Skip to main content
sharethis

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ทวงถาม ทวงถาม "ถาวร" แก้ปัญหาไม่คืบ


(5 มี.ค.52) เวลาประมาณ 10.00น. เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ประกอบด้วยเครือข่ายสลัม 4 ภาค สหพันธ์เกษตรภาคเหนือ เครือข่ายชนเผ่าและชาติพันธุ์ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน และเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด รวมทั้งประชนในกรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดิน พิชัยภูเบนทร์ จ.อุตรดิตถ์ และกรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จ.นครปฐม กว่า 800 คน ได้เคลื่อนขบวนเดินเท้าจากทำเนียบรัฐบาลไปที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อทักท้วงการประสานงานแก้ไขปัญหาคนจนไม่ถูกจุดของนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย


 


สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2552 ตัวแทนของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินได้เข้าประชุมหารือกับนายถาวร โดยมีข้อสรุปว่า นายถาวรจะประสานกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้แทนของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจำนวนรวมทั้งสิ้น 24 คน เป็นคณะกรรมการร่วม จากนั้น ให้คณะกรรมการดังกล่าวจัดประชุมครั้งที่ 1 ก่อนการประชุมอาเซียนซัมมิท พร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน เพื่อยุติการจับกุมและทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน แต่ที่ผ่านมาการติดตามผลยังไม่มีความคืบหน้าในทางปฏิบัติ


 


นายบุญ แซ่จุ่ง ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า ปัญหาของชาวบ้านมีความหลากหลายและเกี่ยวของกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่นายกต้องเข้ามาทำหน้าที่ประธานในคณะกรรมการแก้ไขปัญหา โดยในการประชุมครั้งล่าสุดที่ผ่านมานายถาวรเองก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่กลับมีการดำเนินการชงเรื่องให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินรัฐ (กบร.) แก้ปัญหา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถาม


 


นายบุญกล่าวต่อมาว่า วันนี้ชาวบ้านมาเพื่อยืนยันเจตนารมณ์เดิมให้รัฐบาลแก้ปัญหาตามข้อเสนอเดิม ที่แม้ว่าจะมีการรับปากจากนายถาวรแล้ว แต่ความเป็นจริงในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังพบว่ามีการทำลายพื้นที่เกษตรกรรมของเกษตรกร และมีการขมขู่คุกคามเกิดขึ้นอยู่ ทั้งนี้ชาวบ้านสนับสนุนนโยบายโฉนดชุมชนและธนาคารที่ดิน โดยพร้อมเป็นพื้นที่นำร่องให้โครงการของรัฐเริ่มในภาคปฏิบัติได้ รวมทั้งเห็นด้วยกับการคุ้มครองพื้นที่เกษตรเพื่อสร้างอธิปไตยทางอาหาร ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของเกษตรกร


 


"ที่ดินเปรียบเสมือนชีวิต เรามาวันนี้ก็เพื่อรักษาที่ดิน เพื่อการดำรงชีวิตของพวกเรา" นายบุญกล่าวในฐานะตัวแทนเกษตรกรที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องในกรณีปัญหาที่ดิน


 


หลังจากกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ เดินทางถึงบริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย นายถาวรได้ออกมาพบกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ และมีการจัดห้องประชุมในกระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมพูดคุยกับตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ 30 คน เกี่ยวกับความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี


 


ทั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 "รัฐอย่าทำตัวชั่วช้าเหมือนเต่าล้านปี ต้องเร่งให้มีรูปธรรมในการแก้ปัญหาที่ดิน" เรียกร้องรัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรให้เป็นไปอย่างมีรูปธรรม หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซ้ำยังนำเรื่องเข้าสู่ กบร.ซึ่งเป็นกระบวนการที่เชื่องช้า ใช้เวลายาวนาน และไม่สามารถหาข้อสรุปที่เป็นการแก้ไขปัญหาได้จริง


 


นอกจากนั้นมีการทำพิธีปล่อยเต่า 9 ตัว บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย เพื่อสื่อให้เห็นว่ารัฐบาลอย่าทำตัวช้าเหมือนเต่าล้านปี ต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างเร่งด่วน ให้ทันกับสภาพปัจจุบันของชาวบ้าน


 


เวลาประมาณ 14.30 น. การประชุมร่วมระหว่างรมช.มหาไทย และตัวแทนชาวบ้านเสร็จสิ้น นายถาวรได้ลงมาพูดคุยกับชาวบ้านกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ที่รอฟังอยู่บริเวณสวนหน้าอาคาร โดยกล่าวว่าจะเข้าพบนายกและพูดคุยในเรื่องข้อเสนอการแก้ปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ และนายกอาจลงไปพบกับกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ซึ่งชุมนุมอยู่บริเวณข้างทำเนียบแต่ยังไม่กำหนดวัน


 


ด้านตัวแทนกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ได้กล่าวว่าหากไม่ได้พบนายกรัฐมนตรีก็จะไม่ได้ทางกลับ


 


หลังจากได้คำยืนยันในการดำเนินการแก้ปัญหา กลุ่มชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ จึงได้เดินเท้ากลับไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล


 


กลุ่มปัญหาการเช่าที่ราชพัสดุเคลื่อนชุมหน้ากระทรวงเกษตรฯ


เวลาประมาณ 14.00 น. ประชนในกรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดิน พิชัยภูเบนทร์ จ.อุตรดิตถ์ และกรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จ.นครปฐม ได้แยกตัวจากการชุมนุมบริเวณกระทรวงกลาโหม เดินเท้าจากไปชุมนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กันเพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับการส่งคืนที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมส่งเสริมสหกรณ์ คืนให้กรมธนารักษ์ โดยตัวแทนของทั้ง 2 กรณีปัญหาได้เข้าพบนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์


 


นายบุญลือ เจริญมี ต.คลองโยง อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ประธานสหกรณ์เช่าที่ดินคลองโยง กล่าวว่าปัญหาของสหกรณ์การเช่าที่ดิน พิชัยภูเบนทร์ จ.อุตรดิตถ์ และสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จ.นครปฐม มีความคล้าคลึงกัน โดยเป็นปัญหาที่ดินเช่าซื้อในรูปแบบสหกรณ์ซึ่งนำเงินทุนหมุนเวียน กองทุนจัดหาที่ดินช่วยเหลือชาวนาชาวไร่ พ.ศ.2518 มาดำเนินการ ต่อมาเมื่อรัฐบาลมีนโยบายโอนที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้โอนที่เช่าชื้อของชาวบ้านคืนให้กับกรมธนารักษ์ ซึ่งชาวบ้านต่างไม่ต้องการ


 


นายบุญลือกล่าวต่อมาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นว่าค่าเช่าแพงขึ้นหลายเท่าตัว มีการกำหนดค่าเช่าแยกพื้นที่บ้านและที่ทำกิน ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า กำหนดเช่าเป็นรายบุคคล และให้เช่าปีต่อปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการพยายามทำให้เกษตรกรยากจนเสียกรรมสิทธิ์ที่ให้กับผู้ประกอบการ ทำลายวิถีชีวิตเกษตร


 


ทั้งนี้ ในส่วนของคลองโยง นายบุญลือกล่าวว่าปัจจุบันได้มีการตกลงในเอกสารกับกรมธนารักษ์ในการปรับปรุงข้อสัญญาให้ อาทิ การลดราคาค่าเช่าที่ การกำหนดให้มีการดำเนินการเช่าซื้อโดยสหกรณ์ ฯลฯ แต่ในพื้นที่ยังไปได้มีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม โดยอ้างว่าเอกสารที่ส่งมอบที่ราชพัสดุจากที่ดินของกรมส่งเสริมสหกรณ์ คืนให้กรมธนารักษ์นั้นมีเอกสารไม่ครบ ซึ่งในวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อทวงถามเอกสารในคดีนี้ด้วย


 


ด้านนายประภาส ปิ่นตกแต่ง นักวิชาการ กล่าวภายหลังการร่วมพูดคุยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า นายประพัฒน์กล่าวรับปากที่จะเสนอ รมว.กระทรวงเกษตรฯ ในการทบทวนการส่งเอกสารที่ดินคืนให้ราชพัสดุที่ไม่ครบถ้วน นอกจากนี้ยังได้เสนอให้รมว.กระทรวงเกษตรฯ ทำเรื่องทบทวนมติครม.25 ธ.ค.2544 ซึ่งห้ามไม่ให้โอนกรรมสิทธ์ที่ดิน และมีการอ้างมติ ครม.ดังกล่าวเพื่อไม่ให้ประชาชนทำการเช่าซื้อที่ต่อ ทั้งที่ดำเนินการกันมานานหลายสิบปี


 


"นโยบายรัฐเอื้อราษฎรฟังดูดี เพราะทำให้คนไม่มีที่ดินทำกินมีที่ดิน เช่าได้ถูก แต่ปัจจุบันมีการเรียกคืนที่ดินมาจัดเช่าใหม่ ราคาแพง เช่าแบบปัจเจก แบบปีต่อปี นโยบายอย่างนี้ผมเรียกว่ารัฐเถือราษฎร"


 


นายกฯ เยื่อบ้าน "ชุมชนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย" รับเร่งแก้ปัญหาที่ทำกิน


เมื่อเวลาประมาณ 18.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาพบกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ที่ชุมนุมบริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า พร้อมกล่าวยืนยันกับกลุ่มชาวบ้านที่มาชุมนุมว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับผู้ชุมนุม ส่วนการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งถือเป็นแนวทางของรัฐบาลที่จะดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีที่ดินทำกินในรูปแบบที่หลากหลายตามสภาพพื้นที่ เช่น การออกโฉนดชุมนุม ออกเอกสารสิทธิ


    


นายกรัฐมนตรี กล่าวรับข้อเรียกร้องที่มีการนำเสนอแต่ตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาขึ้นมา 1 ชุด โดยนายกรับเป็นประธาน และมีนายถาวร คอยดูแลและติดตามการแก้ไขปัญหา ส่วนกระบวนการดำเนินงาน ได้มอบหมายให้นายถาวร ประชุมหารือร่วมกับตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ เพื่อยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมา 1 ชุด ในวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค.เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย โดยจะหารือถึงองค์ประกอบ และอำนาจของคณะกรรมการ จากนั้นในวันจันทร์ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามรับรอง และในวันอังคารที่ 10 มี.ค.จะนำเรื่องดังกล่าวนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี


 


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมนัดแรกในวันพุธที่ 11 มี.ค. โดยจะร่วมประชุมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นจะให้เป็นการพูดคุยเพื่อให้ตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ นำเสนอปัญหาต่างๆ ก่อนที่จะตั้งคณะทำงานชุดต่างๆ จากกระทรวงที่เกี่ยวข้องในปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เพื่อไปประชุมหาแนวทางในแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป


 


ส่วนผู้ชุมนุมจะกลับหรือจะชุมนุมต่อหลังจากรับเรื่องแล้วก็ไม่มีปัญหา ถือเป็นสิทธิของผู้ชุมนุม แต่ไม่ต้องการให้นั่งผู้ชุมนุมมาตากแดด และรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลปัญหานี้อยู่แล้ว การที่ชาวบ้านจำนวนมากจะอยู่หรือไม่ ไม่เป็นผลต่อการตัดสินใจ


 


ผู้ชุมนุมชี้ความเดือดร้อนแก้ได้หากนายกมีจุดยืนและเข้าใจปัญหา


ด้านนายประยงค์ ดอกลำไย สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) กล่าวแสดงความเห็นว่าการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษตรงนี้เป็นเพียงเรื่องเบื้องต้น ต่อไปยังคงต้องเจอกับอุปสรรค์จากระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะในกรณีคนอยู่กับป่า เกี่ยวกับ มติครม.30 มิ.ย.2541 ที่กำหนดให้มีการพิสูจน์สิทธิ์ย้อนหลังถึง 30 ปี หรือเรื่องที่ดินราชพัสดุ ที่มี มติครม.25 ธ.ค.2544 ที่ห้ามไม่ให้จำหน่าย ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินราชพัสดุ


 


นายประยงค์กล่าวต่อมาว่า เป้าหมายร่วมของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ คือการคุ้มครองพื้นที่เกษตร การจัดตั้งธนาคารที่ดิน และการจัดทำโฉนดที่ดิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ สามารถดำเนินการเป็นพื้นที่นำรองตามนโยบายของรัฐได้ แต่ก็อาจมีการอ้างว่าติดตัวกฎหมายหรืมติ ครม.บางอย่างทำให้ไม่เกิดการปฏิบัติ ดังนั้นจึงอยากให้ยึดหลักนโยบายของรัฐบาลมากกว่าการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมในการแก้ไขปัญหา


 


"สำหรับคณะกรรมการพิเศษฯ มั่นใจระดับหนึ่ง ในการเป็นกลไกแต่จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ต้องพิสูจน์ว่าจะเอาชนะข้ออ้างทางกฎหมายที่มีอยู่ได้อย่างไร หากรัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหา ต้องเอานโยบายเป็นหลักและปรับกฎหมายให้เป็นไปตามนโยบาย" นายประยงค์กล่าว


 


อย่างไรก็ตาม จะมีการทบทวนสิ่งต่าง ติดตามและพยายามเคลื่อนไหว รวมทั้งสร้างรูปธรรมต่างๆ ในพื้นที่ ผลักดันการจัดตั้งธนาคารที่ดิน และการจัดทำโฉนดที่ดินภายใต้แผนการจัดการทรัพยากรขององค์กรชุมชนหรือธรรมนูญชุมชนให้เป็นจริง เพื่อเป็นคู่ขนานในการแก้ไขปัญหาด้วย


 


ต่อคำถามเกี่ยวกับระยะเวลาที่นายกสามารถรวมประชุมนัดแรกเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการวางโครงสร้างเรื่องการปฏิรูปที่ดินนั้น นายประยงค์กล่าวแสดงความคิดเห็นว่าหากนายกมีธง หรือแนวนโยบายที่ชัดเจนว่าในแต่ละกรณีปัญหาจะมีการแก้ไขอย่างไร ก็จะสามารถกำหนดรายละเอียดและการทำงานได้ ทั้งนี้เวลาไม่ใช้เรื่องสำคัญแต่จุดยืนและความเข้าใจต่อปัญหาของนายกเองสำคัญกว่า อีกทั้งการที่นายรับเป็นประธานคณะกรรมการพิเศษดังกล่าว หากการทำงานภายใต้คณะกรรมการฯ ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ก็จะสามารถเรียกร้องให้นายกกลับมาจัดการคลี่คลายปัญหาได้


 


 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


- เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ เยือนทำเนียบ จี้ รบ.เร่งแก้ปัญหาที่ดิน คาดชุมนุมใหญ่ 4-10 มี.ค.


- เครือข่ายปฏิรูปที่ดินระดมพลกระทุ้งรัฐวางแนวทางชัดเจนแก้ที่ดินทำกิน


- "ถาวร" ตัวแทนนายกเจรจารับตั้ง "คณะกรรมการชาติ" แก้ปัญหา "ที่ดินทำกิน"


- ภาพข่าว: คปท.ชุมนุมจี้รัฐบาลแก้ปัญหาที่ดิน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net