Skip to main content
sharethis

เว็บไซต์แนวหน้ารายงานว่า เมื่อเวลา  15.30น. ที่อาคารรัฐสภา 3  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคณะรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกรัฐมนตรี  นายพีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ  นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย  นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง


 



ภายหลังการประชุมนาน 2 ชั่วโมง  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนพัฒนา ซึ่งจะมีหลักสำคัญคือจะเร่งพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว คือ 1.สนับสนุนในเรื่องของการยกระดับรายได้ของประชาชนในพื้นที่ แต่จะอิงอยู่กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาให้ลึกลงไปในระดับหมู่บ้านและชุมชน 2.ทำในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และการดูแลของการปฏิบัติภารกิจของทุกหน่วยงานของภาครัฐในพื้นที่  3.เรื่องการพัฒนาคนที่จะมีแผนการศึกษาและสาธารณสุข  และ 4.การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหลักๆตั้งแต่ในระดับพื้นที่จนถึงการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน


 



นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แผนทั้งหมดรัฐได้มองถึงการลงทุน 3 ปีเป็นเงินประมาณ 76,000 ล้านบาท โดยได้ตั้งเป้าไว้บางเรื่อง เช่น รายได้ของประชาชนในพื้นที่ต่อครัวเรือน เฉลี่ยแล้วจะต้องสามารถเพียงพอต่อการดำรงชีวิต เพราะพื้นที่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีความยากจนค่อนข้างสูง เรื่องของบุคคลที่ขาดอาชีพซึ่งต้องได้รับการฝึกอาชีพ เป็นต้น นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการฯได้ติดตามสิ่งที่ได้จากการลงพื้นที่ พบว่าการสะสางปัญหาหลายเรื่องค่อนข้างเรียบร้อยแล้ว เช่น การค้างจ่ายเบี้ยเสี่ยงภัย ปัญหาการเยียวยาที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ครอบคุลมบางคน การดูแลเรื่องโรงพยาบาลนราธิวาส ก็จะยกระดับขึ้นมา การสนับสนุนเรื่องห้องเย็น รวมถึงความกังวลเรื่องอัตรากำลัง หรือกรณีโครงสร้าง เช่น การศึกษาเอกชนที่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว ฉะนั้นถ้าเดินหน้าได้เต็มที่ และคิดว่าแผนที่จะมาปรับปรุงรายละเอียดก่อนเสนอต่อที่ประชุมครม.อีกครั้ง จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงาน


 



เมื่อถามว่างบประมาณ 76,000 ล้านบาทที่จะถูกนำลงไปพัฒนาภาคใต้ จะสามารถนำสันติสุขคืนสู่ภาคใต้ได้หรือไม่  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้เห็นว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับความเป็นธรรมและความเอาใจใส่ดูแล รวมถึงได้รับโอกาส ซึ่งจะทำควบคู่กับงานด้านอื่นด้วย ทั้งนี้ เราก็คาดหวังว่าถ้าสามารถทำได้ตามกรอบนี้ภายใน 3 ปี จะไม่ทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ แต่เป็นการทำงานที่หนัก และต้องยอมรับว่ารัฐบาลมาในภาวะที่มีปัญหาเศรษฐกิจเข้ามาแทรกซ้อน แต่คิดว่าจะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์


 



ต่อข้อถามว่ามีการตั้งรับหรือไม่ถ้ารัฐบาลเข้าไปพัฒนาแล้วฝ่ายตรงข้ามสร้างความรุนแรงมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่าสำหรับคนบางกลุ่มอาจจะเป็นไปด้วยความเชื่อหรือเหตุผลอื่นใดที่จะมีการต่อต้าน และอาจจะมีการต่อต้านที่แรง ตนเชื่อว่าที่สุดแล้ว ถ้าเราทำให้คนส่วนใหญ่เห็นถึงสิ่งที่รัฐกำลังทำนั้นเป็นการสร้างโอกาสของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง ก็เชื่อว่าคนส่วนน้อยจะไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้มาก อย่างไรก็ตาม แม้รัฐจะพยายามเข้าไปพัฒนาในครั้งนี้ แต่ยังไม่ถือว่าได้ใจมวลชน แต่ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำงานกันอย่างหนักที่จะพิสูจน์และทำให้รู้ลึกลงไปถึงระดับชุมชนและหมู่บ้าน


 



ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามแผนและกรอบงบประมาณปี 2553-2555 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ให้หน่วยงานต่างๆจัดทำเป็นแผนแล้วรายงานต่อที่ประชุมเพื่อใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้นำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้



 


เมื่อถามว่าแผนการทำงานจะสามารถคลี่คลายปัญหาภาคใต้ได้มากน้อยแค่ไหน  ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนยืนยันว่านโยบายใช้การเมืองและการพัฒนาจะสามารถแก้ปัญหา ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ในพื้นที่ถือว่าดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่จะได้ผลเป็นที่น่าพอใจแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่ว่าประชาชนจะตอบสนองอย่างไร


 



ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามแผนพัฒนาหรือไม่  พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดคุยและเห็นตรงกันว่าถ้าแก้ปัญหาโดยการเมืองและการพัฒนา ไม่ใช่การทหาร ก็น่าจะได้ผล เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน เนื่องจากประชาชนตอบสนองต่อโครงการต่างๆของรัฐบาลและได้มีส่วนร่วม แสดงให้เห็นว่าเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ ซึ่งตรงนี้ ถือว่าเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง


 



เมื่อถามว่าที่ประชุมได้หารือหรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะต้องลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเองหรือไม่  ผบ.ทบ. กล่าวว่า นายกฯกล่าวในที่ประชุมว่าถ้ามีเวลาที่เหมาะสม จะลงไปดูด้วยตัวเอง


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net