Skip to main content
sharethis

รัฐบาลยึด 3 หลักรับมือกลุ่มเสื้อแดง


นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มั่นใจรัฐบาลพร้อมรับสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อ ต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศจะเคลื่อนขบวนมาล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และเชื่อไม่มีเหตุรุนแรง ภายหลังจากประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์


 


ทั้งนี้ นายสาทิตย์แถลงเมื่อเวลา 12.20 น.ว่า เชื่อว่าการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงวันพรุ่งนี้ (24 กุมภาพันธ์) ไม่น่าจะมีเหตุรุนแรง โดยรัฐบาลจะยึด 3 หลักในการดูแลผู้ชุมนุม 1.ไม่ใช้ความรุนแรง 2.ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองที่มีแนวปฏิบัติมาก่อนหน้า และ 3.ดำเนินการตามหลักสากล


 


พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า ตำรวจกำหนดพื้นที่ชุมนุมให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณถนนราชดำเนิน ถนนพิษณุโลก นอกนั้นเป็นสถานที่ราชการ คือ ถนนนครปฐม และถนนลูกหลวง ซึ่งจะไม่สามารถให้เข้าไปได้จะไม่มีการตั้งด่านสกัดกั้นการเคลื่อนพล จากบริเวณสนามหลวงมายังทำเนียบรัฐบาล จะปล่อยให้มาได้โดยอิสระ แต่แนวป้องกันขั้นเด็ดขาดคือการรักษาสถานที่ราชการ ไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามาได้ ถ้าใครบุกเข้ามาต้องถูกจับ ได้เตรียมกำลังตำรวจนครบาลทั้งหมดไว้ดูแลความสงบเรียบร้อย 25 กองร้อย กำลังหลักจะอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล รอบนอกจะมีหน่วยสืบสวนหาข่าวอยู่เพียง 1 กองร้อย


 


"ขณะที่ทางทหารสามารถเป็นกำลังสนับสนุนได้ 33 กองร้อย ทั้งนี้ เชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นไปโดยสงบ แต่ที่ต้องเตรียมกำลังไว้จำนวนมาก เพราะห่วงว่าอาจมีบุคคลที่ไม่หวังดีหรือมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ มาตรการที่เตรียมเอาไว้หมด คงไม่มีโอกาสได้ใช้เพราะเชื่อว่าผู้ชุมนุมก็เข้าใจดี และยืนยันว่าจะไม่บุกเข้ามา"


 


 


ตำรวจประเมิน 3 หมื่นค้าง 3 วัน


ส่วนมาตรการรับมือผู้ชุมนุมหากเกิดเหตุรุนแรงนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า จะต้องยึดคำสั่งของศาลปกครองเป็นหลัก จากเบาไปหาหนัก จะเริ่มจากการเจรจาก่อน จากนั้นอาจต้องใช้วิธีฉีดน้ำสกัดกั้น ขณะที่ขั้นสุดท้ายคือการเปิดทาง โดยใช้แก๊สน้ำตาแบบขว้าง ยืนยันจะไม่มีการสลายการชุมนุมอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันกำชับให้ตำรวจถือแต่โล่เท่านั้น ทางตำรวจนครบาลจะตั้งกองบัญชาการที่ห้องสีเทา อาคารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะให้ พล.ต.ต. จักรทิพย์ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ ตนจะดูแลภาพรวม และเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายด้วยว่าจะให้ใช้แก๊สน้ำตาเมื่อไหร่


 


พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า จากการประเมินของฝ่ายข่าวคาดว่าจะมีผู้ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาประมาณ 20,000-30,000 คน และน่าจะค้างคืนอยู่ประมาณ 3 วัน ทางตำรวจจะเข้าวางกำลังภายในทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ จะมีการปิดถนนรอบทำเนียบตั้งแต่เวลาตีหนึ่งของคืนเดียวกัน แต่จะเปิดทางให้ข้าราชการและรัฐมนตรีเข้าออกได้เพียงประตูฝั่งสะพานอรทัย เพียง ด้านเดียว เชื่อว่าหลังประชุมสัญจรที่หัวหินคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะยังมีทำเนียบใช้อยู่แน่นอน


 


 


สั่งปิดจราจรรอบทำเนียบถึง 25 ก.พ.


ด้าน พล.ต.ต.จักรทิพย์ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า กล่าวว่า นอกจากทำเนียบรัฐบาล ทางตำรวจเตรียมป้องกันสถานที่ราชการอื่นๆ ด้วย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมินอกจากตำรวจ นครบาลแล้ว ยังมีตำรวจภูธรภาค 1 รวมถึงทหารเรือด้วย


 


ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ได้ลงนามข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการปิดการจราจร (ชั่วคราว) ณ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการจราจร ห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดเดินในถนนลูกหลวง ตั้งแต่ถนนราชดำเนินนอกถึงถนนนครสวรรค์ ถนนพระราม 5 ตั้งแต่แยกพาณิชยการถึงถนนลูกหลวง และถนนนครปฐมตั้งแต่ถนนศรีอยุธยาถึงถนนลูกหลวง ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 24.00 น.


 


พล.ต.ต.ชูชีพ หนูนาง รอง ผบช.ภาค 7 ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กำหนดแผนรักษาความปลอดภัยและการควบคุมจราจรบริเวณสถานที่ประชุมโรงแรมดุสิต ธานี หัวหิน สถานที่พักผู้นำ สถานที่จัดเลี้ยง พระราชวังมฤคทายวัน และศูนย์ข่าวสื่อมวลชน โรงแรมเชอราตันโดยจะมีกำลังตำรวจจากส่วนต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4,225 นาย


 


 


ทหารเคลื่อน 21 กองร้อย-ตร.ขอ


รายงาน จากกองทัพบกแจ้งว่า เวลา 14.00 น. พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เป็นประธานประชุมเตรียมการแก้ไขสถานการณ์เกี่ยวกับการรักษาสถานที่สำคัญ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก และผู้แทนนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 1 เข้าร่วมประชุมใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที


 


จากนั้นเวลา 16.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) มอบหมายให้ พล.อ.จิรเดชเป็นประธานประชุมเพื่อตรวจสอบทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติทุกภาค ส่วน เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติกับผู้ชุมนุม ขณะนี้ตำรวจได้ร้องขอให้ทหารเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยพนักงานแล้ว โดยภารกิจกองทัพมีหน้าที่ป้องกันสถานที่ราชการสำคัญ ตามแผนอาร์มทองมีกำลังพล 21 กองร้อย โดยกำลังทหารจะเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากหน่วยที่ตั้งพร้อมกับกำลังตำรวจ ในเวลาค่ำของวันที่ 23 กุมภาพันธ์


 


 


ให้สื่อ-ขรก.ออกจากทบ.ก่อน 6 โมง


พ. อ.สรรเสริญกล่าวว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณทำเนียบรัฐบาล กองทัพบกจะใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 โดยใช้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจะใช้กำลังกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ มี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ทุกขั้นตอนจะไม่ใช้อาวุธ ย้ำให้ใช้หมวกกันน็อค เสื้อ โล่ กระบอง จะไม่นำอาวุธออกไป จะปฏิบัติจากเบาไปหาหนักตามมาตรฐานสากล หากผู้ชุมนุมจะบุกรุกเข้าไปสถานที่ราชการจะใช้เครื่องขยายเสียงบอก และปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอนไป หากพื้นที่ใดตำรวจร้องขอเพิ่มจะใช้กำลังทหารในเขตปริมณฑล นอกจากนี้ จะมีสารวัตรทหาร (สห.) ตั้งจุดตรวจร่วมกับตำรวจบางพื้นที่


 


พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า คงจะไม่ให้มีการเข้ายึดสถานที่สำคัญทางราชการ เพราะจะส่งผลกระทบ ทั้งนี้ เชื่อว่าสถานการณ์ไม่รุนแรง และคงไม่รุนแรงถึงขั้นต้องใช้แก๊สน้ำตา ทั้งนี้ กองทัพบกขอความร่วมมือสื่อมวลชนและข้าราชการที่ไม่มีภารกิจออกจากกองทัพบก ภายใน เวลา 18.00 น.ของทุกวัน ตามแผนรักษาความปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ


 


 


ยอมรับกังวลมือที่ 3 เข้าแทรกแซง


พ. อ.สรรเสริญกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ทหารลดการให้ข่าว เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ขณะนี้ทุกฝ่ายให้ความสนใจเรื่องมือที่ 3 มากกว่า ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมต่างต้องระวัง ยืนยันกองทัพไม่ต้องการเป็นศัตรูกับประชาชนกลุ่มใด ขอเป็นกองทัพของประชาชนทุกฝ่าย เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่าเป็นศัตรูกับกองทัพ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะกองทัพจะเป็นศัตรูกับบุคคลที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีความคิดเห็นอย่างนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นศัตรูกัน


 


 


"สุเทพ" รับทหารตรึงกำลังทำเนียบ


ก่อน หน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านความมั่นคง กล่าวยอมรับกรณีจะนำทหาร 21 กองร้อยเข้ามาประจำการที่ทำเนียบว่า ไม่ได้เป็นการขู่ แต่เป็นเรื่องจริง เป็นหลักการปฏิบัติทั่วไปในกรณีที่มีความสับสนวุ่นวาย อันอาจเป็นภัยต่อสถานที่ราชการ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายกันจำนวนมากๆ ซึ่งทำให้ตำรวจไม่สามารถระดมกำลังมารับมือต่อสถานการณ์ได้เพียงพอก็ต้องขอ กำลังจากทหาร กรณีนี้กลุ่มเสื้อแดงเคยวาดภาพเอาไว้จนคนตกใจ ฉะนั้น การเตรียมการจึงต้องรัดกุม


 


"ส่วนเรื่องกลุ่มเสื้อแดงปลอมนั้นน่าจะ เป็นการสร้างข่าวให้น่าสนใจ ในแง่ที่ต้องติดตามต่อไปว่ากลุ่มคนเสื้อแดงคิดจะทำอะไรหลังปล่อยข่าวออกมา อย่างนี้ สำหรับผมมีหน้าที่กำชับผู้ที่มีความรับผิดชอบต้องดูแลทำเนียบรัฐบาลให้ดี เท่านั้น โดย ผบช.น เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าในสถานการณ์เป็นเช่นใดแล้วจึงจะขอความช่วยเหลือจาก ทหาร"


 


 


"อภิสิทธิ์"พร้อมเดินผ่านถ้าไม่มีอาวุธ


ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีตำรวจร้องขอให้ทหารจำนวน 21 กองร้อย เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น ถ้าดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาคิดว่าควรเตรียมไว้ ทั้งหมดต้องไม่ตั้งอยู่บนความประมาท แต่จะพยายามรักษาบรรยากาศให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดความตึงเครียดมาก เชื่อว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทาง มาร่วมประชุมของผู้นำประเทศต่างๆ


 


เมื่อถามว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ วิธีเปิดช่องให้เดินเท้าเข้าทำเนียบ เหมือนครั้งแถลงนโยบายของรัฐบาล จะยอมเข้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็คงจะต้องเจรจากันอีกที ถ้าไม่มีอาวุธก็พร้อมจะเดินเข้าไป แต่ครั้งที่แล้วได้รับรายงานจากคนที่อยู่ในสภาว่า บางคนบางกลุ่มมีน้ำกรด มีอะไรต่างๆ ซึ่งแกนนำอาจจะไม่ทราบ เที่ยวนี้ถ้าหากช่วยกันตรวจสอบและแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาวุธ ก็ไม่มีปัญหา ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการทำผิดกฎหมาย


 


เมื่อถามว่ามั่นใจจะ ประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่ซ้ำรอยแน่ เพราะแนวปฏิบัติของรัฐบาลต่างกันอยู่แล้ว" เมื่อถามว่าจะมีการ เตรียมทำเนียบสำรองไว้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่า "ไม่มีการเตรียม"


 


 


"กษิต" ซัดเอาเรื่องส่วนตัวทำลายชาติ


ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า อยากจะให้ประชาชนดูว่าการชุมนุมมีขึ้นเพื่ออะไร ต้องการให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย หรือว่าไม่ชอบรัฐบาล ไม่ชอบหน้ารัฐมนตรีบางคนเช่นตน มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ลืมไปหรือเปล่าว่าการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นหน้าเป็นตา ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์หรือรัฐบาลสมัคร ก็ต้องเป็นเจ้าภาพจัดประชุม


 


นายกษิตกล่าวว่า จะประท้วงเพื่อใคร เพื่อเจ้านายของเขาบางคน หรือจะทำให้คนไทยดีขึ้นก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้หาสาระไม่ได้ หากต้องการให้ตนลาออกจากตำแหน่ง ถามว่าผิดอะไร มีประชาชนที่ชอบและเห็นด้วยกับตนมากมาย มากกว่าเสื้อแดงด้วยซ้ำ เอาคะแนนมานับได้เลย จะมารังควานตนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้กระทบกระเทือนต่อประเทศชาติ จะเอาเรื่องที่ไม่ชอบตนเป็นการส่วนตัวมาทำลายประเทศเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แล้วหรือ


 


 


พร้อมทิ้งเก้าอี้หากถูกหมายเรียก


"ที่ไม่ชอบหน้า ผมคือบังเอิญผมไปต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของผมและเพื่อความถูกต้อง ผมไม่ชอบแบบมาเฟียหรือพฤติกรรมทางการเมืองที่บ่งบอกถึงความเป็นเผด็จการ ผมไม่ได้ต่อสู้ในห้องมืดแต่ทำในที่สว่าง ถ้าผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรีผมก็ยังต่อสู้กับเรื่องนี้ จะไม่ชอบผมด้วยเรื่องนี้หรือเพราะผมไปเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปล้มล้างอดีต เจ้านายก็ช่วยไม่ได้ เพราะคนละอุดมการณ์" นายกษิตกล่าว


 


เมื่อถามว่า หากเป็นหนึ่งใน 21 คนที่จะถูกออกหมายเรียกจะทำอย่างไรต่อไป นายกษิต กล่าวว่า "ก็ไม่เป็นไร กระบวนการยุติธรรมก็ต้องให้การเคารพ ผมก็จะไม่อยู่ในเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะผมไม่ยึดติดกับเก้าอี้ ผมไม่เป็นรัฐมนตรี ผมก็ต้องไปต่อสู้กับสิ่งที่มันเลวร้ายกเฬวรากในวงการการเมืองต่อไป ไม่กังวลใจ เพราะเราไม่ได้รับอามิสสินจ้างอะไรใครมาเพื่อที่จะได้เกาะเก้าอี้ เกาะตำแหน่ง เพื่อทะนงตนในสังคม ผมทำในหมวกใบไหนก็ได้ในสิ่งที่ถูกต้อง"


 


เมื่อถามว่าแล้วถ้าโดนหมายเรียกจริงๆ จะเป็นอย่างไรต่อไป นายกษิตกล่าวติดตลกว่า ก็ต้องออกไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งตนให้การเคารพ ไปต่อสู้บนท้องถนนต่อไป


 


 


"สุเทพ" รีบป้องทำงานต่อไปได้


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการยืดเวลาการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร 21 คนออกไป ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่านายกษิตจะประกาศลาออก ถ้าเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาใน 21 คน ว่า ยังไม่เห็นรายชื่อทั้ง 21 คน ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ยังไม่ได้ดูและจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้แน่นอน เป็นเรื่องของกฎหมาย ทำตามกติกาตามปกติ หากใครทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี การที่คดีนี้เลื่อนออกไป ก็เป็นการกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตำรวจ อย่าเอาไปโยงกับเรื่องอื่น


 


เมื่อถามว่าหากในรายชื่อมีนายกษิตอยู่ ด้วยจะเหมาะสมทำงานต่อไปหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าก็ควรให้ทำงานต่อไปเพราะเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดก่อนที่นายก ษิตจะมาดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ หากผิดจริงก็ต้องต่อสู้คดีต่อไป ทั้งนี้ ยังไม่รู้สึกกังวลในเรื่องนี้ว่าจะทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล


 


 


ชี้ 3 ทาง "พท.-เสื้อแดง" มุ่งรุนแรง


ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค แถลงว่า พรรคประเมินความเคลื่อนไหวตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นว่า มีข้อบ่งชี้ในการสร้างเงื่อนไข อาจนำสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงอีกครั้งในสังคมไทยได้ พรรคจึงขอแสดงความห่วงใยและความวิตกในการขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา 3 แนวทาง คือ 1.ความเคลื่อนไหวของ นปช.ที่แสดงเจตนาจะชุมนุมยืดเยื้อ และปฏิเสธความรับผิดชอบล่วงหน้าต่อเหตุการณ์ในอนาคต โดยอ้างถึงกลุ่มเสื้อแดงเทียม การจัดซื้อเสื้อโปโลแดง และพูดถึงความรุนแรงจากมือที่ 3 และมีการสร้างกระแสปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเงื่อนไขหลายอย่างคล้ายกับการบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ 2.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมสร้างเงื่อนในการสนับสนุนการขับเคลื่อนการเมืองนอกสภาที่ชัดเจน มีการแถลงข่าวร่วมกับกลุ่ม นปช.ทุกสัปดาห์ สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวนอกสภา


 


นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า 3.การที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพยายามให้ข่าวรายวันถึงการเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะฮ่องกง ส่งสัญญาณชัดว่าหลังจากความวุ่นวายในการชุมนุมทางการเมืองดำเนินการมาถึงที่ สิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และ พ.ต.ท. ทักษิณได้ให้ข่าวว่าจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 1 มีนาคมนี้ เพื่อตอกย้ำปัญหาภายในประเทศ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการใช้สถานการณ์ภายในประเทศเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตน เอง


 


"ทั้ง 3 ข้อนี้พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความห่วงใย โดยเฉพาะการเลือกช่วงที่มีการประชุมอาเซียนซัมมิท ถือเป็นการจงใจใช้จังหวะให้สื่อมวลชนมาจากทั่วโลกแพร่ภาพความขัดแย้งทางการ เมืองภายในประเทศที่มีคนออกมาสู่ท้องถนน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่เพิ่งเริ่มจะดีขึ้น จึงอยากฝากไปยังทุกฝ่ายให้ช่วยกันประคับประคองประเทศ พรรคเห็นว่าเหตุการณ์ยังไม่ถึงทางตันตามที่บางฝ่ายทำนายไว้ และคิดว่าสังคมจะทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น และเริ่มกระบวนการปฏิรูปทางการเมืองร่วมกัน" นพ.บุรณัชย์กล่าว


 


 


แผนน้ำผึ้งหยดเดียวยั่วสลายชุมนุม


รายงาน ข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า พรรคได้ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มมวลชนเสื้อแดงในเบื้องต้นว่าจะมี การระดมคนกลุ่มเสื้อแดงทั่วประเทศ ประมาณ 40,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุด หลังจากที่มีการจัดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่มีกลุ่มเสื้อแดงเข้าร่วมกว่า 50,000 คน โดยการชุมนุมในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จะมีการรวมตัวที่สนามหลวง ก่อนที่เคลื่อนตัวมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นการสำแดงพลัง ว่าจะมีอำนาจต่อรองทางการเมืองเพื่อกดดันให้รัฐบาลปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อ ที่เคยยื่นไว้กับรัฐบาล มีการเตรียมการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของกลุ่มผู้ชุมนุมออกเป็นสายๆ เช่น ส่วนประสานงานกับแกนนำต่างๆ ฝ่ายส่งกำลังบำรุง (อาหาร) และการจัดยานพาหนะ ในการเคลื่อนไหวปิดล้อมสถานที่ต่างๆ


 


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พรรคมีการประเมินว่าการชุมนุมครั้งนี้จะยืดเยื้อเพียง 3 วัน และหากยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น จะมีการสร้างสถานการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อให้เป็นเงื่อนไขกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะรวมกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เดินทางกลับ โดยกลุ่มแกนนำจะปฏิเสธความรับผิดชอบว่า ไม่ใช่คนในกลุ่ม และเหตุการณ์ดังกล่าวจะกลายเป็นการชุมนุมยืดเยื้อต่อไป


 


ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ในช่วงเช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ คณะทำงานเพื่อปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ที่มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองเลขาธิการพรรค เป็นประธาน จะประชุมประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวกลุ่มเสื้อแดงและมวลชนกลุ่มอื่น เพื่อเสนอทางออกให้กับสมาชิกพรรคในการประชุม ส.ส.พรรคช่วงบ่ายวันเดียวกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการประกาศจุดยืนของพรรค รวมทั้งเสนอทางออกต่อสังคมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น


 


 


เสื้อแดงขู่ล้อม 4 ด้านหากถูกสกัด


ด้าน ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า คนเสื้อแดงจะนัดรวมพลกันที่ท้องสนามหลวงเวลา 09.00 น. ใช้เวลา 1 ชั่วโมงซักซ้อมความเข้าใจและจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนราช ดำเนิน มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนางประทีป อึ้งทรงธรรม อดีต ส.ว.กทม.เป็นคนนำ หากถูกตำรวจปิดกั้น ตนจะเป็นฝ่ายนำฝ่าข้ามไป เมื่อถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลแล้วจะตั้งเวทีบนถนนพิษณุโลก ใกล้สะพานชมัยมรุเชฐ จะปราศรัยเสวนา สลับเล่นดนตรีตลอด 24 ชั่วโมง และถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีสเตชั่นด้วย ทั้งนี้ พื้นที่ชุมนุมจะใช้บริเวณถนนพิษณุโลกและริมคลองเปรมประชากรหน้าทำเนียบ แต่ถ้าการเคลื่อนขบวนครั้งนี้คนเสื้อแดงถูกยั่วยุก็อาจจะล้อมทำเนียบทั้ง 4 ด้าน ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่มีการบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเด็ดขาด สำหรับข้าราชการและผู้มาติดต่อราชการ เข้าออกทำเนียบได้ตามปกติ


 


 


ปัด"จักรภพ"พบ"แม้ว"หาน้ำเลี้ยง


นาย ณัฐวุฒิกล่าวว่า สาเหตุที่ไปทำเนียบครั้งนี้เพื่อขอคำตอบ 4 ข้อที่ถึงแม้ ครม.ไม่อยู่ก็จะปักหลักรอทวงคำตอบ ส่วนจะอยู่นานเท่าไหร่ และจะไปที่กระทรวงการต่างประเทศหรือไม่นั้น ต้องดูสถานการณ์ เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น้อยกว่า 30,000 คน และในช่วงเย็นจะมากขึ้น ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ประสาน แต่ถ้าปักหลักอยู่หลายวันและผู้ชุมนุมเรียกร้องอาจจะติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณให้โฟนอินมาที่ชุมนุมก็ได้


 


นายณัฐวุฒิกล่าวยืนยันว่า คนเสื้อแดงไม่มีเจตนาขัดขวางประชุมอาเซียนซัมมิท แต่ถ้ากลุ่มไหนจะไปก็เป็นสิทธิของเขา แต่ไม่ใช่เรา เมื่อถามว่านายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ท.ทักษิณบ้างหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายจักรภพเคารพนับถือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเยี่ยมเยือนกัน ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนค่าใช้จ่ายชุมนุมครั้งนี้ มาจากการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ที่วัดไผ่เขียว เมื่อเร็วๆ นี้ และถ้าไม่พอก็จะมีขอบริจาคกันต่อไป


 


 


เสี้ยมพันธมิตรให้แตกคอปชป.


นาย ณัฐวุฒิยังกล่าวว่า ถ้าไม่ได้รับตาม 4 ข้อที่เรียกร้องจากรัฐบาลก็จะกดดันที่เข้มข้นเพิ่มขึ้นซึ่งต้องปรับเปลี่ยน ไปตามสถานการณ์ ทราบข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เตรียมเอาตัวรอดโดยการสลัดทิ้งนายกษิตแล้ว เพราะจากกระแสข่าวว่าสัปดาห์นี้ ตำรวจจะออกหมายจับ 21 แกนนำพันธมิตรที่ยึดทำเนียบรัฐบาลนั้น จะมีชื่อนาย กษิตด้วย และเมื่อมีหมายจับนายกษิตก็จะลาออก โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ยังเป็นรัฐบาลต่อไปซึ่งต้องถามว่า นอกจากนายกษิตแล้ว ยังมีแกนนำพันธมิตรอยู่ในรัฐบาลอีก 2 คน คือ นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และนายพิเชฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษา รมว. สาธารณสุข ซึ่งมีบทบาทในพันธมิตรมากกว่านายกษิตด้วย


 


"พรรคประชาธิปัตย์จะทำ อย่างไร ถึงตอนนั้นคงได้เห็นธาตุแท้ว่าเมื่อถึงฝั่งได้เป็นรัฐบาลสมใจแล้วก็หมดภาระ ถีบหัวเรือเพื่อนฝูงทิ้งทันที ก็ต้องรอดูว่า ถ้าพันธมิตรเป็นเรือจะทำอะไรต่อไป"


 


 


ตามเช็คบิลพธม.รีด24ล.แลกปชส.


นาย ณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกรณีสหภาพ กสท ออกมาเปิดเผยสื่อมวลชนในเครือพันธมิตรของบฯประชาสัมพันธ์ 24 ล้านบาทแลกกับการโฆษณา 8 เดือนว่า คาดว่าจะนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเร็วๆ นี้ โดยความจริงเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ 24 ล้าน ต้องดูว่าสื่อกลุ่มนี้กับพวกเข้าไปมีผลประโยชน์อย่างอื่นด้วยหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีบอร์ดของ กสท เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น เห็นว่าอาจเป็นไปได้ แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลที่แน่ชัดจึงยังไม่อยากสรุป แต่เรื่องแบบนี้ทั้งคนนอกและคนในที่มีบทบาทอยู่อาจมีส่วนรู้เห็นร่วมกันได้ ทั้งนี้ หากตรวจสอบรายชื่อบอร์ด กสท ก็จะ เห็นว่าเป็นใครบ้างที่มีความใกล้ชิดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ในแกนนำพันธมิตร


 


 


เสื้อแดงต่างจว.ทยอยเข้าร่วม


วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดที่เริ่มเดินทางเข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงที่ ท้องสนามหลวง มีกลุ่มคนโคราชรักษ์ประชาธิปไตย จ.นคร ราชสีมา ประมาณ 200 คน นำโดยนางบุญชู เปียทอง แกนนำกลุ่ม กลุ่มเครือข่ายคนเสื้อแดงพื้นที่ จ.เชียงราย นำโดย น.ส.จีระนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย และกลุ่มคนเสื้อแดงพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ จะนัดพบกันที่ จ.ลำปาง เพื่อขึ้นรถไฟฟรีเข้ามา เรียกว่าขบวนรถไฟประวัติศาสตร์ ซึ่ง น.ส.จีระนันท์กล่าวว่า ทางกลุ่ม 24 มิถุนาฯถือโอกาสเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.อนุพงษ์ให้ทหารเลิกยุ่งการเมือง โดยเฉพาะต่างจังหวัดอย่างที่ จ.เชียง ราย ทหารมักจะเข้ามาวุ่นวายตลอด


 


 


รมว.สธ.เจอเสื้อแดงพิษณุโลกล้อม


ที่ จ.พิษณุโลกเวลา 11.00 น. แกนนำกลุ่มรักประชาธิปไตยสองแคว (พิษณุโลก 51) พร้อมสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง 30 คน มีนายภาณุกฤษณ พัชรอารี เป็นแกนนำ รวมตัวบริเวณประตูทางเข้าโรงแรมอมรินทร์ ลากูน อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก 20 นาย นำแผงเหล็กมากั้นไว้ไม่ให้เข้าไปภายใน ระหว่างที่นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมปฏิบัติการให้อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) 17 จังหวัดภาคเหนือ ทางกลุ่มเสื้อแดงใช้รถกระจายเสียงโจมตีรัฐบาล เป็นเวลาประมาณ 30 นาที จึงเคลื่อนขบวนไปที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อยื่นหนังสือต่อ นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ ผู้ว่าฯ ให้ระงับการจัด "คอนเสิร์ตการเมือง" ที่สนามกีฬากลางจังหวัดพิษณุโลก วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยอ้างว่าสร้างความแตกแยกของประชาชนทั้งในจังหวัดและในเขตภาคเหนือตอนล่าง อาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงของบุคคลทั้งสองกลุ่มได้ และไม่ขอรับรองความปลอดภัยของ 5 แกนนำพันธมิตรที่มาพิษณุโลก


 


 


ผู้การชลฯหวั่นพัทยาเจ๊งให้ม็อบหยุด


ทาง ด้าน พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยกรณีกลุ่มเสื้อแดงปะทะกับกลุ่มเสื้อเหลือง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน บริเวณห้างสรรพสินค้าไมค์ ช้อปปิ้ง มอลล์ พัทยาว่า อยากให้ทุกฝ่ายมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ถึงแม้จะไม่เอาเรื่องกันก็ตาม อยากจะฝากบอกว่า เมืองพัทยาเปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำ นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันดี สร้างรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 7 หมื่นล้านบาท หากรวมตัวชุมนุมกัน ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกลัวและไม่เข้ามาในประเทศไทย จะเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นได้


 


 


ทหารวางลวดหนามในทำเนียบ


ที่ ทำเนียบรัฐบาล เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวของกำลังตำรวจนครบาล ทยอยมารักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบเพื่อรับมือการเคลื่อนพลของกลุ่มคนเสื้อ แดงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งตำรวจทั้งหมดแบ่งกำลังพักผ่อนตามใต้ต้นใม้ในพื้นที่รอบทำเนียบ


 


กระทั่ง เวลา 19.00 น. กำลังจากกองพลทหารราบที่ 1 และกองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ หน่วยละ 1 กองร้อย โดยสารรถยีเอ็มซี 3 คัน ส่วนอีก 2 คันได้บรรทุกกำแพงลวดหนามเพื่อนำมาวางสกัดด้านในของทำเนียบรัฐบาลเพื่อวาง แนวป้องกันการบุกทำเนียบรัฐบาลของกองหน้าของม็อบเสื้อแดง นอกจากนี้ ยังมีรถดับเพลิงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนับ 10 คัน กระจายตามจุดทางเข้า-ออก ทั้ง 8 ประตู โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดทุกถูกสั่งให้อยู่เวรยาวถึงเวลา 08.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์


 


 


แดงนับพันเริ่มมาสนามหลวง


ส่วนที่ท้องสนาม หลวง เวลา 19.00 น. กลุ่ม นปช.ประมาณ 1,000 คน ทยอยมาร่วมฟังปราศรัยบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวง มีแกนนำจากกลุ่มต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และจากหลายๆ จังหวัด ภาคกลางและปริมณฑล ต่างหอบผ้าห่ม เสื่อ เก้าอี้ เสื้อผ้ามานอนค้าง โดยมีเต๊นท์ไว้ให้ 10 หลัง ก่อนเคลื่อนไปทำเนียบในตอนเช้า และมีพ่อค้า-แม่ค้า ที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม นปช. นำสินค้าหลายชนิดมาวางขายอยู่รอบๆ เวทีปราศรัย อาทิ เสื้อ หมวก ผ้าโพกหัว ตีนตบ เทป วิดีโอที่เกี่ยวกับการต่อสู้ของกลุ่ม นปช.


 


นายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำ นปช. กล่าวว่า ประชาชนจากภาคเหนือ 8 จังหวัด เดินทางด้วยรถไฟ 40 โบกี้ ถึงหัวลำโพงประมาณ 21.00 น. จะมีกลุ่มคนรถแท็กซี่ และกลุ่มเสื้อแดงนำรถไปรับประชาชนที่หัวลำโพงมาสนามหลวง ตามโครงการธงแดงรับพี่น้องไม่เสียเงิน ส่วนกลุ่มจากภาคอีสานจะมีแกนนำขวัญชัย ไพรพนา จะนำกลุ่มผู้ชุมนุม 500 คนไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)


 


 


ผู้ชุมนุมเริ่มทยอยเข้ากรุง ตำรวจทหารตรึงทำเนียบ เตรียมรถบดถนนด้วย


ส่วนบรรยากาศล่าสุดเช้าวันนี้ โพสต์ทูเดย์รายงานว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เริ่มทยอยเดินทางถึงกรุงเทพมหานครแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ โดยผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันและพักผ่อนที่สนามหลวง ขณะที่ผู้ค้าเริ่มนำของมาขาย ไม่ว่าจะเป็น หัวใจตบและเท้าตบ


 


ทั้งนี้บรรยากาศเริ่มคึกคักตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาต่างตื่นขึ้นมาทำภารกิจส่วนตัว โดยมีการแสดงดนตรีเพื่อปลุกผู้ชุมนุม ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่อยู่ในกรุงเทพเริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวกันภายในพื้นที่ รวมถึงรถโดยสารที่มาจากต่างจังหวัดได้จอดเรียงรายกันอยู่ทั่วบริเวณ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังรักษาความปลอดภัยตามปกติ


 


ด้านบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น พบว่าเป็นไปอย่างคึกคัก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารหลายกองร้อยคอยอารักขารอบทำเนียบรัฐบาลและภายใน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พกพาอาวุธ มีเพียงโล่ป้องกันตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างจากการชุมนุมทุกครั้ง คือ บริเวณทางเข้าและออกทำเนียบมีรถบดถนนจอดไว้ด้วย


 


 


"สุเทพ" ตรวจทำเนียบฯ ยันไม่กังวลม็อบ


ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อยภายในทำเนียบฯ ก่อนที่จะเดินทางไปประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยกล่าวว่า ไม่กังวลกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแลความเรียบร้อยไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย และบุกรุกมาสถานที่ราชการ และในระหว่างการเคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวงมาทำเนียบฯ เจ้าหน้าที่จะไม่มีการสกัดกั้นตามจุดต่างๆ และย้ำว่าได้เดินทางไปประชุม ครม. ด้วยความสบายใจ


 


"สาทิตย์" เชื่อไม่รุนแรง ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หวังว่าผู้ชุมนุมเมื่อได้แสดงออกซึ่งความเห็นแล้วคงสบายใจ ไม่น่าจะมีความรุนแรง และมั่นใจว่า หลังประชุม ครม.วันนี้เสร็จสิ้น จะกลับมาทำงานในทำเนียบฯ ได้เหมือนเดิม


 


 


ที่มา: เรียบเรียงจากมติชนรายวันและโพสต์ทูเดย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net