ปัณณพร ไพบูลย์วัฒนกิจ
คณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
เหนื่อยแต่มีความสุข
"ผมรู้ว่าผมเหนื่อย! ผมท้อ! แต่ผมไม่รู้ว่าผมทำไปเพื่ออะไร? แต่ที่รู้ๆ ผมมีความสุข เมื่อผมเห็นผู้ฟังขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าๆ มาที่หน้าสถานี แล้วหยิบแบงก์ยี่สิบออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา ใส่ในกล่องรับบริจาคหน้าสถานี" คำพูดของครูบุญจันทร์ จันหม้อ หัวหน้าสถานีวิทยุชุมชนคนเหนือเขื่อน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
เริ่มก่อตั้งวิทยุชุมชนคนกระเหรี่ยงคนเมือง
ครูบุญจันทร์ จันหม้อ นอกจากจะเป็นครูประจำโรงเรียนประถมในเขตพื้นที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่แล้ว ครูบุญจันทร์ยังเป็นครูผู้สืบสานวัฒนธรรมประเพณีของชาวกระเหรี่ยงโพล่งด้วย และด้วยสายเลือดของความเป็นกระเหรี่ยงโพล่ง จึงได้ร่วมกับชมรมโพล่งเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอำเภอฮอด-ดอยเต่า และสภาวัฒนธรรมอำเภอฮอด ก่อตั้งสถานีวิทยุชุมชนคนเหนือเขื่อนขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2547 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนในชุมชนได้มีพื้นที่ได้แสดงออกทางวัฒนธรรมของตนเอง เช่น การร้องเพลงโพล่ง การเป่าเขาควาย การพูดภาษาโพล่ง การบอกเล่าองค์ความรู้วิถีชีวิตของบรรพบุรุษที่สมดุลกับธรรมชาติ การบวชป่าเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น
ในช่วงแรกของการก่อตั้งสถานีวิทยุชุมชน สมาชิกของชุมชนได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถานีจำนวนทั้งสิ้น 15 คน และมีอาสาสมัครหรือคณะทำงานไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยได้แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ เช่น ฝ่ายรายการ ฝ่ายเทคนิค ฝ่ายธุรการ เป็นต้น และทุกวันอาทิตย์ของต้นเดือน คณะกรรมการของสถานีจะมาประชุมร่วมกัน เพื่อประเมินผลรายการ และปรึกษาหารือเรื่องการบริหารจัดการภายในสถานี
งดโฆษณา เพราะขาดเสรีภาพและศักดิ์ศรี
ครูบุญจันทร์เล่าว่า สถานีวิทยุชุมชนคนเหนือเขื่อน เคยรับโฆษณาให้แก่ร้านค้าต่างๆในชุมชน ในช่วง 1 ปีแรก เพราะเห็นว่ากรมประชาสัมพันธ์อนุญาตให้วิทยุชุมชนสามารถโฆษณาได้ชั่วโมงละ 6 นาที แต่หลังจาก 1 ปี นั้น ก็หยุดไม่รับโฆษณาอีกเลย เนื่องจากคณะกรรมการสถานีได้มาทบทวนกันแล้ว เห็นว่าไม่มีความเป็นอิสระในการจัดรายการ ต้องมาคอยเปิดสปอตโฆษณาให้ร้านค้า และนำเสนอเรื่องราวของท้องถิ่นได้น้อย และรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีสำหรับคนทำงานเพื่อส่วนรวม ที่ต้องมาคอยทวงเงินจากร้านค้าที่ทางสถานีได้โฆษณาให้แล้ว
เทคนิคการระดมทุน
หลังจากสถานีวิทยุชุมชนคนเหนือเขื่อนได้หยุดรับโฆษณา คณะกรรมการของสถานีได้ช่วยกันระดมทุนด้วยวิธีการต่างๆ จากคนในชุมชน เช่น การตั้งกล่องรับบริจาคหน้าสถานี และสถานที่สำคัญๆในชุมชน การประกาศผ่านรายการวิทยุขอให้คนในชุมชนรับเป็นเจ้าภาพช่วยค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ของสถานี การจัดงานทอดผ้าป่าวิทยุชุมชน เป็นต้น
ปัจจุบันสถานีวิทยุชุมชนคนเหนือเขื่อนได้รับเงินบริจาคประมาณ 3,000-6,000 บาทต่อเดือน และหากสถานีวิทยุชุมชนประกาศขอแรงจากคนในชุมชนให้มาช่วยกันสร้างห้องน้ำ ปรับปรุงหลังคาของสถานี คนในชุมชนก็จะมาช่วยกันเป็นจำนวนมากทุกครั้ง
ทุกสิ้นเดือน คณะกรรมการของสถานีจะสรุปจำนวนเงินที่ได้รับจากการบริจาค แล้วประกาศให้ชุมชนหรือผู้ฟังได้รับรู้ผ่านทางสถานี และกล่าวขอบคุณผู้บริจาคเงิน หรือสิ่งของต่างๆ ในช่วงเวลาเปิดและปิดสถานี โดยจะประกาศรายชื่อของผู้บริจาคเงินทุกคน ไม่ว่าจะบริจาคเงินจำนวนเท่าไรก็ตาม เงินที่ได้จากการบริจาคในแต่ละเดือนนั้น มีความเพียงพอต่อรายจ่ายของสถานี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ประจำเดือน ส่วนค่าตอบแทนของคนทำงานหรือผู้จัดรายการนั้น ทางสถานีไม่ต้องจ่าย เนื่องจากอาสาสมัครทุกคนมาช่วยทำงานวิทยุชุมชนด้วยความเสียสละ ไม่คาดหวังเรื่องค่าตอบแทน
จัดด้วยใจ..ให้สิ่งดี..มีประโยชน์
ครูบุญจันทร์เล่าต่อว่า "ผมเคยถามผู้จัดรายการของสถานีว่า ทำไมพวกเขายังคงมาจัดอยู่ที่สถานีวิทยุชุมชนแห่งนี้? ทั้งที่ไม่ได้เงิน แถมยังต้องเสียเวลา เสียค่าน้ำมันรถเอง และซีดีเทปเพลงต่างๆก็ไม่มีให้ ผู้จัดรายการทุกคนต้องนำมาจากบ้านกันเองทั้งหมด
พวกเขาตอบว่า อยากให้คนในชุมชนได้ฟังสิ่งดีๆ มีประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาไม่มีสื่อไหนที่จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชุมชนของเรา และมาจัดรายการวิทยุชุมชนที่นี่ รู้สึกว่า มีความสุขมากกว่าไปจัดรายการวิทยุที่สถานีอื่นๆ เพราะมีความเป็นกันเอง มีเรื่องอะไรก็พูดคุยกันแบบฉันท์พี่น้อง เห็นใจกัน หากผู้จัดรายการคนไหนไม่ว่าง ต้องไปขายของในตลาดนัด ติดทอผ้า ต้องไปทำความสะอาดโรงเรียนเพราะเป็นภารโรงของโรงเรียน ก็มาจัดรายการแทนกัน"
หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บไซต์คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)