Skip to main content
sharethis

ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา

6 มี.. 52 - สภาผู้แทนราษฎรถกปัญหาไฟใต้ "หมอแว" แนะรัฐเก็บข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯอีก 3 เดือน จี้ลบประวัติและภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยหลังได้รับการปล่อยตัว พร้อมเสนอเยียวยาครอบครัวผู้ต้องขังคดีความมั่นคงกว่า 3,000 ครัวเรือนที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ใต้ยังป่วนต่อ จ่อยิงช่างซ่อมรองเท้าดับคาร้านกลางเมืองยะลา บึ้มตลาดนัดนาประดู่ไร้คนเจ็บ รวบวัยรุ่นพร้อม เอ็ม 16 พบเป็นกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิงปลัด อบต.สะดาวา ก่อนฆ่าตัดหัว ด้าน "มักตา มูซอ" ผู้ต้องหาบึ้มหาดใหญ่ จนมุมตำรวจที่หนองจิก


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2552 ที่ห้องประชุมอาคารรัฐสภา ซึ่งมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีวาระรับทราบเรื่องผลการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหมในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทัพเพื่อความมั่นคง ปรากฏว่าในวาระดังกล่าวมี ส.ส.ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พยายามอภิปรายว่ารัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ


ต่อมา นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน อภิปรายว่า มีแนวโน้มว่ารับาลจะต้องต่ออายุการประกาศสถานการณ์ที่มีความฉุกเฉินร้ายแรง ซึ่งอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ออกไปอีก 3 เดือน จึงอยากเสนอรัฐบาลให้มีการสอบถามความคิดเห็นของพลเรือน ตำรวจ ทหารเกี่ยวกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่ามีรายละเอียดอย่างไร ก่อนจะต่ออายุการใช้ออกไปอีก


นอกจากนี้ ขอเสนอให้ลบข้อมูลออนไลน์ของผู้ที่ถูกออกหมายเชิญตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (หมาย ฉฉ.) เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการซักถามแล้วไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบ และได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ โดยเฉพาะรูปถ่ายที่ควรลบออกจากฐานข้อมูล ที่ผ่านมาไม่เคยดำเนินการในเรื่องนี้เลย ทำให้เมื่อมีการสับเปลี่ยนกำลังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กองกำลังชุดใหม่ก็จะใช้ข้อมูลเก่าที่ไม่มีการลบ ไปควบคุมตัวบุคคลเดิมๆ กลับมาอีก


นายแพทย์แวมาฮาดี อภิปรายอีกว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขังในคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 450 คน แต่ภาครัฐไม่ได้เข้าไปเยียวยาครอบครัวของบุคคลเหล่านี้ซึ่งมีประมาณ 3,000 ครัวเรือน และตกอยู่ในภาวะลำบากอย่างมาก ที่สำคัญช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา นักสิทธิมนุษยชนได้รับเรื่องร้องเรียนประมาณ 60 กรณี เป็นการตายของบุคคลซึ่งหน่วยงานความมั่นคงอ้างว่าเป็นการตายจากการปะทะ แต่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เชื่อ และเรียกร้องให้มีการตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง


"ผมขอเสนอให้คนในพื้นที่ร่วมแก้ปัญหา เพราะถ้าไม่ให้คนในพื้นที่แก้ปัญหา ก็จะไม่ยุติเสียที" นายแพทย์แวมาฮาดี กล่าว


จากนั้น นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งกำกับดูแลปัญหาภาคใต้ ลุกขึ้นชี้แจงว่า เขาจะลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. เพื่อรับฟังปัญหาและจะนอนในพื้นที่ด้วย


อนึ่ง เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา "โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา" เพิ่งนำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง "ชีวิตในเงามืดของครอบครัวผู้ต้องขังแดนใต้" ซึ่งเป็นข้อมูลจากรายงานการศึกษาของโครงการการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่าในเรือนจำ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา มีผู้ต้องขังในคดีความมั่นคงถูกคุมขังอยู่ไม่น้อยกว่า 428 ราย ซึ่งครอบครัวของผู้ต้องขังเหล่านี้เกินครึ่งมีเด็กๆ และพ่อแม่ที่อายุมากอยู่ในความดูแล โดยมีเด็กที่อายุไม่เกิน 18 ปีถึง 367 คน ทั้งหมดต้องเผชิญกับความลำบากยากแค้นเนื่องจากหัวหน้าครอบครัวถูกจับกุม ซึ่งรัฐน่าจะเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาอย่างเร่งด่วน เช่น หาทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ หรือหาทุนประกอบอาชีพให้กับครอบครัวของผู้ต้องขัง เป็นต้น


ยิงช่างซ่อมร้องเท้ากลางเมืองยะลา


ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างเป็นระยะ โดยเมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 6 มี.ค.2552 เกิดเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณร้านซ่อมรองเท้าไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ข้างบ้านเลขที่ 70 ถนนสิโรรส สาย 2 ในเขตเทศบาลนครยะลา


ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบร้านซ่อมรองเท้าดังกล่าวปลูกเป็นเพิงไม้ติดกับรั้วบ้าน ภายในเพิงพบศพ นายนเรศ สังข์แก้ว อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1 ซอยนครสองพัน ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา อาชีพช่างซ่อมรองเท้า และเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว นอนเสียชีวิตในลักษณะคว่ำหน้า สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าที่กกหูซ้ายและลำตัวรวม 3 นัด


สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน โดยหนึ่งในสองคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น สวมเสื้อสีขาว ทำทีมาติดต่อซ่อมรองเท้า เมื่อสบโอกาสได้ชักอาวุธปืนยิงใส่นายนเรศจนเสียชีวิตครที่ จากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่


บึ้มตลาดนัดนาประดู่ โชคดีไร้คนเจ็บ


ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2552 เกิดระเบิดขึ้นที่ตลาดนัดนาประดู่ ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-ยะลา ท้องที่หมู่ 6 อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ห่างจากโรงพักนาประดู่เพียง 500 เมตร หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.นุกูล ธานีรัตน์ สารวัตรสอบสวน สภ.นาประดู่ ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กวค 295 นราธิวาส จอดอยู่ริมถนน ที่ตะกร้าใส่ของหน้ารถเสียหายจากแรงระเบิด โดยมีชิ้นส่วนกล่องเหล็ก ดินระเบิด และสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบที่ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่ตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์เพื่อดักสังหารทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อยภายในตลาด แต่โชคดีที่ทหารสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยเสียก่อน จึงกันประชาชนออกห่าง คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงกดจุดชนวนระเบิดทันที แต่ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่อยู่นอกรัศมีระเบิดแล้ว จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ


ต่อมาเวลา 20.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนอาก้าและปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. ยิงถล่ม นายมะรีเป็ง กรูแบ อายุ 38 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อ.ส.) จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 2 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี  ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่ในท้องที่หมู่ 2 บ้านแบรอจารัง ต.ตะลุโบะ เพื่อไปรับลูกซึ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา ห่างจากบ้านเพียง 200 เมตร กระสุนถูกบริเวณลำตัวหลายนัด ทำให้นายมะรีเป็งเสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน


วันเดียวกัน พล.ต.ต.กรีรินทร์  อินทร์แก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) แถลงข่าวการสอบสวนขยายผลภายหลังการจับกุม นายยะโก๊ะ แอเสาะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 5 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี ในข้อหามีอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดย นายยะโก๊ะ ถูกจับกุมได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.2551


พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า ผลตรวจพิสูจน์อาวุธปืนของกลางพบว่าเป็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จ.ปัตตานีมาแล้ว 9 คดี ทั้งยิงทหาร ยิงนายอำเภอ และประชาชน รวมทั้งเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิง นายอัฐพงศ์ ก้อนลม ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สะดาวา ที่หมู่ 3 ต.สะดาวา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ก่อนคนร้ายจะตัดศีรษะ เมื่อเดือน ก.ย.ปี 2551 ด้วย


รวบแล้ว "มักตา มูซอ" ผู้ต้องหาบึ้มหาดใหญ่


เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2552 พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองหัวหน้าชุดสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ พ.ต.อ.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผู้บังคับการกองปราบปราม พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้กำกับการ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี พ.ต.อาทมาต เนติ ฝ่ายอำนวยการ 3 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 และ พ.ต.ธรรมนูญ งาเนียม ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 43 นำกำลังจำนวน 50 นายเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 117 หมู่ 5 ต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี


ผลการตรวจค้น สามารถจับกุม นายมักตา มูซอ หรือ ปะจูตา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ในคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ อ.เมือง จ.สงขลา และคดีอื่นๆ อีกหลายคดี


นอกจากนั้นยังสามารถจับกุม นายมูฮัมหมัดนูรูดิง มะรอแม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดในตลาด ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และนายอับดุลรอฮะ ตาเยะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 4 ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้พร้อมกันด้วย ก่อนนำตัวทั้งหมดไปสอบสวนขยายผล 


อนึ่ง จากรายงานการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า นายมักตา มูซอ เป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับสั่งการ เคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา และบางส่วนของ จ.ปัตตานี เคยพัวพันกับการก่อคดีสำคัญๆ หลายคดี เช่น ลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ อ.เมือง จ.สงขลา ภายหลังหลบมากบดานอยู่ในพื้นที่ อ.หนองจิก กระทั่งถูกจับกุมในที่สุด


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net