซึ่งได้ 953,000 ล้านเยน ที่ถือเป็นสถิติของบริษัท
 
สำหรับโตโยต้า ผู้ผลิตรถใหญ่อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและของโลกในเวลานี้ ได้คาดการณ์ในเดือนที่แล้วว่า ปีการเงินนี้จะขาดทุนจากการดำเนินงานเป็นปีแรก ในระดับ 150,000 ล้านเยน แต่หนังสือพิมพ์นิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานวานนี้ว่า การขาดทุนอาจจะสูงขึ้นจนอยู่ในระดับ 400,000 ล้านเยน
 
"โสมแดง" ฉีกสัญญาการเมืองการทหารที่ทำกับ "โสมขาว"
ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี - เกาหลีเหนือประกาศวานนี้ (30) ยกเลิกข้อตกลงทั้งทางการเมืองและการทหารทั้งหมดที่ทำไว้กับเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่าโสมขาวกำลังผลักความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเกาหลีให้เข้าสู่ภาวะสงคราม
 
เกาหลีเหนือ ระบุว่า ข้อตกลงทั้งหมดในการยุติการเผชิญหน้ากันจะถูกยกเลิก รวมทั้งข้อตกลงที่ครอบคลุมชายแดนทะเลเหลือง ซึ่งเป็นฉากการปะทะอันนองเลือดของทั้งสองฝ่ายในปี 1999 และ 2002 ด้วย
 
แถลงการณ์ของโสมแดงที่ออกในนามคณะกรรมาธิการเพื่อการรวมชาติเกาหลีอย่างสันติคราวนี้ เป็นการเพิ่มความตึงเครียดขึ้นอีก หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพเย็นชามานานหลายเดือนแล้ว
 
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกองทัพเกาหลีเหนือขู่จะเผชิญหน้าอย่างเต็มรูปแบบกับเกาหลีใต้ไม่ถึง 2 สัปดาห์
 
ทางด้านนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า เกาหลีเหนือกำลังพยายามสร้างความตึงเครียดขึ้นเพื่อประกันว่า เรื่องของตนจะยังคงเป็นประเด็นการทูตอันดับต้นๆ ของรัฐบาลโอบามาแห่งสหรัฐฯ
 
ผู้นำตุรกีด่าปธน.อิสราเอล "คุณฆ่าประชาชน" ก่อนบอยคอตเวที "เวิล์ด อีโคโนมิก ฟอรัม"
มติชนออนไลน์ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ว่า ในการประชุมเวิล์ด อีโคโนมิค ฟอรัม ที่กรุงดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีรีเซพ เทยยิบ อาร์โดแกน ได้กล่าวโจมตีนายชิโมน เปเรส ประธานาธิบดีอิสราเอล ซึ่งทั้งสองนั่งติดกัน โดยที่ผ่านมาผู้นำตุรกีได้เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยการเจรจาระหว่างอิสราเอลและซีเรีย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ผู้นำตุรกีได้พยายามจะขอเปิดไมค์เพื่อโต้ตอบผู้นำอิสราเอล ซึ่งกำลังแสดงทัศนะปกป้องการโจมตีเมืองกาซาของอิสราเอล แต่ไม่ได้รับอนุญาติจากคณะผู้ควบคุมการประชุม ก่อนในที่สุดได้รับอนุญาติให้พูดแค่เพียงนาทีเดียว
 
รายงานระบุว่า ผู้นำตุรกีได้โจมตีผู้นำอิสราเอลว่า ท่านเปเรส ท่านแก่กว่าผม เสียงของท่านอาจจะดังกว่าผม แต่ท่านฆ่าประชาชน(ชาวปาเลสไตน์)ผมยังจำภาพเด็กตายบนชาดหาดได้ และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องฆ่า ท่านรู้วิธีพวกนี้ดี และผมยังจำได้ว่า อดีตผู้นำอิสราเอล 2 คน บอกว่า เขารู้สึกมีความสุขที่เข้ารุกรานปาเลสไตน์ด้วยรถถัง
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ควบคุมการประชุมพยายามปิดไมค์ของผู้นำตุรกี ทำให้นายอาร์โดแกน โวยวายใส่ พร้อมทั้งเดินลุกจากเก้าอี้ ออกจากที่ประชุม เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตะลึงที่ประชุมและผู้สื่อข่าวซึ่งได้เดินติดตามนายอาร์โดแกน เพื่อขอสัมภาษณ์ และภายหลังเหตุการณ์ ผู้นำตุรกี ยังประกาศว่า เขาจะไม่เข้าร่วมการประชุมเวิล์ด อีโคโนมิคฯ อีกแล้วเพราะได้รับอนุญาตให้พูดด้วยเวลาเพียงน้อยนิด
 
"หม่อง" โยน "โรฮิงญา" อ้างอพยพจาก "บังกลาเทศ"
มติชนออนไลน์ - สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์ รายงาน เมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่า รัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธว่า ชาวโรฮิงญาจำนวนหนึ่งที่พบว่า ล่องเรือในทะเลอันดามันมาขึ้นฝั่งที่ไทย อินโดนีเซียและอินเดีย ซึ่งปรากฏเป็นข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นไม่ได้มาจากพม่า โดยแถลงการณ์ของรัฐบาลพม่าที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของทางการพม่านั้นระบุว่า "ชาวโรฮิงญาไม่ได้เป็น 1 ในจำนวนมากกว่า 100 เชื้อชาติของชนกลุ่มน้อยในพม่า" นอกจากนี้แถลงการณ์ของไทยที่ออกเมื่อวันที่ 29 มกราคม ไม่ได้มีการระบุว่า กลุ่มผู้ที่เดินทางมาทางทะเลและพยายามจะเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายนั้นมาจากพม่าแต่อย่างใด ทางการพม่ามีความเป็นกังวลและจะมีมาตรการที่เหมาะสมในการจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รัฐบาลทหารพม่าไม่ได้ระบุว่าจะมีมาตรการอย่างไรในเรื่องนี้ แต่นับเป็นการรายงานข่าวเรื่องโรฮิงญาเป็นครั้งแรกในพม่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น
 
ขณะที่เอเอฟพีรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 มกราคม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพม่าที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้วโดยอ้างว่าชาวโรฮิงญากลุ่มดังกล่าวนั้นหนีมาจากบังกลาเทศ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท