เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ แถลงกรณีศาลปกครองระยองพิพากษาให้พื้นที่มาบตาพุดและบริเวณข้างเคียงเป็นเขตควบคุมมลพิษ ระบุเป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศที่อำนวยความเป็นธรรมแก่ประชาชน พร้อมเรียกร้องรัฐบาลยึดหลักธรรมาภิบาลในการดูแลดูแลชีวิตและสุขภาพของประชาชนบนฐานการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งเรียกร้องรัฐบาลอย่าอุทธรณ์คดีมาบตาพุด
รายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ
กรณีศาลปกครองระยองพิพากษาให้พื้นที่มาบตาพุดและบริเวณข้างเคียงเป็นเขตควบคุมมลพิษ
ตามที่ศาลปกครองระยองได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 192/2550 ระหว่างนายเจริญ เดชคุ้ม กับพวก คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฐานละเลยไม่ประกาศให้พื้นที่ตำบลมาบตาพุดและเทศบาลเมืองมาบตาพุด ตลอดจนพื้นที่ข้างเคียงที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงเป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินการควบคุมลดและขจัดมลพิษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 โดยพิพากษาว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการไม่ประกาศให้พื้นที่มาบตาพุด ตลอดจนพื้นที่ข้างเคียงที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงเป็น "เขตควบคุมมลพิษ" และพิพากษาให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศให้พื้นที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด รวม 5 ตำบล คือ ต.มาบตาพุด ต.ห้วยโป่ง ต.เนินพระ ต.มาบข่า และ ต.ทับมา รวมทั้งท้องที่ ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง ทั้งตำบล เป็น "เขตควบคุมมลพิษ" โดยมีผลภายใน
60 วันหลังศาลมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 นั้น เครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ ซึ่งมีรายชื่อแนบท้ายแถงการณ์ฉบับนี้ ได้ติดตามสถานการณ์มลพิษในพื้นที่มาบตาพุดมาอย่างใกล้ชิด ขอแสดงท่าทีและข้อเรียกร้องต่อสถานการณ์ดังกล่าว ดังนี้
1.เรา เห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวเป็นหลักบรรทัดฐานในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศ อันจะอำนวยให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและการพัฒนาที่ชุมชนไม่มีส่วนร่วมและจะนำมาซึ่งการเยียวยาแก้ไขปัญหาและฟื้นวิถีชีวิตของชุมชนอย่างแท้จริง
2.เรา ขอเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในกรณีศาลปกครองระยองมีคำพิพากษาดังกล่าวนี้นั้น รัฐบาลต้องยึดหลักธรรมาภิบาลในการดูแลชีวิตและสุขภาพของประชาชนบนฐานการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนั้น รัฐบาลควรมีความเห็นไปยังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่า อย่าได้อุทธรณ์คำพิพากษาในคดีดังกล่าวนี้เลย เพราะการอุทธรณ์จะทำให้การดำเนินการตามคำสั่งศาลในคดีนี้ยืดเยื้อออกไปและต้องใช้เวลาอีกหลายปี อันจะมาซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมจะเกิดขึ้นและมีประกาศพื้นที่สีม่วงเพิ่มขึ้นอีก
3.เราเห็นว่ารัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำแผนงานและมาตรการฟื้นฟูชุมชนมาบตาพุดโดยจะต้องยึดหลักการที่ว่า "ผู้ได้รับผลกระทบต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม" ซึ่งจะต้องให้ชุมชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและเห็นชอบในทุกกระบวนการเพื่อเป็นหลักประกันในการสร้างชีวิตใหม่ให้กับชุมชน
เราหวังอย่างยิ่งรัฐบาล จักได้นำข้อเสนอของเครือข่ายประชาชนไปปฏิบัติต่อไปตามหลักแนวทางของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ฉะนั้น การดำเนินนโยบาย หรือโครงการที่ยังไม่เป็นที่รับทราบของประชาชน ขอให้อดทนและอย่าตั้งแง่ต่อการเข้าไปรับฟังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการประชาพิจารณ์หรืออะไรก็ตาม และเราจักติดตามการแก้ไขปัญหาจนถึงที่สุด
ด้วยจิตสมานฉันท์และศรัทธาต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชุมชนท้องถิ่น, 5 มีนาคม 2552
แถลงโดยคณะกรรมการประสานงานองค์พัฒนาเอกชนภาคเหนือ(กป.อพช.เหนือ)
สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, เครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ,
กลุ่มเพื่อนประชาชนบนพื้นที่สูง, ภาคีฮักเชียงใหม่,ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)