ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ว่า พรรคได้เชิญนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาบรรยายเรื่องการบริหารนโยบายเศรษฐกิจให้กับ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และต่อไปพรรคจะจัดสัมมนา และบรรยายการบริหารนโยบายเศรษฐิกจในช่วงเช้าวันอังคารทุกสัปดาห์ก่อนการประชุมพรรค

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในที่ประชุม นายสุชาติได้วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศภายใต้การบริหารของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยเปรียบเหมือนทฤษฎีบ่อปลา ที่มีน้ำเหลืออยู่ในบ่อน้อย และมองว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บริหารและคาดการณ์เศรษฐกิจผิดหมด ทั้งเรื่องของรายได้ การส่งออก มาตรการด้านภาษี ทำให้การออกมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจผิดไปด้วย เห็นชัดเจนจากการจัดสรรงบฯ 19,000 ล้านบาท โดยแจกเงิน 2,000 บาท คือแทนที่จะซื้อเบ็ดให้คนไปตกปลา หาเงินสร้างงาน แต่รัฐบาลกลับไปซื้อปลาแจกให้กินเพียงมื้อเดียวจบ ทั้งที่ควรจะดำเนินนโยบายแบบสร้างงานระยะยาว

"ส.ส.ในพรรคแจ้งข้อมูลในการสัมมนาครั้งนี้ว่าประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่รับเงิน 2,000 บาทจากรัฐบาล นำไปใช้แบบผิดวัตถุประสงค์ คือไปใช้หนี้ ซึ่งคุณสุชาติวิเคราะห์ว่า จะยิ่งทำให้เงินที่รัฐบาลให้ไปสูญเปล่า"นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พรรคกำลังพิจารณาว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจการบริหารงานของนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะถือว่าบริหารงานผิดพลาดทำให้ประเทศเสียหายเช่นกัน โดยเวลา 17.00 น. คณะทำงานอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนและประธาน ส.ส.จะประชุมสรุปประเด็น การจัดสรร ส.ส.ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทั้งนี้ เวลา 15.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส.ของพรรคประจำสัปดาห์ โดยมีแกนนำ และ ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายพายัพ ชินวัตร น้องสาว และน้องชายพ.ต.ท.ทักษิณ

ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการแบ่งสัดส่วนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยยืนยันว่า พรรคจำเป็นต้องเก็บ กมธ. 2 คณะที่พรรคภูมิใจขอ คือ กมธ.คมนาคม และ กมธ.พาณิชย์ ไว้ตรวจสอบรัฐบาล นอกจากนี้ ยังหารือถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ส.ส.หลายคนเสนอให้ถอดถอนนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาออกจากตำแหน่ง ที่ใช้อำนาจการเป็นประธานสภาวินิจฉัย ทั้งที่ยังมีข้อถกเถียงกันว่า เป็น พ.ร.บ.การเงินหรือไม่ แต่ ส.ส.หลายคนค้านว่า หากมีการเปลี่ยนตัว จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์อาศัยจังหวะนี้เสนอ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ มาดำรงตำแหน่งแทน เหมือนหนีเสือปะจระเข้ จึงชะลอไปก่อน

ข่าวแจ้งว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พรรคเพื่อไทยจะยื่นเปิดอภิปรายรัฐมนตรี 4 คน คือ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในหลายประเด็น โดยพุ่งเป้าไปที่ตัวมารดา และภรรยาของนายอภิสิทธิ์ ในเรื่องของธุรกรรมทางการเงิน และการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน 2.นายกรณ์ จาติกวาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในประเด็นที่มีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมาย จงใจหลีกเลี่ยงการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ในส่วนของการถือครองหุ้นที่อยู่ต่างประเทศ 3.นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องการใช้งบประมาณ และ 4.นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเรื่องการปิดสนามบิน

ที่ประชุมยังพิจารณาว่าจะเปิดซักฟอกรัฐมนตรีอีก 3 คนด้วยหรือไม่ คือ นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 80 ล้านบาท ก่อนเข้ารับตำแหน่ง, นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีมีนโยบายเดินหน้าต่อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กรณีการจัดซื้อแบบเรียนและเครื่องแบบนักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้ง

รายงานข่าวจากอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่มีรัฐบาลแห่งชาติ และมีประกาศใช้ พ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ ที่พรรคเพื่อไทยร่างขึ้น โดยขณะนี้มีการเจรจาระหว่างบุคคลชั้นสูงของประเทศกับพรรคประชาธิปัตย์ให้ยอมรับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เนื่องจากประเทศไม่สามารถเดินต่อไปได้ จากวิกฤตความขัดแย้งของคนในสังคม และวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนพรรคเพื่อไทยพร้อมจะยอมรับในรูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีพรรคร่วมรัฐบาลทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คาดว่าจะเป็นรูปเป็นร่างภายใน 2-3 เดือนนี้

อย่างไรก็ตาม ข่าวแจ้งว่า พรรคเพื่อไทยมีข้อแม้ถึงผู้มีอำนาจว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ จะต้องการประกาศใช้ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เพื่อล้างทุกคดีความที่เป็นผลพวงจากการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รวมถึงคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ซึ่งหากเป็นไปข้อเสนอนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ภายใน 5-6 เดือนนี้ และ พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมจะหยุดเล่นการเมืองหากมีการร้องขอ

ทั้งนี้ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับไทยเร็วๆ นี้ ส่วนแนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาตินั้น สิ่งใดที่ทำให้บ้านเมืองมีความสมานฉันท์ ไม่มีความขัดแย้งถือเป็นเรื่องที่ดี และพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะทำทุกอย่างที่ทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ความปรองดองและเจริญรุ่งเรือง

ส่วนนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สนับสนุนแนวทางรัฐบาลแห่งชาติ เพราะบ้านเมืองไม่มีทางออกแล้ว ส่วนตัวเห็นว่าบุคคลที่มีความเป็นกลางที่พรรคเพื่อไทยยอมรับที่เป็น ส.ส.คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ส่วนคนนอกนั้นคือนายอุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา