Skip to main content
sharethis



"ความจริงวันนี้สัญจร" เมื่อ 22 มี.ค. ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ในภาพ รศ.ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำลังปราศรัย


(ที่มา: CraZyBMW กระดานข่าวพันทิพห้องราชดำเนิน)


 


 


เหวงเสียใจเทพเทือกหาเสื้อแดงเป็นข้าศึก


ตามที่แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ จะจัดชุมนุมรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร" ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เมื่อช่วงเย็น วันที่ 22 มี.ค. นั้น


 


ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้า ที่โรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สถานที่ตั้งวิทยุ 92.5 MHz ของกลุ่ม "รักเชียงใหม่"51" โดยตั้งแต่เวลา 09.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นเวทีให้ความรู้สมาชิกเสื้อแดงเชียงใหม่ ในการอบรมอาสาสมัครเพื่อประชาธิปไตยกว่า 1,000 คน โดยมีผู้ร่วมอบรมจำนวนมากจนต้องตั้งเต็นท์เพิ่มภายนอกโรงแรม


 


นพ.เหวงกล่าวว่า ขอให้คนเสื้อแดงให้รวมพลังครั้งใหญ่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลวันที่ 26 มีนาคมนี้ และรู้สึกเสียใจคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงที่ระบุว่าจะนำกองกำลังมาประจำการที่ทำเนียบ รัฐบาลเพื่อป้องกันข้าศึก แสดงว่ารัฐบาลมองว่าคนเสื้อแดงเป็นข้าศึก ดังนั้นก็จะมองรัฐบาลเป็นข้าศึกศัตรูเช่นกัน และจะต้องขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมออกไปให้ได้


 


ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ทั้งนี้ในช่วงเช้านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยเพื่อเป็นกำลังใจการเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งกล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ที่บอกว่าจะโฟนอินเข้ามานั้น ไม่ได้ต่อสายให้ เพราะตอนนี้เป็นเวลาตีสองของต่างประเทศยังนอนอยู่ แต่มีความสุขดีและห่วงใยพวกเสื้อแดงเสมอ หากคนเชียงใหม่รัก พ.ต.ท.ทักษิณอย่าลืมไปช่วยกันรวมพลังกันให้มากๆ ในวันที่ 26 มีนาคมนี้


 


 


ตั้งขบวนเคลื่อนสู่สนามกีฬา 700 ปี ร่วม "ความจริงวันนี้"


โดยหลังการสัมมนาในช่วงบ่าย ผู้ร่วมการสัมมนานับพันคนได้ตั้งขบวนรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จากหน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ มุ่งหน้าไปตาม ถ.โชตนา สู่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เช่นเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดงกว่าพันคน นำโดยนายมหวรรณ กะวัง ประธานกลุ่มคนรักทักษิณแห่งประเทศไทย เคลื่อนขบวนรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ ออกจากสถานีวิทยุชุมชน 105.5 เมกะเฮิร์ตซ์ หลังตลาดสดแม่เหียะ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ไปตาม ถนนเลียบคลองชลประทาน มุ่งหน้าสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เช่นกัน


 


โดยบรรยากาศในช่วงบ่ายที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ยังไม่คึกคักนัก จนกระทั่งแดดร่มลมตกจึงมีคนทยอยร่วมชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆ นับหมื่นคน มีแกนนำคนสำคัญของ นปช. อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายขวัญชัย ไพรพนา และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในจังหวัดภาคเหนือร่วมขึ้นเวทีโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างดุเดือด



 


สมชายขอบคุณคนเชียงใหม่ เผย "ฮุนเซน" ชอบดู D-Station


เวลา 19.00 น. ที่สนาม 700 ปีเชียงใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม พร้อมปราศรัยว่า ขอบคุณชาวเหนือที่เลือกนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และตนเอง


 


นายสมชายกล่าวว่า ช่วง 2 เดือนครึ่งที่เป็นนายกฯไม่เคยทำให้คนไทยผิดหวังหรือเสียชื่อคนชียงใหม่ จากนี้ไปจะตั้งหน้าตั้งตาทำความดี เรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป" นายสมชายกล่าว และว่า มีเรื่องลับจะบอกว่าระหว่างเป็นนายกฯได้พบกับสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหลายครั้ง ได้บอกเป็นการส่วนตัวว่าได้ติดตามการเมืองไทยตลอด และเปิดดู D-Station ทุกวัน


 


ด้านนางมยุรี เศวตาศัย แกนนำชมรมคนเสื้อแดงอยุธยา กล่าวว่า ล่าสุดถูกชายลึกลับ 2 คนขับรถยนต์กระบะมาจอดใกล้บ้านและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว เชื่อว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามและคนของหน่วยงานด้านความมั่นคง และวันที่ 26 มีนาคมนี้กลุ่มคนเสื้อแดงจากพื้นที่ภาคกลางจะเข้าร่วมชุมนุมทำเนียบรัฐบาล


 


 


ทักษิณ "โฟนอิน" ฝากผู้ชุมนุมกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทน


เวลา 20.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณใช้วิดีโอโฟน เข้ามายังที่ชุมนุมที่เวทีสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยวันนี้ทักษิณสวมเสื้อแดงและสวมสูทสีดำ โดย 5 นาทีแรกเป็นการพูดภาษาเหนือทักทาย


 


โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ฝากผู้ชุมนุมกราบพระธาตุดอยสุเทพ ครูบาศรีวิชัย อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ พระพุทธสิหิงค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดภาคเหนือทุกๆ ที่โดยเฉพาะพระธาตุหริภุญชัย และพระธาตุหลวงลำปาง


 


และว่าก่อนมาพูดต้องนึ่งข้าวเหนียวกินเสียก่อนเพราะกลัวจะพูดไม่ชัด และมีโอกาสกินอาหารเหนือยี่ห้อ "วนัสนันท์" ที่มีการส่งออกมาขายแถวนี้ และบอกว่าตนอายุมากแล้ว และถามผู้ชุมนุมว่าผมอ้วนขึ้น ผอมลง หรือเหมือนเดิม


 


 


วิจารณ์ "มาร์ค" แจกสุรุ่ยสุร่ายจะไปไม่รอด


และว่าเดือนกรกฎาคมก็จะอายุ 60 ปีแล้ว วันที่ 27 กรกฎาคม สงสัยต้องไปรับเงินยังชีพผู้สูงอายุ 500 บาทด้วย และกล่าวล้อเล่นว่าแม้แต่เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ก็จะไปรับเงินยังชีพกับเขาด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ วิจารณ์นโยบายดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นการแจกเงินยังชีพแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ คนมีเงิน เงินมีมากก็ไปรับด้วยโดยบอกว่ารักษาสิทธิ์ หากจ่ายสุรุ่ยสุร่ายจะไปไหนไม่รอด


 


วันนี้ผมเลยต้องขออนุญาตอำลาศพพี่สาว มาออกทุกข์วันหนึ่งใส่เสื้อแดง เพราะใส่เสื้อแดงโตยกับพี่น้องสักวัน เพราะวันนี้พี่น้องได้เห็นภาพผม ผมก็เลยอยากใส่เสื้อแดง เลยลาทุกข์พี่สาววันหนึ่ง เสียดายครับพี่สาวตายไม่ได้มีโอกาสไปกราบศพลา แต่ไม่เป็นไรนะครับ แหมมันก็ต้องตามกันไปเพราะชีวิตมันสั้น คนเราไม่มีชีวิตยาวแต่ระหว่างอยู่ เราจะคิดว่าเราจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด เราก็ช่วยกันทำไป สำหรับผมวันนี้มันเป็นเรื่องประหลาด ที่ว่าคนทุ่มเททำงานเพื่อบ้านเมือง กลับถูกไล่ออกมา


 


 


อัด "งูเห่า" เพื่อไทย แต่เป็นเรื่องดีเพราะถ่ายของเสียออก


ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนมาพูดภาษาไทยกลาง ตนฝากอุดมการณ์ถึงผู้ชุมนุมให้เรียกร้องประชาธิปไตย อย่าทะเลาะ อย่าแตกแยก ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


 


"นับแต่ยุบพรรคพลังประชาชนเกิดงูเห่าแยก ตัวไปตั้งพรรคใหม่ก็ไม่เสียใจ แต่การอภิปรายเมื่อ 2 วันที่ผ่านมายังมีการใช้เงินซื้อเสียงโหวต ส.ส. หลายคนรับสารภาพว่าได้เงิน 2 แสนบาท และงบฯพัฒนาท้องถิ่นคนละ 20 ล้านบาท เบื้องหลังจะลงในหนังสือของหมวดเจี๊ยบเล่มใหม่ ชื่อ "ทักษิณ อาร์ยู โอเค" สำหรับทางออกของประเทศจะพูดทั้งหมดในการชุมนุมใหญ่วันที่ 26 มีนาคมนี้"


 


พ.ต.ท.ทักษิณ เผยเรื่องที่เล่าให้หมวดเจี๊ยบฟังในหนังสือเล่มใหม่ที่จะออกว่า ได้เล่าเรื่องที่หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า เรื่องชาวนากับม้า คือมีชาวนาคนหนึ่งมีลูกชาย 1 คน และที่บ้านมีม้า 1 ตัว ปีใหม่พ่อบอกลูกชายว่า ลูกปีนี้เป็นปีดีของครอบครัวเรา   ลูกชายก็จำไว้พ่อบอกเป็นปีดี อยู่มาม้าตัวผู้หายไป 2 วันลูกก็เลยบอกว่าไหนปีดีไง ม้าหายไปแล้ว ต้นปีแท้ๆ อีก 2 วันม้าตัวผู้กลับมาพร้อมม้าตัวเมีย พ่อเลยบอกว่านี่ไงปีดี เอ็งเอาม้าตัวเมียไปฝึก เพื่อเราจะได้ใช้งาน ลูกชายก็เอาม้าไปฝึก ฝึกไปฝึกมาตกหลังม้าสะโพกหัก ลูกก็ถามว่า ไหนพ่อบอกว่าปีดีไง พ่อไม่พูดอะไร ต่อมาปรากฏว่าสะโพกยังไม่หาย ทางการก็มาเกณฑ์คนหนุ่มในหมู่บ้านไปเป็นทหารเพื่อออกรบ ปรากฏว่าลูกชายไม่ได้ไปรบเพราะสะโพกหัก ปรากฏคนในหมู่บ้านที่ไปตายกันหลายคน พ่อเลยบอกว่า นี่ไงปีดี เรื่องนี้หมายความว่า ในระหว่างเรื่องที่ดีมันก็มีร้ายบ้าง แต่ผลสุดท้ายมันดี เหมือนพรรคเพื่อไทยวันนี้ยุบพรรคคนออกไป แล้วตอนโหวตไม่ไว้วางใจก็มีคนแหกคอก มีคนบอกว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ฝากคนมาบอกผมว่าดีใจด้วยนะ ผมก็นึกว่าดีใจเรื่องอะไร เค้าบอกดีใจด้วยนะที่ของเสียออกไป


 


ผมก็เลยบอกว่า เออมันเป็นเรื่องธรรมชาติ คนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ตกตะกอนไป และเค้ายังให้กำลังใจด้วยว่า ฝากด้วยนะสร้างพรรคใหม่ดีกว่า ให้การเมืองใหม่จริงๆ แต่ไม่ใช่ใหม่ แบบ 70/30 ไม่ให้ใหม่แบบไอ้ลิ้ม ไม่เอา


 


 


อายแทน เหตุประชาธิปัตย์ไปกู้หนี้เอดีบี


วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ยังหาทางออกให้ประเทศไม่ได้ วันนี้พี่น้องจะพูดเรื่องปัญหา ที่มาของปัญหาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองและเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อที่ถ้าพี่น้องประชุมใหญ่ที่ กทม.อีกครั้งหนึ่ง ผมจะพูดเรื่องทางออกเพื่อจะให้บอกให้รู้ว่า ถ้าผมกลับไปแล้ว พี่น้องบอกว่าให้ผมทำหน้าที่ นั่นคือแนวทางที่ผมจะทำ และผมมั่นใจว่าวิกฤติวันนี้แก้ได้ไม่เกินมือเรา เพราะวันที่ผมเข้ามาในปี 2544 ต่อจากพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้นหนี้สินรกรุงรังและเงินสำรองมีน้อย เรายังแก้ได้ จนสามารถเปลี่ยนประเทศเป็นประเทศที่เป็นผู้ให้กู้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ประเทศไทย แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามารอบสองด้วยการเป็นงูเห่าอีกครั้ง และเริ่มต้นด้วยการกู้ พี่น้องเชื่อไหมครับว่า ตอนที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี มีประธานเอดีบี ชื่อนายชิโก เป็นชาวญี่ปุ่น ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนั้นเค้ามาหาผมบอกว่าจะมาตั้งสำนักงานที่เมืองไทย ผมเลยบอกว่าดีแล้ว แต่ต้องเตรียมเงินให้ประเทศเพื่อนบ้านไทยกู้นะ ไทยไม่กู้แล้ว เพราะเราสามารถช่วยตัวเองโดยไม่ต้องกู้เงินได้ ให้เพื่อนบ้านกู้เถอะ เพราะเค้าจน ถ้าเศรษฐกิจ เค้าดี คนไม่ต้องมาทะลักเข้ามาประเทศไทย ยาเสพติดไม่ต้องมาแพร่ระบาด ไม่ต้องเตรียมเงินให้ไทย แต่วันนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ไปขอกู้เงินเอดีบี ผมรู้สึกอายแทน



 


แฉกลุ่มบุคคลป้ายสีข้อหาไม่จงรักภักดี และแผนลอบสังหาร


ขอเล่าที่มาของความยุ่งเหยิงของประเทศไทย ในฐานะที่ผมเผชิญด้วยตัวเองตอนเป็นนายกฯ ใครที่ทำอะไรไว้ก็เกาะเก้าอี้ดีๆ ก็แล้วกัน ผมขอเล่า


 


พี่น้องครับจำได้ไหมครับเมื่อ 2548 ตอนเลือกตั้งครั้งนั้นเราชนะถล่มทลาย มี ส.ส. 377 คนในสภา อยู่ มาวันหนึ่งมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลผม มาบอกว่าท่านครับสงสัยเราจะเหนื่อยแล้ว ผมได้ฟังจากน้องๆ สื่อมวลชน ว่าประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอ่อนแอ ไม่มีกำลังเพราะคะแนน เสียงน้อย สื่อจะรวมตัวกันทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งผมก็งงว่าทำไมสื่อต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน สื่อมีหน้าที่เสนอความจริง ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก


 


ต่อมา ผมได้ทราบจากลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ผมถามว่าเอ๊ะ นี่หนุ่ม ทำไมหนังสือพ่อถึงตีอาจังเลย ตีรัฐบาลจังเลย โดยไม่มีเหตุผล เขามาบอกผมว่า คุณอาครับช่วยเหลืออะไรไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามีองคมนตรีท่านหนึ่งไปกินข้าวกับพ่อ เดี๋ยวผมจะบอกชื่อนะฮะ ไปกินข้าวกับพ่อ แล้วบอกว่า อ้างว่านะแอบอ้าง ว่าทางวังไม่เอาผมแล้ว ต้องการให้ผมพ้นจากตำแหน่งไป ผมก็งงมาก ตอนนั้นผมยังเป็นนายกฯ อยู่นะครับ


 


และต่อมา ผมก็ยังไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น มีข่าวเรื่องการลอบสังหารผม และจนในที่สุดมีเรื่องคาร์บอมบ์ เมื่อเดือนสิงหาคมพี่น้องครับ


 


ผมมาทราบทีหลังจาก พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี ไปหาผมที่ประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้ บอกว่า ต้นปี 2549 เขาถูกเรียกไปพบกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นี่แหละครับที่บ้านแห่งหนึ่งที่ซอยสุขุมวิท เสร็จแล้วเขาบอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์บอกว่า ได้ไปพร้อมองคมนตรี 2 ท่าน ได้ไป.............. เขาจะทำงานถวาย เพราะผมไม่จงรักภักดี


 


ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะไม่จงรักภักดีได้อย่างไร แล้วผมเชื่อว่าเป็นการแอบอ้าง เพราะพระเจ้าอยู่หัวเราทรงอยู่สูง ไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่มีการกล่าวอ้างเช่นนั้น รับที่จะจัดการผม ซึ่ง พล.อ.พัลลภ ในตอนแรกก็รับมา แต่ก็ยังไม่ทำอะไร ตอนหลังมาโกรธผมด้วยเรื่องส่วนตัวอะไรไม่ทราบและเข้าใจผิดผม ก็เลยมีการลงมือถึง 2 ครั้ง แต่ปรากฏว่าดวงผมคลาดแคล้วและไม่เป็นอะไร


 


ต่อมามีการดำเนินการต่อผมด้วยคาร์บอมบ์ ซึ่ง พล.อ.พัลลภบอกว่ารู้ และเด็กก็ใช้ลูกน้องเขา แต่เขาไม่ได้เป็นคนทำ คนที่ทำคือไอ้ชุดปฏิวัตินี่แหละ และท่านจำจ่ายักษ์ได้ไหมครับ จ่ายักษ์ให้การต่อตำรวจ ตอนขณะที่ผมยังไม่พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บอกว่าถ้าคาร์บอมบ์แล้วไม่ตายจะปฏิวัติ และถ้าปฏิวัติสำเร็จคนเป็นนายกฯ ชื่อสุรยุทธ์ และตอนที่ปฏิวัติเสร็จ ตอนนั้นมีการเกี่ยงกันนิดหน่อย แต่ในที่สุดผมก็ฟันธงอยู่แล้วว่า สุรยุทธ์ เป็น


 


 


อ้างย้ายสุรยุทธ์ขึ้นหิ้ง เหตุพิพาทชายแดนพม่า


พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า ผมขอเล่านิดหนึ่งว่าทำไม เมื่อปี 2545 เดือน ต.ค. ตอนนั้นผมเป็นนายกฯ ผมได้ย้าย พล.อ.สุรยุทธ์ มาเป็น ผบ.สส. สาเหตุที่ย้ายไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดไม่ได้อะไร พล.อ.สุรยุทธ์เลย เพราะผมเป็นคนซึ่งทำงานเป็นงาน และก็ให้เกียรติในฐานะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่


 


แต่สาเหตุที่ย้าย ไม่เคยพูดแต่วันนี้ต้องพูด ไม่ใช่เพราะท่านไม่ดี แต่ว่ามีเบอร์ 2 ของพม่าชื่อหม่อง เอ ไม่เคยมาประเทศไทยเลย มานานแล้ว ผมไปเชิญมาและผมพาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2545


 


และวันที่ 25 เม.ย. 2545 ทหารเคลื่อนกำลังโดยไม่บอกผมในฐานะนายกฯ ไปยิงปืนใส่พม่าตายไป 300 กว่าคน ซึ่งผมกำลังเจรจาเพื่อให้เขาช่วยเหลือร่วมมือทางยาเสพติดอยู่ เขาก็ร่วมมืออย่างดีแล้ว เสร็จแล้วมันมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ผมไม่ต้องการกระทบความสัมพันธ์ ผมไม่มีอะไรเลยที่เป็นความขัดแย้งกับ พล.อ.สุรยุทธ์


 


เลยทำให้ความวุ่นวาย ความแค้น ความอะไรก็ไม่ทราบ แล้วกลายเป็นเรื่องที่ต้องจัดการผมให้ได้ โดยอ้างว่าผมไม่จงรักภักดี ซึ่งผมขอกราบเรียนว่า ผมเป็นคนจงรักภักดีเกินล้านเปอร์เซ็นต์ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ผมสมรสพระราชทาน ผมรับพระราชทานกระบี่จากพระหัตถ์ ผมเป็นพลร่ม เป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อยตำรวจ ทำไมผมจะไม่จงรักภักดี


 


และไอ้พวกที่ปาวๆ อยู่ข้างถนน จะจงรักภักดีกว่าผมได้ยังไง แต่การล้มรัฐบาลที่มีอำนาจเยอะทำได้ง่ายที่สุด เพราะพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัวเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับคนไทย ก็เลยไปอ้างเรื่องไม่จงรักภักดี นี่แหละครับที่ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวายจนทุกวันนี้


 


 


มาตามรัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับอานันท์-ประเวศ แต่ต่อมาถูกค้าน


ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี มาด้วยรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งผมไม่ได้ร่าง คนที่ร่างชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน และคนที่เสนอคอนเส็ปต์หรือแนวคิดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ชื่อหมอประเวศ (วะสี) หมอประเวศบอกว่าการเมืองที่ผ่านมารัฐบาลอ่อนแอ นายกฯ ขาดภาวะผู้นำ เพราะต้องถูกต่อรองตลอดเวลา ทำให้นายกฯ ไม่สามารถตัดสินใจในปัญหาสำคัญๆ ของประเทศได้ จึงเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่เสร็จแล้ว ทั้งหมอประเวศ ทั้งนายอานันท์ก็มาค้านรัฐบาลผม ซึ่งเป็นผลผลิตจากปี 2540 ที่ร่างขึ้นเอง แล้วหาว่าผมแข็งแรงไป มีอำนาจมากไป


 


พี่น้องครับ อำนาจผมไม่ได้ขอมา พี่น้องเป็นคนมอบให้ใช่ไหมครับ แล้ววันนี้เป็นไงครับ หลังจากเผด็จการเสร็จ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ถอยหลังเข้าคลอง


 


 


ประชาชนต้องนั่งรอคิว มาร์คทำงานให้ทหาร พันธมิตร เพื่อนเนวิน


อภิสิทธิ์ มีนโยบาย มีสโลแกนว่า ประชาชนต้องมาก่อน แต่เสร็จแล้วตอนนี้เป็นไงครับ ประชาชนต้องมาก่อนแต่นั่งรอนะ ทำงานให้ทหารเสร็จก่อน ทำงานให้พันธมิตรฯ เสร็จก่อน ทำงานให้กลุ่มเพื่อนเนวินเสร็จก่อน เดี๋ยวประชาชนค่อยรอคิว


 


ถ้าการเมืองเป็นอย่างนี้ รัฐธรรมนูญเป็นอย่างนี้ และมีกระบวนการนอกอำนาจรัฐธรรมนูญเล่นงานกันอย่างนี้ ก่อให้เกิดระบบสองมาตรฐานอย่างนี้ ประเทศไปไม่รอดหรอกครับ


 


 


ฝรั่งเห็นเมืองไทยตลก มีปฏิวัติ - นายกฯ ทำกับข้าวถูกปลด - พรรคถูกยุบ


ผมโดนเล่นงาน ผมก็ตอนแรกผมโดนปฏิวัติ ผมนึกว่าเออ ก็ไม่เป็นไร ปฏิวัติเสร็จผมก็คงกลับไปเป็นคนไทยคนหนึ่ง ไม่ต้องทำการเมืองก็ไม่เป็นไร แต่ปรากฏว่าหาเรื่อง ยัดเรื่องนั่นใส่ เรื่องนี่ใส่ ตอนนี้ผมเดินทางรอบโลกครับ พี่น้องครับ เขาบอกว่าอย่างไรรู้ไหม เขาพูดภาษาอังกฤษว่า Thailand is a joke. บอกประเทศไทยวันนี้ตลกมาก ตลกไปเสียทุกเรื่อง ก็อยู่ๆ นายกฯ ทำกับข้าวออกทีวี รับเงินค่าทำกับข้าวไม่กี่สตางค์ ปลดจากเป็นนายกรัฐมนตรี


 


พี่น้องครับ ที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบเพราะเขาตั้งใจจะยุบ มีกลุ่มหนึ่งที่เป็นพยาน มาพบกับคนของผมบอกว่าเขาถูกจ้างให้เป็นพยานเท็จ เขามาขอโทษ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา มันถึงได้วุ่นวายไงครับ เราเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องส่วนตัว เรื่องชิงดีชิงเด่นกันเอง แต่ประเทศล่มจ่ม ประเทศเสียหาย ประชาชนลำบาก อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่า ความลำบากของคนจนวันเดียวก็ไม่อยากจะรอ ความลำบากของคนรวยรอได้ฮะ


 


 


อัดประชาธิปไตยรัฐบาลราบ 11 ป๊อกเกี่ยวเต็มๆ ยันปฏิญญาฟินแลนด์โกหกทั้งเพ


แต่วันนี้ พี่น้องครับ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นสิ่งที่ทั้งโลกเขาไม่รับ แล้วเศรษฐกิจจะไปได้อย่างไร เราขาดศักดิ์ศรีหมดแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่าเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง ก็รัฐบาลนี้เรียกว่า "รัฐบาลราบ 11" จัดตั้งรัฐบาลก็เอาศาลรัฐธรรมนูญมายุบพรรค เพื่อดึง ส.ส. เสร็จแล้วเอาทหารมากดดัน แบ่งกลุ่มตั้งรัฐบาล ถึงวันนี้ป๊อกจะปฏิเสธอย่างไร ป๊อกก็เกี่ยวข้องเต็มๆ แหละป๊อกเอ๊ย


 


พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาต่อไปว่า แถมยังไม่พอ วันนั้นที่ พล.อ.พัลลภเล่าให้ผมฟังว่าหลังจาก พล.อ.สุรยุทธ์พบกันแล้วคุยกันเรียบร้อยเรื่องจัดการชีวิตผม เสร็จแล้วต่อมาก็มีบุคคลเข้ามาอีก 4 คน คนหนึ่งชื่อนายปราโมทย์ นาครทรรพ ผู้แต่งนิยายเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ โกหกทั้งเพ ขึ้นอยู่ในศาลตอนนี้ยังตอบไม่ได้เลย


 


แต่งนิยายขึ้นมาทั้งเพ ไม่เคยมีคำว่าปฏิญญาฟินแลนด์เลย ปฏิญญาฟินแลนด์ก็คงมีตอนอาเซม (ASEM - การประชุมเอเชีย-ยุโรป มีการประชุมระดับผู้นำที่กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์เมื่อ 10-11 ก.ย. 2549) แหละครับที่ผู้นำทั้งโลกเขาไปประชุมกันที่ฟินแลนด์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมไปทำ แล้วบอกว่าผมจะล้มราชบัลลังก์ อะโธ่ คนอย่างผมน่ะหรือ ผมเป็นคนบ้างานครับ เป็นคนชอบทำงาน ไม่มีความคิดอย่างอื่น และเป็นคนที่จงรักภักดี ผมโดยปกติสำนึกบุญคนอยู่แล้ว และพระเจ้าอยู่หัว เหนือหัวยิ่งกว่านั้นอีก สิ่งที่กล่าวหานี้ไม่ได้อยู่ในใจผมเลย


 


 


เผย 4 ชื่อประชุมโค่นระบอบทักษิณ


พี่น้องครับ นายปราโมทย์ นาครทรรพ ก็อยู่ในที่ประชุม หลังจากนั้นก็มีผู้ที่เข้ามาอยู่ในที่ประชุมอีก 3 คน คนหนึ่งชื่อนายอักขราทร (จุฬารัตน์) ประธานศาลปกครองสูงสุด อีกคนนายจรัล ภักดีธนากุล (อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ปัจจุบันเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ) อีกคน นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ (อดีตประธานศาลฎีกาและอดีต รมว.ยุติธรรม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี)


 


นี่คือ พล.อ.พัลลภเล่าให้ผมฟังครับ จริงไม่จริงไปถาม พล.อ.พัลลภเถอะ บอกว่าทั้ง 3-4 คน มาประชุม กันต่อ ต่างคนต่างรับหน้าที่มาดำเนินการกับผม โดยอ้างว่า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่จงรักภักดี พี่น้องครับ สิ่งที่ผมทำงานถวายพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทำด้วยใจทั้งนั้น ด้วยใจเคารพ ด้วยใจจงรักภักดี แต่พวกนี้กลับบอกว่าผมไม่จงรักภักดี แล้วถามว่าพวกนี้ทำอะไรบ้าง นี้แหละ คำนี้แหละ เป็นสันนิษฐานที่ผิด พอสันนิษฐานว่าผมไม่จงรักภักดี เพราะฉะนั้นทุกดาบทุกเล่มหันมาทิ่มผมอย่างเดียว เพราะไม่จงรักภักดี


 


 


ยันไม่เกี่ยวเดอะคิงส์เนฟเวอร์สมาย


ตอนช่วงปฏิวัตินะครับมันปล่อยข่าวอย่างต่อเนื่องว่าผมอยู่เบื้องหลังสปอนเซอร์การทำหนังสือเรื่องเดอะคิงส์เนฟเวอร์สมาย นายพอล แฮนด์ลีย์ ซึ่งเป็นคนเขียน ผมยังไม่เคยเห็นหนังสือเลย แต่ผมรู้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น ผมรีบสั่งการให้นายสุรเกียรติ (เสถียรไทย) ซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่กับผม ตอนนั้นเป็นรองนายกฯ ไปพบพ่อบุช ซึ่งเขาใกล้ชิดกับเยล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่พิมพ์หนังสือ ไปขอร้องเขา ช่วงนั้นจะมีพระราชพิธีเดือนมิถุนายน ก็ขอร้องยังไงอย่าเพิ่งออกมาเด็ดขาด เขาก็ยอมครับ ตอนหลังเดือนเมษายน ผมไปพบพ่อบุชก็ไปขอร้องเขาอีกด้วยตัวเอง และผมสั่งให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ขณะนั้น ห้ามหนังสือฉบับนี้เข้ามา แต่ปรากฏว่าไอ้พวกนี้ดันบอกว่าผมเป็นสปอนเซอร์ นี่ผมขอเล่าสิ่งที่มันทุเรศๆ ระดับสูงให้ฟัง เพราะมันมีทุเรศหลายระดับ แต่ระดับสูงมันทำเอาบ้านเมืองป่นปี้


 


 


อัดใช้ศัตรูทางการเมืองสอบตน ลั่นจะพูดชัดขึ้น เพราะอดทนนานแล้ว


พี่น้องครับ หลังจากนั้นกระบวนการทุกอย่างก็หันมาที่ผม จนมีการปฏิวัติ แล้วก็ตั้ง คตส. ตอนนั้นตั้งมาคนหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นประธานศาลฎีกาเก่า ท่านเป็นคนตรงไปตรงมาก็ปลดท่านเสีย เลยมาตั้งนายนาม ยิ้มแย้ม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับผม เอาคนที่เป็นศัตรูทางการเมืองผมทั้งนั้นมาสอบสวนผม


 


พี่น้องครับศาลที่นั่งพิจารณาคดีถ้าเรามองว่าเขาจะไม่ยุติธรรมยังมีสิทธิขอเปลี่ยน แต่นี่เป็นพนักงานสอบสวนแต่งเรื่องเท็จทั้งนั้น พี่น้องครับตราบใดที่ใช้กระบวนการขององค์กรอิสระมากลั่นแกล้งว่าจะย้ายข้างการเมืองล่ะ ใครอยู่ฟากนี้อะไรก็ถูกหมด ใครอยู่อีกฟากหนึ่งผิดหมด มันไม่ใช่เรื่องของการเมืองนะครับ มันเป็นเรื่องจิตใจของประชาชนทั้งประเทศ ไม่อย่างนั้นพี่น้องเสื้อแดงไม่มากขึ้นทุกวันๆ อย่างนี้ใช่ไหมครับ แล้วพี่น้องเสื้อแดงจะมากกว่านี้อีก แล้วบอกให้รู้ว่าผมเองจะพูดให้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมอดทนมานานแล้วครับ วันนี้ไม่ได้โกรธนะฮะ ผมคิดว่าสงสารพี่น้อง มานั่งงงกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมนี้อยู่ในศูนย์กลางของความลับทั้งหมด ผมเลยต้องพูด


 


พี่น้องจำเรื่อง 2 เมษา 2549 ได้ไหมครับ มีการกดดันให้ กกต. ลาออก และ กกต. คนหนึ่งลาออกไป อีก 3 คนไม่ลาออก ปรากฏว่า กกต. คนนี้ลาออก เขาก็เกรงใจผมมาบอกผมว่ามีคนมากดดันให้เขาออก คนหนึ่งชื่อจำลอง ศรีเมือง อีกคนหนึ่งชื่อสุรยุทธ์ จุลานนท์ ผมยังเป็นนายกฯ อยู่ ผมก็บุกไปหา พล.อ.สุรยุทธ์ ถึงทำเนียบองคมนตรี ผมถามท่านว่า มันเกิดอะไรขึ้นท่านบอกท่านไม่เกี่ยว ท่านเป็นพลร่ม ท่านไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ผมบอก ผมก็พลร่ม พูดอะไรกันตรงไปตรงมากันดีกว่า ท่านก็บอก ไม่มี


 


 


ลั่นไม่มี "แผนตากสิน" อัด "ป๊อก" ซื่อบื้อรับลูก


และในที่สุดคนที่ลาออกไป ก็บอกกับผมว่า เขาจะเอา กกต. ติดคุก แล้ววันนี้กำลังรอคำพิพากษาศาลฎีกาอยู่ ติดคุกไปแล้วรอบหนึ่ง พี่น้องครับถ้าขืนทำแบบนี้ประเทศจะอยู่อย่างไร ผมสงสารพี่น้องประชาชน แล้ววันนี้ ก็ยังมีเรื่องอีก ปล่อยข่าวอีกว่า "แผนพระเจ้าตากสิน" จะล้มราชบัลลังก์ ปล่อยโดยประชาธิปัตย์ ดันซื่อบื้อรับลูกโดยไอ้ป๊อก ผมไม่มีแผนอะไรเลยครับพี่น้องครับ ผมมีแต่หัวใจ หัวใจที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว หัวใจที่รักชาติ รักพี่น้องประชาชน ตอนให้ผมทำงาน ผมก็ทุ่มเป็นบ้าเป็นหลัง จนให้พี่น้องได้เข้าใจว่าประชาธิปไตยมันกินได้จริงๆ พี่น้องครับ แล้วผมจะพูดต่อในวันชุมนุมที่กรุงเทพ เพื่อให้รู้ว่าทางออกมันมีครับ


 


เอาน่า จะโกรธกันอย่างไรแต่ มันมีวันตายทุกฝ่าย เราเอาชาติรอดดีกว่า เราเอาประชาชนให้มีความผาสุกดีกว่า เราเอาความสบายพระทัยของพระเจ้าอยู่หัวดีกว่า พี่น้องที่เคารพ ผมขอกลับมาพูดเรื่องปัญหาเศรษฐกิจหน่อย เอาหอมปากหอมคอเรื่องการเมือง แค่นี้ก็จับ ก็นั่งเก้าอี้กันไม่อยู่แล้ว มันมีมากกว่านี้ แล้วก็พูดได้เรื่อยๆ ถ้าเรื่องไม่จบก็จะพูดต่อไปเรื่อยๆ แต่รับรองว่าเวทีเสื้อแดงชื่อว่า "ความจริงวันนี้" ไม่ใช่โกหกรายวัน นั่นมันเวทีอีกเวทีหนึ่ง โกหกรายวัน


 


 


ถกปัญหาเศรษฐกิจโลกทรุด อเมริกายุโรปมั่งคั่งลด 20% ถอยหลัง 7 ปี


พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจโลกน่ากลัวจากเคยเติบโต 5% ต่อปี แต่ปี 2009 นี้จะหดตัวติดลบ 1% ความร่ำรวย ความมั่งคั่งของประเทศที่เจริญแล้วได้แก่อเมริกาและยุโรปลดไป 20% นั่นคือ ความมั่งคั่งที่เคยมีในปี 2009 หดตัวลงเท่ากับปี 2002 นั่นคือว่าถอยหลังไป 7 ปี เพราะฉะนั้นกำลังซื้อของประชาชนด้านอเมริกาและยุโรปจะหดตัวลงไปอีกหลายปี เพราะก่อนเขาจะใช้ เขาจะเริ่มสะสมเงินใช้หนี้ ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่บริโภคนิยม เขาเจ๊งเพราะมีบ้านเอาบ้านไปจำนำ แล้วว่างๆ เศรษฐกิจดีขึ้น ตีราคาบ้านเพิ่มขึ้น กู้เพิ่มใหม่ เงินกู้ที่ได้เพิ่มแทนที่จะลงทุนก็เอาไปใช้เป็นส่วนใหญ่ เพิ่มแล้วเพิ่มอีก ผลสุดท้ายพอมันล้มลงตูม หางานทำไม่ได้ ตกงานกัน บ้านถูกยึด


 


เมืองไทยเราหรือแถวเอเชีย เป็นประเทศที่เน้นส่งออกเป็นหลัก ประเทศเรามีวัฒนธรรมแห่งการออมเงิน แต่ขณะนี้ผู้ออมถูกลงโทษ ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ เลิกเรียนมาแม่ก็ให้หยอดกระปุก ถึงเวลาเดือนเมษายนต้นปี ก็เอากระปุกไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน มันเป็นวัฒนธรรมที่สร้างกันมานาน แต่เสร็จแล้วอยู่ๆ เมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นกลับลดดอกเบี้ยเงินออมติดดิน แทบจะเหลือ 0% อยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันเงินกู้ยังสูงอยู่ เพราะฉะนั้นแบงก์ไม่จำเป็นต้องปล่อยกู้ ปล่อยนิดหน่อยพอ ปล่อยบริษัทใหญ่ๆ ปล่อยให้รัฐ แล้วในที่สุด เงินสินเชื่อหายหมด นั่นก็คือลงโทษเงินออมเพื่อช่วยสถาบันการเงินขนาดใหญ่ แล้ววันนี้เศรษฐกิจมันไปไม่ได้หรอก เพราะแบงก์ไม่ปล่อยกู้ ไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้น ทั่วโลกเป็นอย่างเดียวกันหมด เพราะเงินมันหายจากระบบ เพราะการขาดทุนของแบงก์ทั้งหลาย แล้วการเพิ่มทุนยังทำไม่ได้


 


 


โลกจะเกิดวิกฤตจ้างงาน ติง "มาร์ค" อบรมคนตกงานใช้งบประชาสัมพันธ์สูง


พี่น้องเชื่อไหมว่า ต่อไปข้างหน้ามันจะถูกเปลี่ยนจากคำว่า Financial Crisis หรือวิกฤตทางการเงิน เป็น Job Crisis คือเป็นวิกฤตทางการจ้างงาน เพราะคนจะตกงานมากขึ้น ILO หรือองค์กรแรงงานโลกเขาบอกว่า ภายในปี ค.ศ.2011 คนตกงานรวมกันทั้งโลก 30 ล้านคน วันก่อนผมได้ข่าวมาว่า วงการอุตสาหกรรมรถยนต์เมื่อเดือนมกราคมปลดคนงานไป 7,000 คน พอเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม ลดกำลังการผลิตแทนที่จะให้โอทีก็ไม่ให้โอที ทำให้คนที่มาจากบ้านนอกมีรายได้ไม่พอที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไป เพราะค่าเช่า ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ลดเวลาทำงานอีกต่างหาก ปรากฏว่าเขาปลดคนงานไป 7,000 แต่คนงานลาออกเองอีกหมื่นห้าพันคน


 


แต่วันนี้รัฐบาลกำลังจะมีโครงการฝึกอบรมคนตกงาน ค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะว่าหัวหนึ่ง 60,000 กว่า เขาจะให้เงินเดือน 4,800 บาท แต่ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ 180 กว่าล้าน ไม่รู้ประชาสัมพันธ์อะไรหนักหนา 180 ล้าน ภาคเอกชนเขาขอจ้างคนที่ทำงานไม่เต็มวัน เพื่อเป็นการสอนให้เขาทำงานให้เก่งขึ้น เขาใช้น้อยกว่าก็ไม่เอา


 


 


รัฐต้องใส่ใจปรับการลงทุน หลังศาลปกครองตัดสินมาบตาพุด ไม่ใช่กู้มาแจก


แล้ววันนี้ที่มาบตาพุด ล่าสุด ศาลปกครองเพิ่งตัดสินว่าที่พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่มลภาวะ นั่นก็คือ ต้องให้ท้องถิ่นวางกฎวางเกณฑ์ไม่ใช่ส่วนกลางเสียแล้ว นั่นหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าโครงการใหญ่ๆ ที่ลงทุนที่นั่น อาจต้องมีปัญหาเรื่องเทคโนโลยี เรื่องอะไรเยอะแยะไปหมด อาจต้องมีการปรับการลงทุน ซึ่งประมาณ 500,000 ล้านบาท สิ่งที่เหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องใส่ใจ ต้องเข้าไปรู้ วันนี้การกู้เงิน ไม่จำเป็นหรอก เงินทั้งหมด ถ้าจะกู้ หรือเงินที่จะต้องใช้ ต้องใช้เพื่อการลงทุนในการจ้างงาน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ไม่ใช่กู้มาใช้ กู้มาแจก กู้มาหาเสียง หาเสียงก็ไม่ได้เสียงจริงนะครับ เพราะมันทำไม่ได้ เพราะประชาชนมาก่อนแต่ต้องนั่งรอ


 


เศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้ นายกรัฐมนตรีบอกว่า 3 เดือนฟื้น 4 เดือนฟื้น พี่น้องครับ วันนี้เศรษฐกิจหกตัวขนาดนี้ เอาไม่อยู่หรอก เศรษฐกิจจะหดตัวปีนี้ 2-3% ไม่ได้ฟื้นอย่างที่ว่า ส่งออกลดไป 25% ในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์เราลงบัญชีว่าลด 11 แต่จริงๆ แล้วเราขายทองออกไป การขายทองคืออะไร มันไม่ได้เป็นการขายผลิตของเรา ไม่ใช่เป็นการส่งออก แต่เป็นการขายทรัพย์สิน เพราะตังค์ไม่มี เพราะฉะนั้นส่งออกลด 25% หมายความว่าเศรษฐกิจจะหดตัวอีก


 


 


เตือนคนชั้นกลาง-คนงานปกขาว รับมือพิษเศรษฐกิจ


กำลังการผลิตของทั้งโลกเวลานี้ลดลง 15-20% กำลังการผลิตของบ้านเราก็ลดลงอย่างมาก คนที่จะถูก Hit มากที่สุดในช่วงต่อไปนี้ ที่กำลังจะมาถึงนี่ล่ะ เพราะตอนนี้ที่โดนไปแล้วคือคนระดับล่าง แต่ที่กำลังจะมาถึงนี้คือคนชั้นกลางครับ เพราะบริษัทใหญ่ๆ ขาดทุนก็เริ่มลดคนงาน ลดพนักงานที่เป็น White Collar นี่แหละ พวกผูกไทด์ทำงาน จะต้องถูกลดออกไป และประการที่สองก็คือ คนชั้นกลาง ก็คือคนพวกทำธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือ SMEs นี่ละ เพราะฉะนั้นพวกนี้ก็จะลำบาก เพราะว่าธนาคารไม่ยอมเสี่ยงที่จะปล่อยกู้ให้ SMEs เพราะเนื่องจากว่า เงินฝากสามารถกดดอกเบี้ยต่ำ เงินกู้สามารถได้ดอกเบี้ยสูงมากก็ 6.5% แต่เงินฝากจ่ายแค่ 0.5% เพราะฉะนั้นธนาคารก็สบายๆ


 


พี่น้องครับ ถ้าเศรษฐกิจหดตัว ราคาสินค้าเกษตรตก แล้วคนตกงานจะไปให้ภาคเกษตรอุ้ม มันอุ้มไม่ไหวหรอก เพราะภาคเกษตรเป็นเพียง 10% ของจีดีพี แต่ภาคอุตสาหกรรมปาเข้าไปตั้ง 35% เพราะฉะนั้นภาคอุตสาหกรรมมีปัญหาให้ภาคเกษตรอุ้ม อุ้มไม่ไหวหรอกครับ เดี๋ยวผมจะคิดเรื่องทางออก เอาอาทิตย์หน้าค่อยคุยกันอีกทีเรื่องทางออก แต่วันนี้ขอเล่าปัญหาก่อนว่ามีปัญหาอย่างนี้


 


 


ลั่นพร้อมแก้ ปชป. สร้างหนี้ หากประชาชนต้องการ


แล้วปัญหาที่ตามมา ถ้าเศรษฐกิจโตไม่ได้อย่างนี้ นั่นก็คือหนี้สาธารณะจะพุ่ง ภายในสิ้นปี 2010-2011 อย่างช้า เราจะมีปัญหาด้านงบประมาณทันที นั่นคือหนี้สาธารณะขึ้นมาเกิน 50% ของจีดีพี พี่น้องครับ ไม่รู้เป็นกรรมหรือเปล่า คราวที่แล้วประชาธิปัตย์งูเห่ารอบแรกสร้างหนี้ไว้ ผมไปแก้ เที่ยวนี้งูเห่ารอบสอง เริ่มสร้างหนี้แล้ว แต่ไม่รู้พี่น้องจะให้ผมกลับไปแก้หรือเปล่า ถ้าพี่น้องพร้อม ผมพร้อมครับ


 


พี่น้องครับ อดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องสังคม ผมเป็นห่วงเด็กๆ มาก เรื่องยาเสพย์ติด เรื่องการศึกษา พ่อแม่ลำบากวันนี้ ลูกถึงแม้จะได้เรียนฟรี แต่พ่อแม่บางทีก็ไม่มีสตางค์ให้ค่าขนม ทุนการศึกษา เงินหวยบนดินดีๆ แต่วันนี้ต้องมาลงโทษรัฐมนตรีเรื่องหวยบนดิน เพราะอะไร อาจทำตามคำขอของพันธมิตรฯ เพราะพ่อค้าหวยต่างจังหวัด พ่อค้ายา มาเฟียปล่อยเงินกู้ คนเหล่านี้คือคนได้รับผลจากการจัดระเบียบให้ประเทศเข้าสู่ระบบที่ตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนได้รับความคุ้มครองดูแล แต่คนเหล่านี้ก็ไปรวมตัวกันเป็นพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ จริงๆ เริ่มต้นด้วยกลุ่มเสียผลประโยชน์ แต่ตอนหลังมาก็ถูกทหารเอาไปใช้ เพื่อเป็นเครื่องมือจะได้หาเหตุปฏิวัติ ความจริงแล้วทหารส่วนใหญ่เป็นคนดี เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องสิ่งเหล่านี้ แต่เขาเป็นคนมีวินัย ถึงแม้จะมี พล.อ. ที่เป็นหัวหน้าเขาโง่ๆ แต่เขาสั่งมาก็ต้องทำไป มันเป็นอย่างนั้น


 


เหตุการณ์วันนี้ ภาคใต้ก็ยังไม่ดีขึ้น เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีขึ้น ยาเสพย์ติดก็แย่ อาชญากรรมโจรผู้ร้ายนับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ บอกกับรัฐบาลเถอะ อย่ามัวเล่นหมากรุกมีชีวิต โดยการย้ายข้าราชการเตะไปเตะมา มึงพวกกู กูพวกมึง ไม่มีหลักมีเกณฑ์ เพื่อที่จะกดดันบังคับให้ข้าราชการสนองตอบในการแสวงประโยชน์ ในการแสวงหาอำนาจทางการเมือง แล้วจะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะข้าราชการเขามีวัฒนธรรมใหม่แล้ว วัฒนธรรมที่เรียกว่าไม่ทำแล้วไม่ผิด เพราะฉะนั้นอย่าทำเลยจะได้ไม่ผิด เพราะทำไปแล้ว เดี๋ยวย้ายข้างมีปัญหาอีก แล้วจะอยู่กันอย่างไร พี่น้องครับ ผู้พิพากษาส่วนใหญ่เป็นคนดีมีอุดมการณ์ เขาเลือกเป็นผู้พิพากษาเพราะเขาเป็นคนรักความยุติธรรม แต่บางคนเท่านั่นที่ทำให้ระบบที่สร้างกันมาเป็น 100 ปี เสียหาย วันนี้ผมอยากให้คนส่วนใหญ่ กดดันคนส่วนน้อย ให้เลิกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้แล้ว ขอให้ความถูกต้องกลับคืนสู่ประเทศไทยเถิด


 


 


ถ่อมตัวเป็นแค่อานิสงส์จากที่ประชาชนไม่พอใจความไม่เป็นธรรม


ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่เป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนา ดินแดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนแห่งความร่มเย็นเป็นสุข วันนี้เราพูดที่นี่ เราพบกันที่นี่ ถึงแม้ผมจะพูดชัดขึ้น แต่เป้าหมายปลายทางของผม คือ อยากเห็นความสันติสุข ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กลับคืนสู่ประเทศไทย เราขอพึ่งบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในภาคเหนือ พี่น้องผ่านไปช่วยกราบแทนผมด้วยนะครับ ผมขอฝากด้วย เพราะผมไม่มีโอกาสได้กราบเอง


 


แต่ผมพร้อม ถ้าพี่น้องเอาผมกลับเมื่อไหร่ ผมจะขอทำงานชดใช้กำลังใจที่พี่น้องทุ่มให้ผม พี่น้องมีหัวใจรักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ผมมันเป็นเพียงอานิสงส์ที่ประชาชนไม่พอใจความไม่เป็นธรรม ประชาชนไม่พอใจที่ประชาธิปไตยถูกปล้น แม้กระทั่งคนจนอย่างลุงนวมทอง ยังยอมเสียสละชีวิต เพื่อสะท้อนให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นว่าประชาธิปไตยมันมีค่ามากกว่าชีวิตลุงนวมทองเสียอีก


 


พี่น้องที่เคารพครับ วันนี้เห็นหน้าผมจริงๆ พี่น้องดูหน้า ดูตา พี่น้องจะรู้ใจผม ว่าผมถึงแม้จะเจ็บ แต่ก็ไม่เท่ากับสิ่งที่พี่น้องได้รับ จากผลพวงของการที่บ้านเมืองยุ่งเหยิงทุกวันนี้ ผมอยากขอให้ทุกคนให้กลับมาช่วยกันแก้ดีกว่า ถ้าเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ เมื่อเราแก้ร่วมกันได้ คนไทยทั้งประเทศจะเกิดความผาสุก พระเจ้าอยู่หัวของเราก็จะมีความสุขพระทัย แล้วศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลกจะกลับคืนมา ไม่ต้องเสียค่าโฆษณานายกรัฐมนตรีเลย เพียงแต่กระทำบนหลักการที่ถูกต้องเท่านั้นเอง พี่น้องครับวันนี้ผมต้องขอกราบขอบพระคุณพี่น้องชาวเสื้อแดง


 


 


ลั่นเสื้อแดงไม่อยากเห็นสองมาตรฐานหน้าด้านๆ และขอลบคำสบประมาทที่ถูกกล่าวหา


จากนั้นนายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวว่า มีสำนักข่าวบางสำนักในประเทศไทยไม่เชื่อว่านี่คือการออกสด เขาบอกว่าเราแหกตาประชาชน ด้วยการไปแอบถ่ายวิดีโอแล้วมาออกอากาศ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถามว่าจะให้ผมแสดงท่าอะไรไหม นายวีระกล่าวว่าผมจึงสนทนากับท่านแล้วชวนร้องเพลง พ.ต.ท.ทักษิณถามว่าเอาเพลงอะไรดีครับ มนต์เมืองเหนือไหม หรือสักขีแม่ปิง แต่นายวีระ จะขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องท่อนแรกของเพลงมาร์ชแดงทั้งแผ่นดิน


 


โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราจะต้องแสดงพลัง พวกเรานี้ อาจจะไม่ใช่ผู้ลากมากดีอะไร แต่พวกเราเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่เห็นใจและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ เพียงแต่มนุษย์กลุ่มของเราสีแดงนี้ บอกว่าเราอยากได้ประชาธิปไตย เราอยากได้ความเป็นธรรมกลับคืนสังคม เราไม่อยากเห็นสองมาตรฐานอย่างหน้าด้านๆ พี่น้องครับเราจะต้องรวมพลังกัน เจ้านายของเราคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า เป็นผู้มีพระเมตตา เราต้องทำในสิ่งที่ดี เพื่อให้ลบคำสบประมาท กล่าวหาพวกเรามาโดยตลอด


 


 


แย้มจะพูดเรื่องทางออกประเทศไทย เมื่อชุมนุม กทม.


วันที่พี่น้องเข้าไปที่กรุงเทพฯ ผมจะพูดเรื่องทางออกให้กับประเทศไทย ผมไม่ต้องการสร้างปัญหา แล้วก็บรรดาพวกข้าราชการทั้งหลายไม่ต้องเอาใจฝ่ายการเมือง ไม่ต้องมาพูดหรอกว่าผมกำลังสร้างปัญหาให้บ้านเมือง สร้างความแตกแยก ก่อนจะสร้างความเป็นปึกแผ่น มันต้องเอาความจริงมาตีแผ่ ไม่ใช่มั่วๆ บอก เออ กอดคอกันเถอะ กอดคอกันเถอะ ไม่มั่วๆ ลองจับคนสองคนไปอยู่ด้วยกันสิ เดี๋ยวมันก็เลิกกัน ต้องให้มันเผยความจริง ความรัก ความในใจออกมาก่อน วันนี้สีแดงต้องการความเป็นจริงใช่ไหม เพราะฉะนั้น ผมจะพูดความจริงลึกขึ้นๆ เพราะผมต้องการให้คนไทยได้รู้ เกิดอะไรขึ้น ผมถึงโดนไล่ตะครุบอยู่ขนาดนี้ ไล่ตะครุบไม่เจอ ก็เผาบ้านเอา มันเรื่องอะไร ผมเป็นคนพูดรู้เรื่อง ถ้าไม่พูดกันก็รู้เรื่อง ถ้าไม่พูดกันก็ไม่รู้เรื่องก็ได้


 


ในช่วงท้ายนายวีระและแกนนำปราศรัย ได้ทวงเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะร้องเพลง โดย พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่าผมความจำดี แต่เรื่องเนื้อเพลงปัญญาอ่อนมาก จำเนื้อเพลงไม่ได้ ถ้าเป็นคาราโอเกะขึ้นมาละก็ร้องได้ทุกเพลง แต่เสียงไม่ค่อยดีนะ นายวีระก็ตอบว่าก็พวกผมก็เหมือนกันร้องไม่ได้เหมือนกันต้องอ่านเอา ถ้าให้ร้องโดยไม่อ่านจอก็เสร็จเหมือนกัน


 


จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวลาผู้ชุมนุม และบอกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กับกลุ่มเสื้อแดงต่างกันสิ้นเชิง ไม่ใช่สี หัวใจก็ต่างกัน เพราะเราไม่ได้แค่ชื่อประชาธิปไตย แต่เรารักประชาธิปไตยแท้จริง เราพูดความจริง ไม่ยอมโกหก แล้วเราไม่ก้าวร้าว เรามีมารยาท ขอให้พี่น้องเสื้อแดงรวมพลังให้เป็นปึกแผ่น จนกว่าประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่แผ่นดินไทย จนกว่าระบบสองมาตรฐานจะหายไป จนกว่าความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นในประเทศไทย


 


 


"มาร์ค" อ้างเคยเห็นเอกสาร "แผนตากสิน" วอนคนป่วนให้คำนึงความเสียหายประเทศ


ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 มีนาคม ถึงการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ และลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ว่าได้พิสูจน์ตลอดเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาคือไม่ทะเลาะกับใคร รัฐบาลไม่เป็นคู่กรณีกับใคร เคารพและรับฟังทุกเสียงจริงๆ แม้แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล โดยได้ติดตามข้อเรียกร้องและคดีความต่างๆ ตลอด ขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับสีเสื้อ แต่ต้องรักษาความถูกต้องในบ้านเมืองตามกฎหมาย


 


"ขอเชิญชวนทุกคนมาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศ ถ้าผมแก้ปัญหาสำเร็จ ผลประโยชน์ไม่ได้ตกกับผม แต่ตกอยู่กับประชาชน ผมไม่เอาอะไรกลับบ้านไป และผมก็อยู่ตรงนี้ในเวลาที่จำกัด เพราะเดี๋ยวนี้รัฐธรรมนูญชัดเจนอยู่แล้ว ต่อให้คนสนับสนุนท่วมท้นอย่างไร ก็มีเวลาจำกัด ผมไม่คิดอะไรมากกว่านี้ ถือว่าผมมาทำหน้าที่ในการชดใช้บุญคุณที่แผ่นดินนี้มีให้กับผม ท่านที่ยังอยากที่จะแสดงออกคัดค้าน ผมเปิดโอกาส แต่ขอว่าอย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ อย่าทำให้นโยบายหลายอย่างแทนที่จะไปถึงมือประชาชน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นมาได้ๆ  รับผลกระทบเท่านั้นเอง" นายอภิสิทธิ์กล่าว


 


นายอภิสิทธิ์ยังตอบคำถามผู้ดำเนินรายการถึงรายงานข่าวเรื่องแผนตากสินเพื่อล้มล้างรัฐบาลบ้างหรือไม่ ว่า คงไม่ใช่สิ่งที่ตนอยากจะมายืนยันว่ามี หรือไม่มีจริง แต่ก็เคยเห็นว่ามีเอกสาร มีคนที่อาจจะมีความคิดนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันกว้างขวางแค่ไหน ก็เป็นห่วงอยู่หากมีแนวคิดอย่างนั้น ถ้าทำอะไรที่มันรุนแรง ผิดกฎหมาย มันอาจจะสะใจคนบางกลุ่ม แต่มันเสียหายคนทั้งประเทศ ดังนั้นก็ไม่อยากให้ทำ


 


นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปการเมือง หลังสถาบันพระปกเกล้าตอบรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการนั้น ว่า คาดว่าจะมีโอกาสพูดคุยกับฝ่ายค้านในสัปดาห์นี้ ซึ่งเท่าที่ทราบฝ่ายค้านก็ต้องการเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปการเมือง แต่ถ้ามีข้อเสนอที่ดีกว่าการให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพ ตนก็ยินดีรับฟัง


 


หมายเหตุ


เรียบเรียงเพิ่มเติมจาก: มติชน ไทยรัฐ เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ คมชัดลึก



ข่าวที่เกี่ยวข้อง


"สุรยุทธ์" ลั่นไม่เกี่ยวรัฐประหาร ไม่กังวล "ทักษิณ" พาดพิง


http://www.prachatai.com/05web/th/home/16039

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net