Skip to main content
sharethis

พม่ายอมให้นานาชาติเข้าสังเกตการณ์เลือกตั้งปี 53


หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีพม่ากล่าวในระหว่างการประชุมอาเซียนว่า รัฐบาลพม่าจะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ยูเอ็นและนานาชาติเข้าไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งในพม่าที่จะมีขึ้นในปีหน้านี้อย่างแน่นอน 


ทั้งนี้ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า นายเต็งเส่ง นายกรัฐมนตรีของพม่าได้กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยในระหว่างการประชุมอาเซียนว่า รัฐบาลพม่าจะอนุญาตให้นายอิบราฮิม แกมบารี ทูตพิเศษยูเอ็นและเจ้าหน้าที่ยูเอ็นคนอื่น ๆ รวมถึงหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งไม่ระบุว่าเป็นประเทศใดบ้างสามารถเข้าไปสังเกตการณ์เลือกตั้งพม่าในปีหน้าได้


ขณะที่หลายฝ่ายกลับเห็นว่า รัฐบาลพม่าต้องการลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มประชาธิปไตยทั้งในและนอกประเทศมากกว่าต้องการให้การเลือกตั้งเดินหน้าต่อไป


 อย่างไรก็ตามในการประชุมอาเซียนที่เพิ่งแล้วเสร็จ ผู้นำหลายประเทศ รวมทั้งผู้นำไทยได้เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปฏิรูปการเมืองและปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองทั้งหมด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการประชุมอาเซียนครั้งนี้ ไม่มีการระบุชื่อของนางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดีเข้ามาหารือเหมือนการประชุมครั้งที่ผ่านๆ มา


ด้าน Debbie Stothard ผู้ประสานงานเครือข่ายอาเซียนทางเลือก (Alternative ASEAN Network) กล่าวว่า "ก่อนที่จะพูดถึงการสังเกตการณ์การเลือกตั้งในพม่า เราควรมีการทบทวนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐบาลพม่าร่างขึ้น รวมทั้งปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองทั้งหมด และเปิดโอกาสให้ประชาชนรวมกลุ่มและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีภาพเป็นอันดับแรกก่อน อีกประการหนึ่ง ในเมื่อการเลือกตั้งในพม่าปราศจากเสรีภาพและความยุติธรรม รัฐบาลพม่าก็ยังไม่ควรจัดการเลือกตั้ง"


ในขณะเดียวกัน พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเอ็นแอลดีที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลกล่าวว่า พวกเขาจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน หากรัฐบาลยังไม่หันกลับไปทบทวนและกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ให้เป็นไปในแนวทางประชาธิปไตยที่แท้จริง


 


ชาวบ้านในเมืองลาบุตตาขาดแคลนน้ำดื่มอย่างหนัก


เอ็นจีโอเผยว่า หมู่บ้าน 20 กว่าแห่งในเมืองลาบุตตากำลังขาดแคลนน้ำบริโภคอย่างหนัก เนื่องจากแหล่งน้ำจืดถูกน้ำทะเลเจือปนหลังพายุไซโคลนนาร์กิสเข้าถล่มในพื้นที่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ในขณะที่แม่น้ำในลำคลองหลายสายเริ่มแห้งขอด เนื่องจากเข้าสู่หน้าแล้ง


มาน มาน โฆษกกลุ่ม Emergency Assistance Team หรือ EAT-Burma) เปิดเผยว่า แหล่งน้ำจืดบางแห่งในพื้นที่ปากน้ำอิรวดีเริ่มแห้งขอดแล้ว เนื่องจากเข้าสู่หน้าแล้ง ในขณะที่แหล่งน้ำจืดที่เหลือ รวมทั้งบ่อน้ำดื่มก็ไม่สามารถนำไปบริโภคได้ เพราะมีน้ำทะเลเจือปน แต่ชาวบ้านจำนวนมากจำเป็นต้องนำน้ำจืดที่เจือปนกับน้ำทะเลไปดื่มและใช้


ก่อนหน้านี้ องค์กรเมอร์ลิน(Merlin) ซึ่งเป็นเอ็นจีโอที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิสเคยประกาศเตือนว่า ชาวบ้านกว่า 78,000 คนในพื้นที่ปากแม่น้ำอิรวดีจะต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำดื่ม สอดคล้องกับองค์กรเซฟเดอะชิวเดร้น (Save the Children) ที่วิตกกังวลว่า ประชาชนอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากต้องดื่มน้ำที่ไม่สะอาดในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ


อย่างไรก็ตาม หมอท่านหนึ่งในลาบุตตากล่าวว่า ชาวบ้านได้รับน้ำดื่มวันละ 2 ขวดและน้ำใช้ในครัวเรือน 1 แกลลอนต่อหนึ่งครอบครัว เขาระบุว่า ประชาชนขาดแคลนน้ำดื่มตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา โดยมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นหากไม่มีโครงการแยกน้ำทะเลออกจากแหล่งน้ำจืดเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน


"เมื่อเดือนที่แล้วมีเด็กป่วยเป็นท้องร่วงเข้ามารักษาที่คลินิกของผมจำนวนมาก และคาดว่าจะมีเด็กป่วยเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวขึ้น น้ำในลำคลองแห้งขอด" หมอคนดังกล่าวเปิดเผย


ขณะนี้ หน่วยงานเอ็นจีโอต่างๆ ในพื้นที่ได้นำน้ำใส่รถบรรทุกตระเวนแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยแล้ง นอกจากนี้ หน่วยงานเอ็นจีโอกำลังเตรียมการว่าจ้างเรือบรรทุกน้ำสะอาดมาแจกจ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย


ชาวบ้านคนหนึ่งในลาบุตตาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านต้องสั่งซื้อน้ำจากเรือบรรทุกแกลลอนละ 600 จั๊ต (22 บาท) แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่กลับสั่งห้ามเรือบรรทุกจำหน่ายน้ำให้กับชาวบ้าน


ทั้งนี้ บ่อน้ำและหนองน้ำหลายแห่งในพื้นที่ได้ถูกทำลายจากน้ำทะเล ภายหลังเกิดเหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กิสเมื่อวันที่ 2- 3 เดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 138, 000 คน (Irrawaddy 2 มี.ค.52)


เกิดเหตุระเบิดรอบใหม่ 2 ครั้งในย่างกุ้ง


ผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า ได้เกิดเหตุระเบิดสองครั้งเมื่อคืนวันที่ 2 มีนาคมในกรุงย่างกุ้ง แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด


เหตุการณ์ระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.40 น.ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกของกรุงย่างกุ้ง เชื่อมต่อกับทางแยก Myeinigone ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านเพราะใกล้กับสถานีขนส่งรถประจำทาง ขณะที่เหตุระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณป้ายรถรอรถโดยสาร ใกล้กับทางแยก Kamayut ที่มีคนพลุกพล่านเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นในย่างกุ้งเป็นครั้งแรกในปีนี้


ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นสองครั้งในเขตพะโคแต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ในขณะที่เมื่อปีที่แล้วได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดทั้งหมด 7 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 12 คน


ขณะที่รัฐบาลพม่ามักจะกล่าวหาว่าการลอบวางระเบิดแต่ละครั้งเป็นฝีมือของชนกลุ่มน้อยกลุ่มติดอาวุธที่ยังคงจับปืนสู้รบกับรัฐบาลพม่า แต่ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้สักครั้ง (AP/Irrawaddy 3 มี .ค. 52)        

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net