Skip to main content
sharethis

(วันที่ 25 ก.พ.52 ) ชาวบ้านจาก 4 ตำบล ในพื้นที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กว่า 400 คน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าฟังการพิจารณาคดีครั้งแรกของศาลปกครองเชียงใหม่ หลังยื่นฟ้องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เรียกค่าชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบและคดีขอให้ กฟผ.ปฏิบัติตามเงื่อนไขประทานบัตรการขุดเหมืองลิกไนต์ และกฎหมายสิ่งแวดล้อม


 


สืบเนื่องมาจาก ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เหมืองถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะล้มป่วย และบางส่วนเสียชีวิต เพราะได้รับมลพิษมานานถึง 30 ปี ขณะที่ กฟผ.ยังขยายพื้นที่ระเบิดเหมืองถ่านหิน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ชาวบ้านจึงทยอยยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อ 5 ปีก่อน รวม 35 คดี ซึ่งศาลได้รวมคดีชาวบ้านได้รับผลกระทบ เรียกร้องให้ กฟผ.ชดใช้ค่าเสียหายรวม 3,090 ล้านบาท และขอให้ศาลปกครองสั่งให้ กฟผ.ปฏิบัติตามเงื่อนไขของประทานบัตรขุดเหมืองลิกไนต์


 


เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า วานนี้ (25 ก.พ.52) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลปกครองเชียงใหม่ออกนั่งพิจารณาคดี ในคดีที่ราษฎร ต.นาสัก ต.บ้านดง ต.สบป้าด ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ และ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ระหว่างปี 2546 - 2548 เรียกร้องค่าเสียหายจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยอ้างว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะใช้ถ่านหินลิกไนต์คุณภาพต่ำ ผลิตกระแสไฟฟ้าจนเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของราษฎรในบริเวณดังกล่าว


 


ผู้ฟ้องคดี อ้างว่า มีการใช้ถ่านหินลิกไนต์คุณภาพต่ำผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมิได้บำบัดอากาศเสียให้ได้มาตรฐานก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ ทำให้เกิดฝุ่นหินละออง ขี้เถ้าของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซต์ของไนโตรเจนแพร่กระจาย เป็นเหตุให้ผู้ ฟ้องคดีหายใจเอาฝุ่นและก๊าซดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจนเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง ระคายเคืองเยื่อบุผิวหนังตามร่างกาย ปอดอักเสบจากฝุ่นหิน (โรคนิวโมโคนิโอซิส)  และพิษจากซัลเฟอร์ไดออกไซด์ยังทำให้สัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยล้มตายและพืชผลทางการเกษตรเสียหาย


 


นายจีระพัฒน์ กล่อมสกุล ตุลาการผู้แถลงคดี มีความเห็นในประเด็นสำคัญว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 19 สำนวน มิได้เจ็บป่วยด้วยโรคฝุ่นหินและพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ แต่ ได้รับผลกระทบจนเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจอันเป็นผลโดยตรงจากการก่อให้เกิดการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษจากโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าของผู้ถูกฟ้อง คดีอันเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ


 


ผู้ถูกฟ้องคดีประกอบกิจการที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษและได้ดำเนินการมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 จนถึงปัจจุบัน จึงอยู่ในบังคับต้องถูกควบคุมการปล่อยมลพิษตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ผู้ถูกฟ้องคดีปล่อยก๊าซชัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดในช่วงเวลา 5 ปี 7 เดือน รวม 279 ครั้ง บางเดือนยังเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดเกือบเท่าตัวและในระหว่างวันที่ 17-20 ส.ค.2541 ราษฎรในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก บางรายที่ไม่ได้รับการเยียวยาได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลจังหวัดลำปาง ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดลำปางได้มีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชำระค่าเสียหายกับโจทก์


 


การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นการละเลยต่อกฎหมายและมิได้ใส่ใจต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและราษฎรที่อยู่ในชุมชนใกล้เคียง ความเสียหายในบางกรณีอาจเกิดจากการสะสมมลพิษแล้วแสดงอาการในช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงอาจเกิดความเสียหายต่อไปในอนาคตได้


 


ผู้ฟ้องคดีได้รับผลกระทบเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจและยังไม่ หายขาดจากอาการของโรคดังกล่าว แต่ยังสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แม้อาจต้อง ได้รับการตรวจรักษาทางการแพทย์ในอนาคตและต้องใช้ชีวิตในชุมชนที่อาจเกิดมลพิษ ดังกล่าวได้ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ถือว่าร้ายแรงจนเกินไป


 


เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่เป็นเรื่องร้ายแรง ความเสียหายที่ ผู้ฟ้องคดีได้รับ และพฤติการณ์ทั้งมวลประกอบแล้ว มีความเห็นว่าควรกำหนดค่าสิน ไหมทดแทนเป็นค่าเสียหายเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่ร่างกายและสุขภาพอนามัย และค่าเสียหายในอนาคตให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจำนวนรายละ 1,000 บาทต่อเดือน ตามระยะเวลาการอยู่อาศัยในพื้นที่ ต.นาสัก ต.บ้านดง ต.สบป้าด และ ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และในอนาคตรายละ 12,000 บาทต่อปี นับจาก วันฟ้องเป็นต้นไปโดนคำนวณตามอายุของผู้ฟ้องคดีในแต่ละรายในวันฟ้องคดีจนถึงอายุ  70 ปี และกำหนดค่าเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินให้รายละ  102,000 บาท


 


ส่วนคดีที่ราษฎรกลุ่มเดียวกัน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ว่าการไฟฟ้า ผ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งถือประทานบัตรทำเหมืองแร่ลิกไนต์และกระทำผิดเงื่อนไข ตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลายประการ รวมทั้งเปลี่ยน แปลงวิธีการทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต


 


ตุลาการผู้แถลง เห็นว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกระทำผิด เงื่อนไขหลายประการ โดนไม่ได้อพยพชาวบ้านในหมู่บ้านห้วยคิงออกรนอกรัศมีผล กระทบการทำเหมือง 5 กิโลเมตร ทั้งที่ยอมรับมาแต่ชั้นจัดทำรายงานผลกระทบสิ่ง แวดล้อมว่าภายในรัศมีดังกล่าวมีผลกระทบจากการทำเหมือง และ ไม่ได้ถมดินกลับใน ขุมเหมืองและปลูกป่าทดแทน แต่นำขุมเหมืองไปทำสวนพฤกษาชาติและสนามกอล์ฟ


 


คดีนี้ตุลาการผู้แถลงเสนอเห็นควรให้องคณะตุลาการพิพากษาให้การไฟฟ้า ฝ่าผลิตแห่งประเทศไทยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  โดยให้อพยพบ้านห้วยคิงออกนอกรัศมีผลกระทบ 5 กิโลเมตร, ถมดินกลับในบ่อเหมือง ให้มากที่สุดเพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติตามเดิม และปลูกป่าทดแทนเฉพาะส่วนที่ได้ นำพื้นที่ไปทำสวนพฤกษาชาติและสนามกอล์ฟ, ให้ขอแก้ไขมาตรการจากการรำพืชที่ ปลูกใน wet land  ไปกำจัดทุก 18 เดือน เป็น ปลุกพืชใน wet land ด้วยระบบ  Anaerobic Bacteria ซึ่งไม่ต้องนำไปกำจัด, ให้วางแผนจุดปล่อยดินให้ตำแหน่งที่ ปล่อยดินไม่อยู่ในตำแหน่งต้นลมที่พัดผ่านไปยังชุมชนโดยรอบ และกำหนดพื้นที่  Buffer Zone ระยะจุดปล่อยดินกับชุมชนเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 50 เมตร และควร จัดทำเป็นบังเก้อโดยเคร่งครัด และให้จัดทำรายงานการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม  (Environmental Audit) ทุก 2 ปี


 


อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีในครั้งนี้ นายพรชัย มนัสศิริเพ็ญ ตุลาการเจ้า ของสำนวน ได้แจ้งกับผู้ฟ้องคดีและผู้ที่เข้ารับฟังการพิจารณาว่า คำแถลงของคุลาการ ผู้แถลงเป็นเพียงความเห็น ซึ่งศาลปกครองเชียงใหม่จะนัดพิพากษาคดีในวันที่ 4 มี.ค. นี้


 


นายปราศัย พุกพันธ์ ประธานเครือข่ายกลุ่มสิทธิผู้ป่วยอำเภอแม่เมาะ กล่าว ว่า การฟ้องร้องต่อศาลปกครองมีชาวบ้านจาก 4 ตำบล ในอำเภอแม่เมาะฟ้องคดีทั้ง หมด 447 ราย เรียกค่าเสียหายรวมประมาณ 3,090 ล้านบาท ซึ่งคำแถลงดังกล่าวถือ เป็นแนวโน้มที่ดีที่จะมีขึ้นในวันพิพากษาคดี แต่หากศาลปกครองมีคำพิพากษาตาม แถลงในวันนี้ กลุ่มผู้ป่วยในอำเภอแม่เมาะจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งในส่วนของค่าสินไหมทด แทน เนื่องจากเห็นว่าไม่เหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่ว่าผลคำพิพากษา จะออกมาอย่างไรกลุ่มชาวบ้านก็พร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net