Skip to main content
sharethis


8 เม.ย.52  ภายหลังการกลุ่มคนเสื้อแดงออกแถลงการณ์การชุมนุมฉบับที่ 1 เวลาประมาณประมาณ 21.30 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้อธิบายข้อเรียกร้องตามแถลงการณ์เพื่อความชัดเจนว่า ข้อเสนอที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องว่า จากเดิมที่เรียกร้องเพียงแค่ให้รัฐบาลลาออก ยุบสภา นั้น ต่อมาเมื่อมีการเปิดโปงการทำรัฐประหารอย่างเป็นทางการให้รู้ว่าองคมนตรีบางส่วนมีความเกี่ยวข้องด้วย กลุ่มคนเสื้อแดงจึงได้มีข้อเรียกร้องให้องคมนตรีลาออกเพิ่มไปด้วย โดยในข้อนี้เราไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อความบริสุทธิ์ผ่องแพ้วของสถาบันองคมนตรี เรากระทำด้วยความจงรักภักดีแท้ๆ และบริสุทธิ์

 


"ต้องย้ำว่าเราใช้คำว่า "ให้พิจารณาตัวเองลาออก" เพราะบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญระบุว่า การแต่งตั้งและการพ้นจากตำแหน่งขององคมนตรีนั้นเป็นอำนาจหรือพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์ ดังนั้น เราจะไปแสดงความคิดเห็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากใช้สิทธิความเป็นประชาชนพูดกับประชาชนที่เป็นองคมนตรีว่า ให้พิจารณาตัวเองลาออก ซึ่งเราสามารถพูดได้"


 


นายวีระ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อสามต้องอธิบายมากหน่อย โดยแถลงการณ์เขียนไว้ว่า "การบริหารราชการแผ่นดิน ดำเนินไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" วรรคนี้ต้องบอกว่า เนื่องจากเราเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก และสมมตินายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยอมลาออก ก็ต้องสรรหานายกรัฐมนตรีกันใหม่ตามธรรมดา หมายความว่าต้องไปโหวตกันในสภา เขียนไว้เช่นนี้เป็นการกันท่าไว้ไม่ให้มีการขอพระราชทานมาตรา 7 อีก และเมื่อซาวเสียงในสภา คนเสื้อแดงจะเป็นผู้กำกับที่จะคอยเฝ้าดู และส่งเสียงไปว่า เพื่อความเป็นธรมหากจะเลือกนายกฯ คนใหม่ ก็ให้พรรคใหญ่สองพรรคสละสิทธิ์ เพราะต่างฝ่ายก็คงต่างไม่ยอมกัน แล้วให้นายกฯ คนกลางเข้ามา ซึ่งต้องเป็น ส.ส.ในสภา และกำหนดให้นายกฯ นั้นมีภาระหน้าที่ไปทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยภายใน 45 วัน เสร็จแล้วเลือกกันใหม่ นี่เป็นหนทางออกที่ละมุนละไมที่สุดที่คิดว่าควรจะเป็น


 


สมมติต่อไปว่า ได้นายกฯ คนกลางแล้ว ก็ต้องมีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้ดีขึ้นตามหลักสากล โดยต้องมีการปรึกษาหารือระหว่างนักประชาธิปไตยผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิดชูระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์ เหตุที่ต้องเน้นระบุเช่นนี้ก็เพื่อกันนักวิชาการที่เป็นเครื่องมือของ คมช.ทั้งหลาย ไม่ว่าสถาบันใดก็ตามที่ร่างร่างรัฐธรรมนูญ 50 มาอย่างเลวร้ายและถือว่าไม่เชิดชูประชาธิปไตย จะเอาคนเหล่านี้มาทำไม่ได้


 


หากจะจัดทำรัฐธรรมนูญกันโดยรวดเร็วก็มี 2 วิธี คือ 1.รัฐบาลที่มาใหม่ออกเป็นพระราชกำหนด ด้วยสถานการณ์วิกฤตทางการเมือง เศรษฐกิจ จึงมีเหตุจำเป็นให้ออก พ.ร.ก.ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 50 แล้วกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 40 หรือ 2.ถ้าใช้วิธีรัฐสภา ก็มีร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญคาอยู่แล้วร่างหนึ่ง คือร่างของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือ คปพร. นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ รัฐสภาอาจหยิบวาระนี้ขึ้นมาพิจารณาได้ โดยร่างนี้เนื้อหาท่อนล่างทั้งหมดเหมือนรัฐธรรมนูญ 40 แต่เน้นว่าจะไม่มีการแก้ไขเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของคนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


 


"เรากลายเป็นผู้มีบทบาทกำหนดกติกาของบ้านเมือง เราต้องคุมการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยตัวเราเอง ไหนๆ เรามาเป็นแสนๆ คน เรื่องอะไรจะยกให้คนสิบคนรับไปทำ เราต้องกำกับดูแลจนเป็นที่พอใจแล้วจึงปล่อยให้มีการเลือกตั้งที่เสมอภาค บริสุทธิ์ ยุติธรรม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยุบเสียก่อนเพราะตัวเองมีเรื่องต้องถูกยุบหลายเรื่อง ก็ลงเลือกตั้งไป ทีนี้ไม่มีใครวอแวใครแล้ว เรานักกีฬาพอ แต่เมื่อคนเสื้อแดงเข้มแข็งขนาดนี้ ผมสังหรณ์ใจว่า ประชาธิปัตย์จะถูกยุบก่อนลงเลือกตั้ง เพราะหลักฐานมัดแน่น ถ้าองค์กรกลางไม่เบี้ยว"


 


 


"อย่างไรก็แล้วแต่ เราจะรอจนถึง 4 โมงเย็นในวันพรุ่งนี้ มีคำตอบอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเราค่อยพิจารณา ถ้ารัฐบาลไม่รับข้อเรียกร้องใดๆ ของเราเลย เราก็ต้องมีมาตรการเข้มขึ้นมาอีก ให้ดุเดือดขึ้นในกรอบของสันติอหิงสา ซึ่งมันเข้มได้ ดุเดือดได้ ต้องเข้มขึ้นเพราะเราไม่ต้องการกลับบ้านมือเปล่า เป็นอะไรเป็นกัน คือมันต้องบอกให้รู้ว่าประชาชนก็มีความหมาย ไม่ใช่พวกอำมาตย์เท่านั้นที่มีความหมาย" นายวีระกล่าวและย้ำว่าขอให้ประชาชนเยือกเย็นพอที่จะรอคำตอบ อย่าโกรธ อย่าโมโห อย่าตอบโต้


 


ด้านการโฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงก์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ประจำวันที่ 8 เม.ย. เวลาประมาณ 20.30 น. ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่นายวีระจะขยายความดังกล่าว มีการถ่ายทอดไปพร้อมกันทั้ง 3 เวที คือบริเวณหน้าทำเนียบฯ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และบริเวณหน้าบ้านสี่เสาฯ โดยกล่าวว่า วันนี้ประชาชนมารวมตัวกันจำนวนมากเพราะกระหายอยากได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง


 


"เราถูกบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตยมานานแล้ว แต่วันนี้ไม่ใช่ เรามากันเยอะเหลือเกิน ผมชื่นใจมากๆ ผมได้กลับบ้าน ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องสำคัญคือพี่น้องได้ประชาธิปไตยเต็มใบ เราจะไม่กลับไปมือเปล่า เราจะกลับไปพร้อมประชาธิปไตยเต็มมือเรา"


 


เขากล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณในความอดทนของพี่น้องประชาชน  และขอให้อดทนต่อไปเพื่อลูกหลานไทยในอนาคต ตนรู้ว่าประชาชนอยากเห็นสิทธิที่เท่าเทียมกันในฐานะคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าฐานันดรใด อยากเห็นเสรีภาพ อยากเห็นสังคมที่มีมาตรฐานเดียว ไม่ใช่สองมาตรฐาน


 


"ถึงแม้เราจะเหนื่อยอย่างไร เราก็อดทน แล้วสิ่งที่ทำวันนี้ ถ้าสำเร็จมันเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งแผ่นดิน คนที่เกลียดเราก็ได้ประโยชน์ คนสีเหลืองก็ได้ประโยชน์ ตอนนี้พยายามตั้งสีน้ำเงินขึ้นมาก็ได้ประโยชน์ แต่เราไม่วายถูกกลั่นแกล้ง มีการปลอมพลทหารแทรกแซงเข้ามา มีการสร้างสถานการณ์ว่าเป็นเสื้อแดงทำ อดทนครับ พวกเราเป็นพวกรักความจริง พวกเราไม่เคยกลัวความจริง"


 


"อำมาตยาธิปไตยที่เราพูดถึงมันคนละเรื่องกับคำว่า สถาบันองคมนตรี องคมนตรีส่วนใหญ่ท่านไม่ยุ่งการเมืองเลย มีสองสามคนนี่แหละที่มายุ่ง พวกที่ยุ่งไปรวมกับพวก elite หรืออภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย เราถึงเรียกว่าเป็นพวกอำมาตย์ เราเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ เราไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น แต่ต้องการประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน อำนาจการตัดสินใจ การบริหารการเมืองเป็นของประชาชนเท่านั้น"


 


เขากล่าวต่อว่า ไม่มีครั้งใดอีกแล้วที่ประชาชนเห็นพ้องต้องใจกันขนาดนี้ ถ้าประชาธิปไตยไม่เบ่งบานเที่ยวนี้ ก็ไม่รู้จะเบ่งบานเที่ยวไหนอีกแล้ว และเขาได้ฝันประชาธิปไตยเป็นของประชาชนแล้ว สังคมไทยเป็นสังคมที่มีเสรีภาพ มีความเสมอภาค มีความยุติธรรม เป็นสังคมที่มีการดูแลพี่น้องคนไทยอย่างทุกส่วน คนสูงอายุได้รับการดูแลสวัสดิการโดยตลอด เป็นสังคมที่เปิดโอกาสให้คนไทยทั้งหลายทำมาหากินอย่างสุจริต โดยเข้าหาแหล่งทุน แหล่งความรู้ได้อย่างเสมอกัน เป็นสังคมที่คนไทยทุกคนมีงานทำ เป็นสังคมที่ลูกหลานได้รับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเท่าเทียมกัน


 


"พี่น้องอดทนอีกสามวัน เขาบอกว่าจะปล่อยให้เราแห้งตาย พี่น้องครับ พี่น้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในกรุงเทพฯ วันนี้ผมรู้ว่าพี่น้องผลัดกันมาเติม"


 


นอกจากนี้ยังกล่าวฝากถึงสื่อต่างประเทศเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัว แต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับคนทั้งหมดและลูกหลานในอนาคต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net