Skip to main content
sharethis

พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ กล่าวกับประชาไทว่า การให้ข่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อกรณีฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ โดยอ้างว่าพบหลักฐานที่ทำให้รูปคดีเป็นเรื่องชู้สาวนั้น ถือเป็นเรื่องผิดปกติเพราะว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีไม่ว่าในทางใดๆ ทั้งสิ้น และเป็นเรื่องที่ดีเอสไอเคยแถลงข่าวไปแล้ว


นอกจากนี้ จากหลักฐานที่กล่าวอ้างมา ก็เป็นหลักฐานที่เก็บไปหลังจากเกิดเหตุถึง 1 ปี 9 เดือน และหากเป็นหลักฐานที่มุ่งไปเป็นประเด็นชู้สาวแล้ว กลับไม่พบว่าพระสุพจน์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ใดเป็นพิเศษ ส่วนรูปลามกอนาจารที่ทางดีเอสไอระบุว่าพบในฮาร์ดดิสต์ของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ของกระทรวงไอซีทีว่ารูปดังกล่าวถูกเพิ่มเติมมาภายหลังหรือไม่ เพราะทางดีเอสไอเอาฮาร์ดิสต์ดังกล่าวไปเก็บไว้เป็นเวลา 8 เดือนเต็ม


"ขอเรียกร้องดีเอสไอว่าหากดีเอสไอมีหลักฐานอะไรที่เกี่ยวกับประเด็นชู้สาวก็ให้ดำเนินคดีเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่ใช่เพียงแค่ให้ข่าวที่สร้างความเสียหายให้กับผู้ตาย"


ทั้งนี้ พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณได้ตั้งข้อสังเกตว่า การให้ข่าวได้ดังกล่าวไม่ระบุชื่อแหล่งข่าวซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นั้น เป็นการให้ข่าวหลังจากที่ทางกลุ่มเสขิยธรรมได้เข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา


ด้าน นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ สั่งให้ตนรื้อฟื้นคดีการมรณภาพของพระสุพจน์ สุวัจโจ พระนักอนุรักษ์ในสำนักสงฆ์สวนป่าเมตตาธรรมที่ถูกสังหาร เมื่อ 18 มิ.ย. 48 ซึ่งในขณะนั้นตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งหนึ่งแล้ว ได้พบผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริง กระทั่งได้กดดันรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้นให้โอนคดีจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งก็โอนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ท้ายที่สุดยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ใด



ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการตำรวจ กล่าวว่า เหตุผลที่นายชวนต้องการให้รื้อคดีนี้เพราะพระสุพจน์เป็นพระอนุรักษ์ ซึ่งบวชที่สวนโมกข์ที่ปกป้องผืนป่าบริเวณสวนป่าเมตตาธรรม มีพื้นที่ป่าเป็นพันๆไร่แต่มีนายทุนเข้ามาบุกรุก มีอิทธิพลในพื้นที่และนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



 "คดีนี้น่าสนใจคล้ายกับคดีของชิปปิ้งหมู และคดีทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ไม่สามารถปิดคดีลงได้ ดังนั้นผู้ใหญ่ของพรรคเห็นว่าควรที่จะรื้อฟื้นคดีนี้ไปพร้อมกับคดีชิปปิ้งหมู เพราะนายชวนต้องการให้หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพราะการฆ่าพระผู้ปฏิบัติธรรม ถือเป็นเหตุสะเทือนใจ ทั้งที่ควรจะหาตัวผู้ทำผิดได้ แต่กลับหาตัวไม่ได้ จึงติดค้างคดีมาถึงทุกวันนี้"



ผู้สื่อข่าวถามว่า การจะรื้อฟื้นคดีที่มีอิทธิพลในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คิดว่าทำได้ยากหรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า คดีของพระสุพจน์คาดว่าจะง่ายกว่าคดีอื่น เพราะมีมูลเหตุกับอิทธิพลท้องถิ่น มีการแจ้งความว่ามีการทำร้าย และถูกฆ่าโดยไม่เป็นธรรม



" คดีนี้มีการเมืองระดับท้อถิ่นเข้ามาแทรกแซง ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับการเมืองระดับชาติ ที่อาจเกี่ยวโยงถึงหัวคะแนนหรือทีมงานช่วยเหลือผู้สมัครส.ส.เป็นต้น เหตุการณ์นี้ผ่านมา 4 ปีแล้ว จะหาข้อมูลพยานหลักฐานมารื้อฟื้นคดีก็ทำได้ยากขึ้น แต่ก็ทำให้คนที่ติดตามเราเห็นว่า เราได้พยายามทำให้ถึงที่สุดแล้ว"นายนิพิฎฐ์ กล่าว


สำหรับคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2548 เหตุเกิดที่สวนเมตาธรรม อ.ฝาง จ. เชียงใหม่ เบื้องต้นพบว่าพระสุพจน์ สุวโจ ถูกทำร้ายกระทั่งถึงแก่มรณภาพด้วยของมีคมไม่ทราบชนิด อย่างเหี้ยมโหด แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถค้นหาอาวุธ หลักฐาน หรือวัตถุพยานใดๆ ระดับบ่งชี้บุคคล ได้ในที่เกิดเหตุ ทั้งไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำร้าย เพราะไม่มีประจักษ์พยาน ตลอดจนไม่สามารถประมวลข้อมูลที่มี-ที่ทราบ เพื่อนำไปสู่การค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยใดๆ ได้แม้แต่คนเดียว

ทั้งนี้พระสุพจน์ ถือเป็นพระนักกิจกรรม และมีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ จึงเป็นกำลังหลักให้กับกลุ่มเสขิยธรรมในการจัดหน้าหนังสือ และทำเว็บไซต์เผยแพร่ผลงานของกลุ่มเสขิยธรรมและพุทธทาสศึกษา ซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่งานและคำสอนของพุทธทาสภิกขุเป็นหลัก






ประวัติโดยย่อของพระสุพจน์ สุวโจ จากเว็บไซต์ www.skyd.org


พระสุพจน์ สุวโจ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 2509 จบการศึกษาจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อทำงานได้ระยะหนึ่งแล้วจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ในปีพ.ศ. 2535 ขณะบวชมีอายุ 26 ปี หลังจากบวชแล้วพระสุพจน์ได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมหลายแห่ง และได้เข้าร่วมการอบรมอานาปานสติที่สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้ท่านสนใจที่จะศึกษาปฏิบัติธรรมในสวนโมกข์มานับแต่นั้น อุปนิสัยโดยทั่วไปของท่าน เป็นคนโอบอ้อมอารี เป็นมิตรกับผู้อื่นได้ง่าย และด้วยพื้นฐานของความเป็นสัตวแพทย์ที่รักและเมตตาสัตว์ ท่านจึงมักจะคอยช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ ท่านสุพจน์เป็นคนมีอัธยาศัยดี เป็นที่รักของคนรอบข้าง และเป็นคนประนีประนอม ไม่ชอบมีเรื่องขัดแย้งกับใคร ท่านมักจะยินดีให้ความช่วยเหลือแก่คนที่เดือดร้อนเสมอ ทั้งในด้านของวัตถุและการให้คำปรึกษา


ผลงานในระหว่างที่อยู่สวนโมกข์


• ช่วยงานด้านเอกสารต่าง ๆ และงานบัญชีของวัด โดยรับผิดชอบงานด้านนี้อย่างเต็มตัว ในฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาส(แต่งตั้งเป็นการภายใน) ในระยะเวลาต่อมา


• รับผิดชอบและดูแลงานห้องสมุดธรรมะของสวนโมกข์(โมกขพลบรรณาลัย)


• เป็นวิทยากรในการฝึกอบรมธรรมะให้กับกลุ่มเยาวชนและนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่สนใจเข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมในสวนโมกข์


• ช่วยงานของวัดในการอบรมอานาปานสติและการจัดค่ายเยาวชน


• ริเริ่มและพัฒนาการฝึกอบรมในสวนโมกข์โดยใช้วิธีการอบรมแบบมีส่วนร่วม


• ร่วมจัดตั้งกลุ่มพุทธทาสศึกษา เพื่อศึกษาผลงานของท่านอาจารย์พุทธทาสอย่างเป็นระบบ


• จัดทำเอกสาร และเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมประยุกต์ธรรมะเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม


• ร่วมเตรียมการและจัดกิจกรรมในโครงการธรรมยาตราเพื่อฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นการเดินรณรงค์ให้ชุมชนหันมาสนใจทะเลสาบสงขลาที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ โดยโครงการนี้ได้จัดอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538-2548


• ร่วมรื้อฟื้นหนังสือพิมพ์ "พุทธสาสนา" เพื่อสื่อสารธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาสกับคนร่วมสมัยให้มากขึ้น


• ออกแบบและจัดรูปเล่มหนังสือธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาสให้น่าดึงดูดใจผู้อ่านมากขึ้น โดยผลงานจัดรูปเล่มหนังสือที่สำคัญในช่วงนี้คือ ผลงานชุด "ปณิธาน:เพื่อสืบสานปณิธานพุทธทาส" จำนวน 12 เล่ม


• ร่วมจัดกิจกรรมที่เน้นประเด็นทางสังคม โดยประสานงานกับกลุ่มต่าง ๆ ทั้งในและนอกสวนโมกข์


ผลงานหลังออกจากสวนโมกข์และจัดตั้งกลุ่มพุทธทาสศึกษา


• เป็นรองประธานของมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตตามหลักธรรมมะ และสนับสนุนกิจกรรมทางด้านชุมชน การศึกษาและสิ่งแวดล้อม


• ทดลองจัดทำเว็บไซต์ธรรมะ "สมาคมคนน่ารัก" (www.khonnarak.com) เพื่อสื่อสารหลักธรรมอย่างเรียบง่ายและงดงามผ่านอินเตอร์เน็ต


• จัดทำและพัฒนาเว็บไซต์กลุ่มเสขิยธรรม (www.skyd.org) ซึ่งเป็นเครือข่ายของพระสงฆ์และแม่ชีที่ทำงานด้านประยุกต์ใช้ศาสนธรรมกับชีวิตและสังคม


• จัดทำและพัฒนาเว็บไซต์กลุ่มเสขิยธรรม www.kruamas.org และล่าสุดกำลังเตรียมการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อรณรงค์ให้วัดและพระปลอดบุหรี่ ชื่อเว็บไซต์ โครงการเสริมสร้างภูมิชีวิตพิชิตบุหรี่ในเพศบรรพชิต (www.nosmoke.in.th)


• ให้คำปรึกษาและถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานทางด้านสังคมอยู่อย่างสม่ำเสมอ ดังเช่น องค์กรในเครือข่ายของมูลนิธิเสถียรโกเศศนาคะประทีป มูลนิธิโกมลสีทอง เครือข่ายพุทธิกาเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม


• เป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของจดหมายข่าวเสขิยธรรมรายสามเดือนตั้งแต่ พ.ศ. 2542-2548


• จัดรูปเล่มหนังสือธรรมะต่าง ๆ จำนวนมาก อาทิเช่น หนังสือชุดสวรนิพนธ์พุทธทาส ชุดธรรมทัศน์ของพุทธทาส จดหมายข่าวธรรมานุรักษ์ และหนังสือธรรมะอื่น ๆ จำนวนทั้งหมดไม่น้อยกว่า 100 เล่ม


พระสุพจน์ สุวโจ มรณภาพเมื่อวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2548 โดยถูกรุมทำร้ายจากคนไม่ทราบจำนวน ด้วยของมีคม และวิธีการที่โหดเหี้ยมทารุณยิ่ง ณ สวนเมตตาธรรม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ขณะมีอายุ 39 ปี อายุพรรษา 13 พรรษา


หนังสือเล่มสุดท้ายที่ท่านสุพจน์จัดรูปเล่มและยังอยู่ในระหว่างตีพิมพ์ คือ หนังสือชุดสวรนิพนธ์ พุทธทาส ชื่อ "สวนโมกข์ : อุดมคติ ชีวิต และความทรงจำ" ส่วนผลงานที่ยังค้างอยู่ คือ การจัดรูปเล่มจดหมายข่าวเสขิยธรรมฉบับที่ 65 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2548) หนังสือชุดธรรมทัศน์อีกสองเล่ม และการพัฒนาเว็บไซต์ "จิตวิวัฒน์" ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของนายแพทย์


 


 


รายละเอียดและความคืบหน้าอื่นๆ ประชาไทจะนำเสนอต่อไป 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


"ดีเอสไอ" ตั้งปมใหม่ชู้สาว เหตุฆ่าพระสุพจน์


สัมภาษณ์ พระกิตติศักดิ์ : คดีพระสุพจน์ไม่คืบ: อนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม


ประธานกรรมการสิทธิ์ฯ สิ้นหวังคดีพระสุพจน์ ไม่คืบหน้า


คนงานสวนเมตตาธรรมตายปริศนา หวั่นโยงคดีฆาตกรรมพระสุพจน์


2 ปีกับมรณกรรมของ "พระสุพจน์ สุวโจ": แม้แต่พระยังต้องสังเวยต่ออำนาจทุนนิยม (3)


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net