Skip to main content
sharethis

 






การเมือง


เพื่อไทย ลุยยื่นกรมสรรพากรขีดเส้น 30 วัน ฟัน ปชป. เงิน 258 ล้าน เผย 20 รายชื่อ รับเงินไซฟ่อน


ที่พรรคเพื่อไทยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย และเครือข่าย ร่วมแถลงข่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีของบุคคลต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ในกรณีการโอนเงินของบริษัทเมซไซอะบิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ของบริษัทได้รับเงินจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) จำนวน 258 ล้านบาท และเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินจาก กกต. 23ล้านบาท ประจำปี 2547-2548 ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ชี้ให้กรมสรรพากรเห็นว่าบุคคลเหล่านี้มิได้รับเงินไว้เอง แต่รับไว้แทนผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์บางคนในขณะนั้น


โดยรายชื่อบุคคลที่ได้รับเงินมีจำนวน 27คน ดังนี้ 1. นางพัชรภรณ์ ติระเลิศพาณิชย์ ได้รับ 20ล้านบาท 2.นายมานพ น้าสุวรรณ 19ล้านบาท 3.ประมูล หอมหวน 15.943ล้านบาท 4.นายปัญญา ประสงค์ 14.605ล้านบาท 5.นายณัชพล จิรสุทธิกุล 12.607ล้านบาท 6. นางมาลี ปัญญรักษ์ 10ล้านบาท 7.น.ส.จันทร์จิรา ศรีหบุตร9.9ล้านบาท 8.นายจักริน พงษ์พันธ์ 3.1ล้านบาท 9.นายมนูญ สายอ๋อง 3.6ล้านบาท 10.นายสวัสดิ์ สังขาว 9ล้านบาท 11.น.ส.ธิทาภรณ์ ศักดิ์สกุล 7.305 ล้านบาท 12.น.ส.รัตติยา ละอองจิปดา 7.2ล้านบาท 13.น.ส.อาภรพร เอกอุรุ 3.6ล้านบาท 14.นายอัฎกร พระธาตุ 3.6ล้านบาท 15. นายสมศักดิ์ เอกอุรุ 1.8ล้านบาท 16.นายโชคชัย 3.8ล้านบาท 17.น.ส.พรทิวา (ไม่ทราบนามสกุล)1.8ล้านบาท 18.น.ส.ฐิติมา พูลเพิ่ม 5แสนบาท 19.นายดิเรก ประสงค์ 1.8ล้านบาท 20.นายรังสิต สังขาว 1.8 ล้านบาท 21.นางรัตน์ พงษ์พันธ์เกธา 1.2ล้านบาท22.นายวิรัล ธาวะนันท์ 1.9ล้านบาท 23.นายอนุรักษ์ สังกุล 3.6ล้านบาท 24.น.ส.สิรินารถ (ไม่ทราบนามสกุล)25.สุนทรี ถาวรย์ 1.8ล้านบาท น.ส.26.ไม่ทราบรายชื่อ 1.8ล้านบาท 27.นางศิริลักษณ์ ไม้ไทย ไม่ทราบจำนวนเงินที่ชัดเจน โดยพรรคจะให้เวลากรมสรรพากรในการดำเนินการ 30 วัน


ที่มา: http://www.naewna.com


"เฉลิม"ประณาม ปชป. สั่งสอบ ดีเอสไอ เย้ย คลิป"สนธิ ลิ้ม"เวอร์จิเนีย สรุปชัด


ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีเงิน 263 ล้านบาทว่า ขอประณามการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ที่เล่นการเมืองไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรมกับข้าราชการ พยายามเข้าไปตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ทั้งๆที่ดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่า เรื่องเงิน 263 ล้านบาทนั้นจำเป็นที่ดีเอสไอต้องส่งเรื่องให้กกต. เพราะเกี่ยวข้องกับการบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ซึ่งเป็นการรับเงินบริจาคแล้วไม่แจ้ง


"ผมสงสาร และสมเพชโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะกำลังโยนความผิดให้คนอื่น พรรคประชาธิปัตย์พอเห็นว่าเขากำลังจะสอบตัวเอง จึงไปสอบสวนเขาบ้าง เบี่ยงเบนประเด็น ดังนั้น ขอให้กำลังใจกรมสอบสวนคดีพิเศษในการทำงานต่อไป "ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว


ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวอีกว่า ส่วนที่รองปลัดกระทรวงยุติธรรมจะเรียกไปสอบนั้น ก็ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าจะถามเรื่องข้อมูลว่าได้มาจากไหน ก็เสียเวลาเปล่า เพราะยืนยันว่า"ข้อมูลของผมมีก่อนที่ดีเอสไอจะมี"


เมื่อถามถึงการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านวีดีโอลิงค์ พาดพิงถึงองคมนตรีนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ทุกคนก็รู้เท่ากันอย่างที่ท่านพูด เรื่องนี้ไม่อยากแสดงความเห็น ขอทำหน้าที่ของตัวเองในสภา แต่อยากจะทิ้งท้ายเป็นปริศนาว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปพูดที่เวอร์จิเนีย


"ถ้าใครได้ดูคลิปตรงนั้นจะสรุปได้เลยว่าอะไรเป็นอะไร ไอ้หัวโตไปพูดไกลถึงที่นั่นแล้วไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายคลิปเอาไว้"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว


นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวอีกว่า ตนจะยื่นกระทู้ถามสด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันพฤหัสที่ 2 เม.ย.ด้วย โดยปฎิเสธที่จะพูดรายละเอียดบอกให้ไปรอฟังในสภาสัปดาห์นี้


ที่มา: http://www.naewna.com


สรรพากรรับเรื่องสอบเงิน ปชป.258 ล้านแล้ว


นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับเรื่องการให้ตรวจสอบการเสียภาษีของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงิน 258 ล้านบาท และเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกจำนวน 23 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดกว่า 27 รายนั้น โดยในเรื่องนี้เบื้องต้นได้รับเอกสารไว้ทั้งหมดจากนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แล้ว อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรคงไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากน้อยเพียงใด แต่กรมสรรพากรจะดำเนินการตามขั้นตอนตามปกติและข้อบังคับของกฎหมาย


ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยจะให้เวลากรมสรรพากรเพียงแค่ 30 วันนั้นคงจะดำเนินการให้ไม่ได้ เพราะจะต้องตรวจสอบตามข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่าที่ขอมา


ที่มา: http://www.posttoday.com


 






การศึกษา


4เมษารู้ผลโอเน็ต-เอเน็ต ดูทางเว็บสทศ.เหมือนเคย


เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 52 นางอุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สทศ.ได้ตรวจข้อสอบผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ปีการศึกษา 2551 ของนักเรียน ป.6 ม.3 และ ม.6 เสร็จสิ้นแล้ว พร้อมจัดส่งผลสอบของนักเรียน ป.6 และ ม.3 ไปให้โรงเรียน ส่วนผลสอบของนักเรียน ม.6 ที่กำหนดประกาศผลสอบวันที่ 10 เม.ย.ผ่านทางเว็บไซต์ สทศ.ที่ www.niets.or.th แต่เนื่องจากตรวจเสร็จเร็วจึงเลื่อนประกาศผลเร็วขึ้นเป็นวันที่ 6 เม.ย.และเปิดให้ผู้ที่ต้องการยื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบโอเน็ต ม.6 ของตนเองช่วงวันที่ 7-9เม.ย. ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียมในการขอดูกระดาษคำตอบวิชาละ 20 บาทต่อคนต่อวิชา จากนั้น สทศ.จะนัดให้มาดูกระดาษช่วงวันที่ 9-11 เม.ย. หรือสอบถามรายละเอียดผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 0-2975-5599


สำหรับข้อสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ(PAT) ครั้งที่ 1 เพื่อใช้ประกอบระบบแอดมิสชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2553 อยู่ในขั้นตอนการตรวจทานความถูกต้อง และคาดว่าจะประกาศผลได้เร็วขึ้น จากที่กำหนดไว้วันที่ 30 พ.ค.52 ทั้งนี้ สทศ.ได้เพิ่มจำนวนเครื่องตรวจกระดาษคำตอบเป็น 20 เครื่อง จึงทำงานเสร็จเร็วขึ้น


ด้านนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การประกาศผลสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) ประจำปี 2552 มีแนวโน้มคงจะเลื่อนการประกาศผลสอบได้เร็วขึ้นเช่นกัน คาดว่าจะเป็นวันที่ 4 เม.ย.นี้ จากเดิมที่กำหนดไว้วันที่5 เม.ย. เพราะขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบขั้นสุดท้าย


ที่มา: http://www.siamrath.co.th






คุณภาพชีวิต


เตือน44จังหวัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน


นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เปิดเผยจากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา โดยคาดว่า ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม - 3 เมษายนนี้ จะมีความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทย ประกอบกับมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย เกิดสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้เกิดพายุฤดูร้อนได้ ดังนั้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสานให้ 44 จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรีฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก ตาก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่


ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมการป้องกันอันตรายจากสภาวะอากาศแปรปรวน และพายุฤดูร้อนที่อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินในระยะ 3-4 วันนี้ ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านและเครือข่ายวิทยุสมัครเล่นในพื้นที่อย่างรวดเร็ว พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง


นายอนุชา กล่าวต่อว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที รวมทั้งสั่งการให้มิสเตอร์เตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ แจ้งเตือนประชาชน รวมทั้งรายงานข้อมูลสถานการณ์ภัยให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันที


นอกจากนี้ ยังได้กำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของป้ายโฆษณา สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้ริมสองข้างทาง หากพบว่า ไม่ปลอดภัย ให้ดำเนินการรื้อถอน หรือแก้ไขปรับปรุงให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ทั้งนี้หากสถานการณ์รุนแรง ให้จัดเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์เครื่องจักรกล เข้าควบคุมสถานการณ์ในทันที


อย่างไรก็ตามอยากฝากเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 44 จังหวัด ติดตามพยากรณ์อากาศและระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฤดูร้อน โดยดูแลบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ เสาไฟฟ้าที่อยู่บริเวณรอบบ้านให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรง ตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่ไม่แข็งแรง เพราะอาจหักโค่นมาทับบ้านเรือนได้


ตลอดจนจัดเก็บสิ่งที่สามารถปลิวได้ในที่มิดชิด โดยเฉพาะในขณะที่เกิดพายุ ไม่ควรอยู่กลางแจ้ง ไม่หลบพายุใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างหรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เพราะเสี่ยงต่อการถูกล้มทับ ให้หลบในอาคารที่มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งอยู่ให้ห่างจากวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าทุกชนิด งดใช้เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้าในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่า


ส่วนเกษตรกรให้ดูแลและจัดทำที่ค้ำยันต้นไม้ให้แข็งแรง เพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วน


ที่มา: http://www.komchadluek.net


กฟภ.เตือนโจรฉก ทรัพย์สินสาธารณะ


ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาคพบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพแอบลักขโมยสายไฟฟ้า และบางกลุ่มอ้างว่าสามารถดัดแปลงมิเตอร์ หรือแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อลดค่าไฟฟ้าโดยทำให้หน่วยการใช้กระแสไฟฟ้าลดลง และทำให้เสียค่าไฟฟ้าน้อยลง


นายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการกฟภ.จึงขอเตือนผู้ใช้ไฟฟ้าอย่าหลงเชื่อ เพราะนอกจากต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแล้ว ท่านยังต้องเสียค่าปรับและค่าอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ตามระเบียบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและตามกฎหมาย ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเรียกร้อง รวมทั้งอาจถูกงดจ่ายกระแสไฟฟ้า และยังถูกดำเนินคดีอาญาฐานลักทรัพย์หรือทำให้เสียทรัพย์อีกด้วย


ดังนั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงขอความร่วมมือมายังผู้ใช้ไฟฟ้า หากพบบุคคลใดมาติดต่อหรือแอบอ้างว่าเป็นพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อรับจ้างดัดแปลงมิเตอร์หรือแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้า แอบลักขโมยสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า โปรดแจ้งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ของท่าน หรือหมายเลข 1129 ทราบทันที เพื่อช่วยกันรักษาผลประโยชน์ และทรัพย์สินของส่วนรวม


ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod






เศรษฐกิจ


ห้างยักษ์รับเละเช็คช่วยชาติ


นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีลูกค้านำเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท มาใช้บริการและซื้อสินค้าในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเครือเซ็นทรัลทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เซ็น โรบินสัน ท็อปส์ ซูเปอร์ สปอร์ต บีทูเอส เพาเวอร์บาย โฮมเวิร์ค และออฟฟิศ ดีโปที่มีสาขาเปิดกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 400 แห่งเป็นจำนวนมาก โดยท็อปส์มีสัดส่วนลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากที่สุดถึง 60% รองลงมาคือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 20% ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 15% ที่เหลือ 5% กระจายไปในค้าปลีกกลุ่มอื่นๆ


"มั่นใจว่าหลังจบแคมเปญตลอด 38 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.-1 พ.ค. 52 นี้ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกของเครือเซ็นทรัลจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 5% หรือมากกว่า 1,000 ล้านบาทตามเป้าหมายแน่นอน เพราะฐานลูกค้าของบริษัทในเครือที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท อยู่ประมาณ 10-20% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด"


นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทเอกชัย ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ในส่วนของเทสโก้ โลตัสถือว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าผู้ได้รับเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลแจกให้กับประชาชน เนื่องจากเป็นค้าปลีกที่เน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกเป็นหลัก  และมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งถึงปัจจุบันมีลูกค้านำเช็คช่วยชาติมาแลกซื้อสินค้าแล้วหลายหมื่นฉบับ  ตั้งเป้าตลอดทั้งแคมเปญวันที่ 26 มี.ค.-26 เม.ย.นี้ จะมีกลุ่มลูกค้านำเช็คช่วยชาติมาใช้จ่ายที่เทสโก้ โลตัสมากถึง 10-15% ของจำนวนผู้ได้รับเช็คทั้งหมด


นางสาวฤดี เอื้อจงประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าจะมีผู้นำเช็คมาใช้จ่ายที่บิ๊กซีประมาณ 20% ของจำนวนผู้ได้รับเช็คช่วยชาติทั้งหมด


ที่มา: http://www.thairath.co.th

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net