Skip to main content
sharethis

19 .. 52 - ชมรมไทใหญ่จังหวัดเชียงใหม่เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ โดยวิงวอนให้ภาครัฐเห็นใจแรงงานไทยใหญ่ หลังตำรวจกวาดล้างอย่างหนัก นับแต่เกิดเหตุสลดหนุ่มไทยใหญ่ข่มขืนและฆ่านักศึกษามหาลัยแม่โจ้ที่เป็นการกระทำเฉพาะบุคคล


เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (18/02/52) กลุ่มชมรมการศึกษาและศิลปวัฒนธรรมไทใหญ่จังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายแสงเมือง มังกร พร้อมด้วยตัวแทนชมรมผู้ใช้แรงงานไทยใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้ายื่นสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอร่วมประณามต่อการกระทำของ 2 หนุ่มไทใหญ่ ที่ก่อคดีสะเทือนขวัญข่มขืนและฆ่านักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมกับขอวิงวอนให้ภาครัฐเห็นใจแรงงานไทยใหญ่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากหลังเกิดคดีดังกล่าว กลุ่มแรงงานอพยพชาวไทยใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างอย่างหนัก


โดยการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่นั้น ทางกลุ่มชมรมฯ ไม่ได้พบกับผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ โดยตรง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวทั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ติดการประชุมอยู่ โดยมีปลัดฝ่ายปกครองของจังหวัดเป็นผู้รับเรื่องไว้แทน


ด้านนายแสงเมือง มังกร ประธานชมรมการศึกษาและศิลปวัฒนธรรมไทใหญ่ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุ 2 หนุ่มไทใหญ่ ข่มขืนและฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นต้นมา ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของไทใหญ่ถูกสังคมมองเป็นฆาตกรร้ายไปหมด และมีแรงงานไทใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างอย่างหนักไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งเรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดความหวาดระแวงแก่แรงงานชาวไทยใหญ่อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทางชมรมจึงได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอประณามต่อการกระทำของคนร้ายและขอวิงวอนให้ภาครัฐเห็นใจแรงงานชาวไทยใหญ่


"แรงงานไทใหญ่ที่เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทย ล้วนไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อประชาชนคนไทยและต่อประเทศไทย กรณีเหตุที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงการกระทำเฉพาะบุคคล ซึ่งคนไทใหญ่ที่ดีและรักประเทศไทยเสมือนบ้านเกิดของตัวเองยังมีอีกมาก ที่สำคัญคนไทยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทส่วนใหญ่ล้วนมีความซาบซึ้งที่ได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทยใต้เงาพระบรมโพธิสมภารขององค์ในหลวง อันเป็นแผ่นดินแห่งความสงบของชีวิตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน" นายแสงเมืองกล่าว


นอกจากนี้ นายแสงเมือง กล่าวอีกว่า ทางชมรมฯ ได้ส่งหนังสือแสดงความเสียใจและประณามต่อการกระทำของ 2 หนุ่มไทใหญ่ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจไปแล้ว นอกนั้นทางชมรมฯ ยังได้ฝากหนังสือแสดงความเสียใจผ่านมหาวิทยาลัยแม่โจ้ไปยังครอบครัวของ น.ส.วิไลรัตน์ กุจะพันธ์ ด้วย






 


15 กุมภาพันธ์ 2552


เรื่อง สถานการณ์แรงงาน จ.เชียงใหม่


เรียน ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงใหม่


 


กรณีเหตุการณ์แรงงานอพยพชาวไทใหญ่ 2 คน ก่อเหตุข่มขืนและฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ นั้นได้ก่อให้เกิดผลกระทบในภาพรวมต่อแรงงานอพยพชาวไทใหญ่ใน จังหวัดเชียงใหม่ทั้งในทางตรงและทางอ้อมหลายประการ ในทางตรงนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ออกทำการกวาดล้างจับกุม แรงงานอพยพตามที่พักคนงานก่อสร้างหลายแห่งทั่วเมืองเชียงใหม่ (เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้บุกจับแรงงานอพยพชาวไทใหญ่ที่ไม่มีบัตรอนุญาตทำงานที่ไซส์ก่อสร้างกา ญจน์กนกวิวจำนวน 38 คน ในจำนวนนี้ทั้งหมดได้ถูกส่งตัวกลับประเทศพม่าโดยไม่ได้รับการขึ้นศาลแต่ อย่างใด และในวันเดียวกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้ออกจับแรงงานอพยพในที่พักคนงานหลังห้างสรรพสินค้าแอร์พอร์ทพลาซ่าไปอีก จำนวน 6 คน ต่อมาในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับคนงานก่อสร้างชาวไทใหญ่ในที่พักแรงงานบ้านกาญจน์กนก 2 ไปอีก 16 คน วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้ออกตรวจที่โรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเขตอำเภอสันกำแพง ได้จับกุมแรงงานอพยพชาวไทใหญ่และแรงงานที่ถือบัตรพื้นที่สูงไปอีก 4 คน ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับแรงงานอพยพชาวไทใหญ่ในที่พักคนงานก่อสร้างหมู่บ้านพิมุกต์ ไปอีกราว 15 คน ในวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งนักศึกษาได้ออกตรวจจับแรงงานอพยพชาวไทใหญ่ในเขตพื้นที่สันผีเสื้อไป มากกว่า 10 คน และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แรงงานอพยพทั้งที่มีบัตรอนุญาตทำงานและไม่มีบัตร ในเขตพื้นที่อำเภอหางดง ถูกจับไปหลายสิบคน ส่วนในทางอ้อมนั้น แรงงานจำนวนมากในเขตพื้นที่สันทราย สันกำแพงและพื้นที่โดยรอบถูกผลักดันให้ออกจากพื้นที่ กลายเป็นคนงานไร้ที่อยู่อาศัย นอก จากนี้แรงงานอพยพชาวไทใหญ่อันมีเป็นจำนวนมากในจังหวัดเชียงใหม่ต้องอยู่ ด้วยความหวาดระแวง เนื่องจากผู้คนในสังคมให้ความรังเกียจ


 


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางชมรมการศึกษาและวัฒนธรรมไต (ไทใหญ่) เชียงใหม่ และชมรมผู้ใช้แรงงานชาวไทใหญ่ จ. เชียงใหม่ (Shan Migrant Community) ได้มีการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางที่ประชุมได้เห็นพ้องกันในหลักการ 3 ข้อ กล่าวคือ


 


1. ชมรมการศึกษาและวัฒนธรรมไต (ไทใหญ่) เชียงใหม่ และชมรมผู้ใช้แรงงานชาวไทใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ (Shan Migrant Community) ขอ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อครอบครัว เพื่อนฝูง สถาบันการศึกษา และบุคคลอันเป็นที่รักของ นางสาววิไลรัตน์ กุจะพันธ์ ทางชมรมฯและกลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวไทใหญ่ทุกคนรู้สึกเสียใจและสะเทือนใจอย่าง สุดซึ้ง ไม่น้อยไปกว่าครอบครัวของนางสาววิไลรัตน์ กุจะพันธ์ และบุคคลอันเป็นที่รัก เราขอประณามต่อการกระทำอันก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นในครั้งนี้


 


2. ขอ วิงวอนให้ภาครัฐและเอกชนเข้าใจว่าแรงงานชาวไทใหญ่จากประเทศพม่าที่อพยพเข้า มาขายแรงงานในเมืองไทยทุกคนมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา เศรษฐกิจของไทย แรงงานชาวไทยใหญ่ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้มีงานทำ หากแต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์เฉพาะบุคคล การที่สังคมเหมารวมและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดต่อแรงงานด้วยการออกตรวจจับ ไม่เว้นแต่ละวันนั้น ส่งผลให้เกิดความหวาดระแวงต่อกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และต่อแรงงานในฐานะผู้อาศัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทางชมรมฯ ขอวิงวอนภาครัฐและภาคเอกชนให้เข้าใจและเห็นอกเห็นใจแรงงานอพยพที่หวังเข้ามา พึ่งพระบรมโพธิสมภาร เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในอนาคต


 


3. ทาง ชมรมฯ พร้อมที่จะประสานให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนในการเตรียมการ ป้องกันต่อเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า หากท่านมีข้อชี้แนะประการใด ทางชมรมฯ ยินดีน้อมรับเพื่อที่จะนำมาเป็นข้อปฏิบัติต่อไป


 


จึงนำเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ


 


( นายแสงเมือง มังกร )
ประธานชมรมการศึกษา และวัฒนธรรมไต ( เชียงใหม่)
ตัวแทนชมรมผู้ใช้แรงงานชาวไทใหญ่ จ.เชียงใหม่


 


 


 


ด้าน รศ.ดร.โคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกระทำเฉพาะส่วนบุคคลซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเหมารวม แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการนำมาซึ่งความเสียใจแก่ญาติของผู้ถูกกระทำอย่างหาที่สุดมิได้ แต่นั่นเป็นการกระทำของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น


"คงจำกันได้ว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวในประเทศไทยแล้วถูกคนไทยฆ่าข่มขืน ซึ่งกฎหมายไทยก็ลงโทษเฉพาะผู้กระทำความผิด และเราก็พยายามให้ญาติรวมถึงคนร่วมชาติของผู้เสียชีวิตเข้าใจว่า มันเป็นความผิดส่วนบุคคล ซึ่งคนไทยโดยรวมไม่ได้สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจ และเราก็ไม่อยากถูกเหมารวมว่าคนไทยทุกคนเป็นอย่างนั้นหมด ซึ่งก็เหมือนกัน หากมีชาวไทยใหญ่ไปก่ออาชญากรรม ก็ให้คำนึงว่าเราอยากให้คนอื่นเขาปฏิบัติต่อเราอย่างไร เราก็ควรปฏิบัติต่อเขาอย่างนั้นจะดีกว่า" รศ.ดร.โคทม อารียา กล่าว


 


ที่มาของข่าว: สำนักข่าวฉาน (SHAN - Shan Herald Agency for News) เป็นสำนักข่าวอิสระจัดตั้งโดยกลุ่มชนไทยใหญ่พลัดถิ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐฉาน สหภาพพม่า ตลอดจนตามแนวชายแดนไทย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรการเมือง / การทหารกลุ่มใด ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ shan_th@cm.ksc.co.th หรือ ติดตามอ่านข่าวสารภาคภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org และภาษาไทยใหญ่ที่ www.mongloi.org

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net