Skip to main content
sharethis

ตามที่เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เปิดเผยที่ จ.นครราชสีมา ว่าเครือข่ายพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จังหวัดอุดรธานี และสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด กำหนดชุมนุมคอนเสิร์ตการเมืองที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ 14 ก.พ. โดยตั้งชื่องานว่า "คอนเสิร์ตการเมืองภาคพิเศษ 14 ก.พ.ให้ความรักเราท่วมท้นประเทศไทย ร่วมสร้างการเมืองใหม่ที่อุดรธานี" และตามมาด้วยการตอบรับของพันธมิตรฯ ในพื้นที่ต่างๆ นั้น


 


 


สนธิสวมเสื้อยืด "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ขึ้นเวทีฉลอง 3 ปี พันธมิตร


ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ตั้งเวทีปราศรัยย่อยบริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา สำนักงานเอเอสทีวี เนื่องในงานครบรอบ 3 ปีการก่อตั้งพันธมิตรฯ โดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าว โดยบอกว่าจะฉลองครบรอบกันไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่สังคมไทยยังมีอยู่ โดยนายสนธิซึ่งใส่เสื้อยืดสีเหลืองข้อความ "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ซึ่งเป็นเสื้อรณรงค์ของนายสนธิ เมื่อครั้งจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรปลายปี พ.ศ. 2548


 


นายสนธิได้ย้อนความเป็นมาของการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยตอนหนึ่งกล่าวว่า ไปสวนลุมพินีด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น มีความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ มีศรัทธาและผมรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้นอยู่ในอันตราย นั่นคือที่มาของเสื้อที่พิมพ์คำว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง"


 


 


อ้างคนเหนือบางกลุ้มจ้องล้มล้าง รื้อฟื้น "ยุทธ ตู้เย็น" ส่งกะเหรี่ยงป่วนสวนลุม


นายสนธิได้กล่าวว่าเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ที่นายใจขึ้นเวทีไปเชียร์ทักษิณ นายจักรภพ เพ็ญแขจาบจ้วง ทั้งนางดา ตอร์ปิโด และมีพวกเสื้อแดงทั้งหลาย ตลอดจนคนทางเหนือบางกลุ่มที่ออกมาที่ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างแน่ชัดที่สุด เราชุมนุมกันที่สวนลุมพินีมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ผ่านความเป็นการตาย มีพวกป่าไม้ขนพลพรรคขึ้นมา รัฐมนตรีที่ดูแลกรมป่าไม้คือนายยุงยุทธ ติยะไพรัช พี่น้องที่อยู่สวมลุมจำได้ใช่ไหม พากุ๊ยมา พาพวกกะเหรี่ยงมา มาจุดประทัดยักษ์ มาวางระเบิดในสวมลุม พาพลพรรคมาพร้อมที่จะปะทะกับเรา ขณะนั้นเราไม่มีเลยแม้กระทั่งการ์ด เราไม่มีใครทั้งสิ้น และตำรวจก็นั่งเฉยๆ หลังจากนั้นตนเห็นว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจึงตัดสินใจที่จะแสดงพลังให้เห็น เป็นที่มาของการชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า (วันที่ 4 ก.พ.49) ซึ่งตอนแรกก็นึกไม่ถึงว่าผู้คนจะมากันเป็นจำนวนมาก และอยู่กันทั้งคืนจนกระทั่งเช้า เป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงพลังของประชาชนที่มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะมาทำงานเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายสนธิกล่าว


 


 


เผยแกนนำเคยระแวงจำลอง ตอนนี้เชื่อใจกัน 100%


นายสนธิ ยังกล่าวว่า กาต่อสู้ในอดีตนั้นผู้นำมวลชนจะใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ แต่การต่อสู้ของพันธมิตรฯ นั้น ประชาชนจะใช้แกนนำเป็นเครื่องมือ ตอนแรกเมื่อเรามี 5 คน เราอยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะยังไม่รู้จักซึ่งกันและกัน เช่น นายพิภพก็กลัวว่า พล.ต.จำลองจะเคลื่อนมวลชนจนเกิดความรุนแรง เมื่อแกนนำแต่ละคนขึ้นเวทีก็จะมีกลุ่มคนของตัวเองล้อมรอบแต่ละคน มีการกั๊กกันไปมาเหมือนเล่นเผ จนกระทั่งการต่อสู้พัฒนาไปเรื่อยๆ และนับเป็นบุญกุศลของบ้านเมือง เมื่อนายสมศักดิ์ได้เป็นตัวแทนสมาพันธ์ประชาธิปไตย มาร่วมเป็นแกนนำ เพราะถ้าสมาพันธ์ฯ ให้ นพ.เหวง โตจิราการ มาเป็น คงฉิบหายแน่ๆ เพราะเคยด่า พ.ต.ท.ทักษิณมีหลักฐานให้เห็นชัดเจน แต่แล้วกลับไปชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนเป็นพ่อ


 


นายสนธิ กล่าวต่อว่า เวทีการต่อสู้พัฒนามาจนเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย.2549 ความไม่ไว้วางใจระหว่างแกนนำหมดไปทีละนิดๆ จนหมด หลังการยึดอำนาจ 19 ก.ย. แกนนำได้พบกัน และมีคำพูดระหว่างกันที่ซาบซึ้งกินใจอย่างมาก ต่างคนต่างขอโทษที่เคยไม่ไว้ใจกัน และหลังจากนั้นแต่ละคนก็เชื่อใจกัน 100% ไม่มีอะไรสงสัยอีก และคนที่รักสินติที่สุดกลายเป็น พล.ต.จำลอง ส่วนคนที่บู๊กลายเป็นนายสมศักดิ์ และนายสมเกียรติ


 


 


ลั่นพันธมิตรฯ ยึดอหิงสา ขอฉลองวันวีรบุรุษ-วีรสตรี 7 ต.ค. อย่างยิ่งใหญ่


นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า อย่าว่าแต่คน 8 คนที่ตายไประหว่างการชุมนุมเลย แค่คนเดียวหัวร้างข้างแตกพวกเราก็ช้ำใจมากแล้ว เพราะเรายึดหลักอหิงสามาตลอด ส่วนพี่น้องที่เสียชีวิตไปก็เพราะสัตว์นรกที่ฆ่าพวกเขา ด้วยเหตุนี้จึงหล่อหลอมให้พี่น้องเข้มแข็ง ไม่กลัวอะไรอีกทั้งสิ้น เพราะเรารู้ว่าเราใช้ธรรมนำหน้า ให้รู้ว่าเราไม่กลัวสัตว์นรก เพราะถ้าเรากลัวพวกมันจะยึดครองประเทศไทย พระเจ้าอยู่หัวจะลำบาก พวกเราพร้อมตายเพื่อพระเจ้าอยู่หัว เราจึงไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว


 


นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้พวกเรามากันที่นี่ เพราะรู้ว่ามีงานครบรอบ 3 ปี และมากันมาก ซึ่งในแต่ละปีเราจะมีงานใหญ่ นอกจากวันนี้แล้ว งานต่อไปคือวันที่ 25 พ.ค. ครบวันที่ประชาชนยาตราออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุม 193 วัน วันต่อไปคือ 7 ตุลาคม เป็นวันที่พวกเราจะไม่มีวันลืมเลือนการตายของพ่อแม่พี่น้องเรา และไม่มีวันลืมถึงความบัดซบของไอ้พวกสัตว์นรกทั้งหลาย พี่น้องไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้ใช่ไหมว่าใครบ้าง ที่เราเขียนชื่อมันไว้ใต้ส้นตีนเรา ไม่ว่าตำรวจบางคน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองบางคน บอกไปถึงลูกถึงหลาน แก่เฒ่าลงลูกโตขึ้นมา ก็เล่าไปเรื่อยๆ เอ่ยชื่อมันไปเรื่อยๆ ให้รู้ว่ามันชื่ออะไร ที่สำคัญ ให้รู้ว่าโคตรเหง้ามันนามสกุลอะไร


 


และวันสุดท้ายที่เราต้องฉลองคือวันที่ 3 ธ.ค. จำได้ใช่ไหมพี่น้อง ปีหนึ่งเราจะมี 4 วัน ที่เราจะไม่มีวันลืมเลือน วันแรกลืมเลือนไม่ได้คือวันที่ 9 ก.พ. และวันที่ 7 ต.ค. ส่วนวันที่ 25 พ.ค.อาจลืมได้ เพราะถ้าต้องชุมนุมใหม่


 


"และ 7 ต.ค. นี้ เราต้องจัดงานรำลึกวีรบุรุษวีรสตรีของพวกเราให้ยิ่งใหญ่ที่สุด ให้สังคมไทยได้รับรู้กันไปให้หมด"


 


 


ลั่นไม่หยุดแค่อุดรฯ แต่ไม่เกินพฤษภาขอบุกเชียงราย ปลายปีไปเชียงใหม่


นายสนธิกล่าวถึงการจัดกิจกรรมของพันธมิตรฯ ในจังหวัดต่างๆ ว่า นอกจากวันที่ 14 ก.พ. ที่พ่อแม่พี่น้องจะไปอุดรธานีแล้ว รับประกันได้ว่าไม่เกินเดือนพฤษภาคม พวกเราจะบุกเชียงราย และปลายปีนี้พี่น้อง เราจะขึ้นเชียงใหม่ ทำให้ผู้ชุมนุมโห่ร้องอย่างดีใจ


 


ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สหรัฐอเมริกา ที่ประชุมเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา แล้วให้คำมั่นว่าจะร่วมกับพันธมิตรฯ ที่ไปปรากฏตัวที่ลอสแองเจลลิส ร่วมกันจัดงานให้ยิ่งใหญ่ สมกับเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


 


"สมศักดิ์" โต้ "ผาสุก" ย้ำพันธมิตรจำเป็นต้องมีการ์ด ต่างชาติก็ทำเช่นนี้


ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้ปราศรัยว่า การต่อสู้ทำให้นายกรัฐมนตรี 3 คนออกไปติดต่อกัน และมีนายกรัฐมนตรี 1 คน ไม่มีเก้าอี้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ และยังว่ามีนักวิชาการคนหนึ่งชื่อผาสุก พงษ์ไพจิตร บอกว่าการชุมนุมของเราทำให้เสียประชาธิปไตย มีการ์ดด้วย มี รปภ.ด้วย มันผิดประชาธิปไตย ถามสิว่านักวิชาการพวกนี้มีปัญญาเห็นไหมว่าเราถูกเขวี้ยงขว้าง ถูกทำร้าย ถูกยิงด้วย M-79 มันไม่เห็น มันตาบอดหรือมันโง่ขนาดไหนกันแน่ ผมนี่แหละ การชุมนุมทุกครั้ง มีการ์ดทุกครั้ง ขอให้พวก ดร.กะเรี่ยกะราดนี้รู้เสียด้วย มันไม่เคยชุมนุมที่ไหนมันไม่รู้ มีการชุมนุมที่ไหนในโลกไม่มี รปภ. ไม่มีครับพี่น้อง ไม่ต้องสงสัย ไม่มี


 


เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เขามีทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องส่งเสบียง ส่งน้ำ ส่งอาหาร นี่เป็นหลักทั่วไป ถ้าไม่มี รปภ. เราจะอยู่ได้อย่างไร และเรานั้นถูกถล่มก่อน ถูกทำร้ายก่อน เห็นกันอย่างชัดๆ ว่ามันคืออันธพาล ดังนั้นวันนี้เรามีศัตรูพูดตรงๆ เลย ศัตรูทางความคิด พวกกะเรี่ยกะราด 1.ทักษิณ ซึ่งวันนีเอาเงินมาหว่านที่เป็นพรรคการเมือง สมุนรับใช้นอกสภา คือหล่อเลี้ยงด้วยเงิน เป็นเผด็จการทุนนิยมสามานย์ใช้เงินเป็นอาวุธเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง 2.สื่อมวลชนที่กลางกลวงไม่รู้เรื่อง และสื่อมวลชนที่ไม่ใช่สื่อมวลชนพยายามที่จะออกข่าวให้คนที่จะรู้อะไรจริงอะไรถูกทำให้คนสับสน 3.พวกนักวิชาการ ที่เขารับจ้างไว้ และพวกที่มาเขียนที่ไม่รู้เรื่อง


 


ที่สำคัญ นี่คือสิ่งที่เราต้องข้ามไปให้ได้ วันนี้เราต้องนำประเทศชาติให้ไปสู่การเมืองใหม่ ที่ผมพูดทุกครั้งว่าการเมืองใหม่นั้นอำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชนและประชาชนมีส่วนกำหนดอนาคตตัวเองอย่างแท้จริง วันนี้เครือข่ายพันธมิตรฯ กำลังกว้างใหญ่ไพศาลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ผมเชื่อมั่นอย่างสนิทว่าพลังเราเหลือเฟือที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเมืองใหม่ต่อไปครับพี่น้อง


 


 


"พล.อ.ปฐมพงษ์" ไปอุดรฯ ด้วย บอก "แม่ทัพภาค" ต้องดูแลประชาชน


ส่วน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด และที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ตนจะไปร่วมงานพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรธานีด้วย และในวันที่ 10 ก.พ.จะมีการประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง โดยมี พล.ร.ท.ประทีป (พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง-นปข.) เดินทางไปด้วย และมีการประสานงานต่อไปยังแม่ทัพ ผบ.มณฑลทหารบก ตำรวจในพื้นที่แล้ว


 


"เราไปแน่นอน และอยากจะดูว่าใครจะขัดขวางเรา ถ้าเผื่อว่ารัฐบาลนี้ยังดูแลประชาชนไม่ให้ความสุขได้ ไม่มีเสรีภาพได้ เพราะนี่เป็นเมืองไทย ผมก็คิดว่าควรจะพิจารณาตัวเอง"


 


จากที่อุดรธานีแล้วผมได้วางแผนแล้วว่าจะไปเชียงใหม่ และเชียงรายต่อ อย่างน้อยที่สุดแม่ทัพภาคทุกภาคจะต้องดูแลประชาชนให้มีความสุขและให้ปลอดภัย เพราะสิ่งที่เราไปกันนี้ ไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 70 มาตรา 71 ที่กำหนดไว้ว่า เราเป็นคนไทย การไปชุมนุมนั้น เป็นการชุมนุมเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อราชบัลลังก์ และเป็นการชุมนุมอย่างสงบ เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ต้องส่งเสริม ไม่ใช่หวาดกลัวว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ถ้าอะไรมันจะเกิดขึ้นแล้วท่านดูแลประชาชนไม่ได้ก็อย่าอยู่"


 


พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าภูมิใจคือประเทศเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร เพราะในหลวงของพวกเราทุกพระองค์เอาใจใส่ดูแล เรายืนอยู่ได้เพราะบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ตนดีใจที่แกนนำพันธมิตรฯ รวมตัวอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่ารุ่น 1 หรือรุ่น 2 และหวังว่าคงมีข้อมูลดีๆ มาช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้เกิดการเมืองใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจว่าการเมืองใหม่คืออะไร ก็อยากบอกให้รู้ว่า รักชาติบ้านเมือง รักในหลวงให้มากๆ นั่นแหละคือการเมืองใหม่ และต้องไม่รักแต่ปาก ต้องกล้าหาญด้วย นี่เป็นสิ่งสำคัญ


 


 


เลื่อนจัดงาน "ขอนแก่น" ระดมพลสมทบ "อุดรธานี"


ส่วนความเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่อื่นๆ นั้น เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) นายพานิช เตียสวัสดิ์ แกนนำแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยคณะทำงาน เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนชี้แจงการเลื่อนจัดงานคอนเสิร์ตการเมืองภาคพิเศษ ที่มีกำหนดจะจัดที่จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้ โดยนายพานิช กล่าวว่าเนื่องจากในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น จะมีงานพิธีประทานปริญญาบัตร ซึ่งเจ้าหน้าที่และคณะผู้จัดงานหลายส่วนเกิดความไม่สะดวก จึงขอเลื่อนการจัดงานออกไปอย่างไม่มีกำหนดโดยผู้ที่ซื้อบัตรไปแล้วในราคา 200 บาท สามารถนำบัตรไปแลกรับเงินคืน จากจุดที่ซื้อได้ทันที


 


สำหรับในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะมีงานคอนเสิร์ตการเมืองภาคพิเศษ "14 กุมภาฯ ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย" ที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ของพันธมิตรฯทั่วประเทศ และโดยเฉพาะพันธมิตรฯในภาคอีสานที่จะต้องไปช่วยผนึกกำลังกันให้มากที่สุด


 


นายพานิช กล่าวเพิ่มเติมว่าพันธมิตรฯ ขอนแก่น ได้รับบริจาคข้าวสารและอาหารจากพี่น้องพันธมิตรฯในขอนแก่นจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะได้นำข้าวสารและอาหารเหล่านี้ ไปเปิดเต็นท์อาหาร ในนาม "พันธมิตรฯ ขอนแก่น" จำนวน 2 เต็นท์ ร่วมกับพี่น้องพันธมิตรฯ อุดรฯ และจังหวัดต่างๆ เพื่อบริการพันธมิตรฯจากทั่วประเทศ ที่จะไปร่วมแสดงพลังคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ท่วมท้นจังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้ จึงขอเชิญชวนพันธมิตรฯ ขอนแก่นไปร่วมงานให้มากที่สุด ซึ่งคาดว่า จะมีพันธมิตรฯขอนแก่นที่เดินทางไปที่อุดรธานีหลายพันคน


 


 


"11 อรหันต์ทองคำชลบุรี" พร้อมปักธงเหลืองในเขตสีแดง


ส่วนที่ จ.ชลบุรี ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อ 10 ก.พ. ว่า "คุณต้อย เสม็ด" เจ๊ อรหันต์ทองคำคนที่ 7 ชลบุรี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเหรัญญิกชมรมยามเฝ้าแผ่นดินชลบุรี เผยว่า ขณะนี้ทางสมาชิกของชมรมยามเฝ้าแผ่นดินและบรรดาผู้รักชาติพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยชลบุรี ได้รวมตัวกันเพื่อจะเดินทางไปยังจังหวัดอุดรธานีในวันที่ 14 ก.พ.


 


ส่วน "เจ๊ 7" (ซ้อ 7) ของกลุ่ม "เจ๊ 11 อรหันต์ทองคำชลบุรี" กล่าวว่า สำหรับวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) นี้ มีกิจกรรมของกลุ่มชมรมยามเฝ้าแผ่นดิน คือ ทางชมรมยามเฝ้าแผ่นดินที่มี คุณศิริลักษณ์ แซ่โค้ว เจ๊ 1 (ซ้อ 1) กับสมาชิกชมรมยามเฝ้าแผ่นดินจะไปที่บ้านพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ การนำเงินรายได้จากการจัดงานปีใหม่เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ที่ภัตตาคารไต้ฮี้ 1 ประมาณแสนบาท ไปมอบให้ ASTV ผ่านทางคุณสนธิ ลิ้มทองกุล


 


ส่วนการเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีครั้งนี้นั้น ทางเจ๊ 7 เจ๊ต้อย เสม็ด บอกว่า เจตนารมณ์คือต้องการไปปักธงสีเหลืองในเขตสีแดง จะได้ให้รู้กันทั่วไปว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศนั้น พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว


 


อย่างไรก็ตาม ทางด้าน คุณศิริรัตน์ โพธิทอง เจ๊ 9 หรือ เจ๊ เล็ก พนัสนิคม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้นำพนัสนิคม ซึ่งงานที่อุดรธานีคราวนี้ไปไม่ได้ เพราะมีธุรกิจนัดล่วงหน้าไว้ แต่ทีมงานของกลุ่มพนัสนิคม ก็จัดรถตู้ปรับอากาศไว้แล้วหลายคัน เพื่อการเดินทางไปอุดรธานี      


 


 


ระยองพร้อมชุมนุม-ส่งการ์ดดูแล


ด้านนายสุทธิ อัฌชาศัย ผู้ประสานงานพันธมิตรฯจังหวัดระยอง กล่าวเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ถึงการชุมนุมที่จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ทางพันธมิตรฯ จังหวัดระยอง พร้อมจะเดินทางไปร่วมอย่างแน่นอน โดยจะเดินทางไปในคืนวันที่ 13 ก.พ.นี้ ด้วยรถปรับอากาศจากหอนาฬิกา ระยอง พร้อมไปสบทบกับพันธมิตรฯใน กทม.เพื่อเดินทางไปพร้อมกัน


 


การเดินทางไปในครั้งนี้ก็ได้เตือนผู้ที่เดินทางให้ระมัดระวังเพื่อ ไม่ประมาทในครั้งนี้ หลังที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาข่มขู่ ดังนั้น ทางพันธมิตรฯจังหวัดระยองก็พร้อมในการเดินทางไปครั้งนี้ โดยจะมีชุดการ์ดพันธมิตรฯ ดูแลไปด้วย นายสุทธิ กล่าวว่าตนไม่ได้เดินทางไปในครั้งนี้เพราะมีภารกิจที่จังหวัดระยอง แต่จะคอยเป็นผู้ติดต่อประสานงานจากพื้นที่ระยองและในพื้นที่อุดรฯ ด้วย


 


 


จันทบุรีพร้อม เย้ย "ขวัญชัย ไพรพนา" พาคนมาต้านได้ 2 พันก็เก่งแล้ว


ด้านนายไพโรจน์ ลิมป์ธนวงศ์ เลขาฯเครือข่ายพันธมิตรฯ จันทบุรีและตราด กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดขอนแก่น จะจัดงานเวทีการเมืองใหม่พันธมิตรฯในวันที่ 14 และ 15 กุมภาพันธ์ 2552 แกนนำพันธมิตรฯจันทบุรี ไปประชุมและมีมติเห็นชอบที่จะเดินทางไปร่วมงานดังกล่าว โดยจะจัดบริการรถบัส 2 ชั้นอย่างดี ให้บริการกลุ่มพี่น้องพันธมิตรฯที่ประสงค์จะเดินทางร่วมงานทั้ง 2 จังหวัด โดยคิดค่าโดยสารราคาถูก เพียงคนละ 650 บาทเท่านั้น พร้อมมีประกันอุบัติเหตุทุกที่นั่ง ขณะนี้เปิดจำหน่ายบัตรโดยสารแล้ว ที่ร้าน "สแคว" สี่แยกเมืองจันท์ ตรงข้ามร้านทองสัมพันธ์


 


นายไพโรจน์กล่าวด้วยว่า "ในคำประกาศ และขู่ของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ที่ห้ามพันธมิตรฯจัดงาน โดยจะนำมวลชนคนรักอุดรฯจำนวน 200,000 คน ออกมาต่อต้านและคัดค้านพันธมิตรฯ และจะไม่รับรองความปลอดภัย หากจัดงานดังกล่าวขึ้น ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จันทบุรี จะเดินทางไปร่วมงานประมาณ 200-300 คน โดยไม่กลัวคำข่มขู่ของนายขวัญชัย ซึ่งหากนายขวัญชัย สามารถนำมวลชนมาต่อต้านพันธมิตรฯได้ 2,000 คนก็เก่งแล้ว" นายไพโรจน์ กล่าว


 


สำหรับเรื่องความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรนั้น พันธมิตรฯ จันทบุรี ที่เดินทางไปร่วมงานนั้น โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักรบในตัวเอง ซึ่งพร้อมต่อสู้กับอธรรมทุกรูปแบบ โดยทุกคนสามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯเดินทางไปร่วมงานกันมากๆ เพื่อกู้ศักดิ์ชาวพันธมิตรฯ กลับคืนมาอย่างถูกต้องและชอบธรรม นายไพโรจน์ตอบ


 


 


แกนนำจันทบุรี-ตราดบอกพันธมิตรฯ เป็นคนไทยมีสิทธิไปไหนก็ได้ "ขวัญชัย" ไม่มีสิทธิห้าม


ด้านนายสุวิชาณ สุวรรณาคะ ประธานเครือข่ายพันธมิตรฯ จันทบุรีและตราด กล่าวถึงการเดินทางฯครั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นคนไทยโดยมีสิทธิ์ที่จะเดินทางไปไหนก็ได้ ส่วนนายขวัญชัย นั้นไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งห้ามใครทั้งนั้น และการเดินทางครั้งนี้จะไปร่วมงานทั้ง 2 จังหวัด คือ อุดรธานี และขอนแก่น โดยพร้อมกันที่หอนาฬิกา ทุ่งนาเชย เวลา 23.00 น. (5 ทุ่ม) ของวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ และจะออกเดินทางพร้อมกันสู่อุดรธานี พักค้าง 1 คืน แล้วเดินทางต่อไปที่ขอนแก่น จึงขอให้พันธมิตรฯ ที่จะร่วมเดินทางนำเต็นท์ไปด้วย


 


 


สนธิสั่งพันธมิตรฯ สกัด "เสื้อแดง" ชุมนุมหัวหิน ไม่ให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท


แม้ว่านายสุวิชาณ สุวรรณาคะ ประธานเครือข่ายพันธมิตรฯ จันทบุรีและตราด กล่าวว่าพันธมิตรฯ เป็นคนไทยมีสิทธิ์ที่จะเดินทางไปไหนก็ได้นั้น แต่อนึ่งก่อนหน้านี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ออกอากาศทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-23.00 น. เมื่อ 6 ก.พ. 2552 โดยช่วงหนึ่งนายสนธิกล่าวว่า จำได้หรือเปล่าผมไปพูดที่สระบุรี ผมบอกว่าสงครามประชาชนเริ่มแล้ว ผมจะพูดก่อนที่จะมีเรื่องเกิดขึ้นทุกครั้ง และผมจะบอกพ่อแม่พี่น้องอย่างหนึ่ง ผมจะฝากไปถึงพ่อแม่พี่น้องที่เพชรบุรี ปราณบุรี สมุทรสาคร แม่กลอง ให้เตรียมตัวไว้ ผมขอร้อง ถ้าเมื่อใดพวกเสื้อแดงเดินขบวนเพื่อที่จะเข้าไปสู่หัวหินเพื่อไปป่วนการ ประชุมซัมมิท งานต้องเข้า เพชรบุรี ปราณบุรี แม่กลอง สมุทรสาคร ประจวบฯ


 


ต้องอย่าให้พวกเสื้อแดงเข้าไปในหัวหินเพื่อระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเป็นอันขาด และต้องเป็นอย่างไรเป็นกันพี่น้อง


 


พี่น้องเพชรบุรี ปราณบุรี ประจวบ ราชบุรี แม่กลอง มหาชัย เตรียมตัวประสานงานกันเอาไว้ เมื่อไหร่ก็ตามไอ้สามเกลอหัวขวดพาพลพรรคเสื้อแดงเดินไปเมื่อไหร่ พี่น้องระดมคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ราชบัลลังก์ ไปบล็อกมันทันที และไม่ต้องกลัวมัน อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดพี่น้อง


 


 


ขวัญชัยเชื่อชมรมคนอุดร รับมือพันธมิตรฯ บุกได้ ไม่ต้องพึ่งเสื้อแดงจังหวัดอื่น


ต่อกรณีที่พันธมิตรระดมมวลชนไปชุมนุมที่ จ.อุดรนั้น นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมรักอุดรฯ และแกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดอุดรธานี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ เมื่อ 10 ก.พ. กล่าวถึงขั้นตอนการเตรียมพร้อมรับมือกลุ่มพันธมิตรฯที่จะเดินทางมาตั้งเวที ปราศรัยสัญจรแนวทางการเมืองใหม่ว่า ขณะนี้ทางสมาชิกชมรมได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมถึง 2 ขั้นตอนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยขอเก็บไว้เป็นความลับ แต่แนวทางการป้องกันมือที่ 3 ป่วนสร้างสถานการณ์นั้น ตนได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นพิเศษไว้แล้ว


 


ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะรวมกำลังพลที่มีอยู่ทั้งหมดเอาไว้ที่ตั้ง จะไม่เคลื่อนไหวโจมตีใครก่อนอย่างแน่นอนส่วนที่มีการติดต่อมาจากคนเสื้อ แดงกว่า 30 จังหวัดขอยื่นความจำนงอยากจะเข้าร่วมคัดค้านพันธมิตรฯครั้งนี้ แต่ตนได้ปฏิเสธขอรับไว้แต่เพียงน้ำใจ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ส่ามารถควบคุมฝูงชนได้ โดยซึ่งตนเชื่อมั่นในพลังของพี่น้องชมรมคนรักอุดรฯ ที่มีสมาชิกมากว่า 2 แสนคน อย่างไรเสียก็ต้องมีไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นคนอดทนไม่ได้ที่จะเห็นพวกพันธมิตรฯบุกมาเหยียบพื้นที่เสื้อแดงเพื่อเผย แพร่แนวทางการเมืองใหม่ ซึ่งขัดแย้งกับหลักการของรัฐธรรมนูญ


 


 


ขอร้องตำรวจช่วยตรวจค้นอาวุธพันธมิตร ลั่นถ้าพึ่งกฎหมายไม่ได้ คนอุดรจะมีกติกาเอง


อย่างไรก็ตาม ตนได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพื่อขอให้มีการตรวจค้นอาวุธในบริเวณถนนสายหลักทั้ง 4 สาย ที่เข้าสู่ตัวเมืองอุดรฯ อย่างเข้มงวด ส่วนในบริเวณงานที่หนองประจักษ์ทราบมาว่าจะมีการติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะ อาวุธและวัตถุระเบิด อีกทั้ง ยังขอประสานเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบจับตามองที่สำนักงานสันติอโศกในจังหวัดใกล้ เคียงด้วยร่วมทั้งในจังหวัดอุดรฯ ด้วย


 


อีกทั้ง ตนได้สั่งการให้สมาชิกชมรม คอยตรวจสอบกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เข้ามาในพื้นที่ก่อนวันงานจริง เนื่องจากเกรงว่าจะมีการทยอยกันเข้ามาสะสมกำลังคนและอาวุธเพื่อเตรียมก่อ สถานการณ์ใส่ร้ายคนเสื้อแดงอุดรฯ ซึ่งตนได้เตือนให้สมาชิกไปตรวจสอบตามโรงแรมที่พักต่าง ๆ และยังเน้นย้ำให้จับตามองป้ายทะเบียนรถแปลกถิ่นที่มีความน่าสงสัย


 


"มีพี่น้องเสื้อแดงทั้งในกรุงเทพฯและต่างหวัดโทรศัพท์มาเตือนผมอยู่เรื่อย ๆ ให้ระวังตัวพวกเขาเป็นห่วงผม เพราะว่าไปทราบข่าวว่าพันธมิตรฯปลุกระดมขอรับการ์ดอาสาสมัครเพื่อมาคุ้มกัน เวทีพันธมิตรฯที่จะจัดที่หนองประจักษ์ ผมบอกได้เลยว่าไม่กลัวหรอก ผมสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว


 


ปล่อยให้พวกมันรวมคนมาได้เลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมไม่หวังพึ่งกฎหมายแน่นอน เมื่อกฎหมายไม่เป็นกฎหมาย บ้านเมืองไร้ความยุติธรรมในสังคม คนอุดรฯ ก็จะมีกติกาเช่นกัน" ประธานชมรมคนรักอุดรฯ กล่าว


 


 


 


……………………………………..


ที่มาของข่าวบางส่วน: เรียบเรียงจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ และประชาทรรศน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net