เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ในคอลัมน์ในนามพลเมือง ของนายบัณรส บัวคลี่ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ASTVผู้จัดการออนไลน์ นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ประสานงานพันธมิตรเชียงใหม่ ได้ลงประกาศแจ้งว่า พันธมิตรเชียงใหม่ ร่วมกับ เครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวง นัดหมายแสดงพลังปกป้องสถาบันหลักของชาติ
"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ เครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวง ขอเรียกร้องเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ ในพื้นที่เชียงใหม่และใกล้เคียง ร่วมกันมาชุมนุมทำกิจกรรมแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลและพลังทางสังคมร่วมกัน พิทักษ์รักษาสถาบันหลักของชาติที่กำลังเป็นอันตรายจากขบวนการโค่นล้ม จาบจ้วง ในเวลา 9.30 - 11.00 น. ของวันที่ 8 เมษายน 2552 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่" ส่วนหนึ่งของประกาศเชิญชวนระบุ
ต่อมา เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 8 เม.ย. เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง ราว 20 คน ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าอาคารอำนวยการโดยได้ประกาศแถลงการณ์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พาดพิงสถาบันเบื้องสูง ทำลายองคมนตรีและสถาบันตุลาการ
นอกจากนี้ ยังทำหนังสือร้องเรียน เรื่อง "ขอให้ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์" เรียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสาธิต วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่า มีขบวนการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างต่อเนื่องโดยมีพฤติกรรมจาบจ้วงและพาดพิงสถาบันเบื้องสูง องคมนตรีและสถาบันตุลาการอย่างเปิดเผยเพื่อหวังโค่นล้มสถาบันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์กลางแห่งความศรัทธาความเคารพเทิดทูนของประชาชนในชาติอย่างสูงสุด
และเรียกร้องให้เร่งดำเนินหามาตรการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และจัดการกับบุคคลและกลุ่มคนที่มีเจตนาทำลายล้างสถาบันเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด
จากนั้นเครือข่ายดังกล่าว ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยให้เหตุผลว่าเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนเดินทางกลับ
ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ทยอยชุมนุมที่บริเวณพื้นที่สนามหญ้าด้านหน้าอาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการกระจายเสียงการปราศรัยจากเวที นปช. ที่กรุงเทพ และขอความความอนุเคราะห์จากผู้มาร่วมชุมนุมที่อยู่ใกล้บริเวณที่ชุมนุมให้นำโทรทัศน์มาเพื่อชมการปราศรัยที่กรุงเทพ โดยได้มีการเปิดเวทีให้ผู้มาชุมนุมได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยสลับกับการกระจายเสียง
ระหว่างที่เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง มาอ่านแถลงการณ์ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังโดยรอบ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกับผู้ชุมนุมอีกฝ่าย หลังจากยื่นข้อเรียกร้อง เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง ได้เดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุกระทบกระทั่งกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง
แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง กรณีทักษิณกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ทำลายองคมนตรีและสถาบันตุลาการ นับจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้กล่าวโฟนอินกล่าวหาว่ามีกลุ่มบุคคลได้พยายามทำลายตนอย่างเป็นกระบวนการพาดพิงสถาบันองคมนตรีและตุลาการด้วยการพยายามเชื่อมโยงให้ร้าย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลของตนที่ผ่านมานั้น พวกเรา ในนาม เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวงอันเป็นองค์กรที่เกิดจากการรวมของประชาชน ผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชนผู้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ใช้สิทธิและเสรีภาพตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.เรายืนยันว่าความจริงที่ทักษิณทำให้ถูกลงโทษทางการเมืองก็เพราะพฤติกรรมการบริหารประเทศของทักษิณที่ผ่านมาที่ไม่เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม มีพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่นชอบแทรกแซงองค์กรอิสระเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องอย่างเปิดเผยไม่ยอมรับการตรวจสอบ ถ่วงดุล ดังเช่น กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนกระบวนการสรรหาคณะกรรมการกำกับกิจการกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) หรือ กรณีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนการกระจายหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กพฝ.) ในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการยกเลิก พ.ร.ฎ. 2 ฉบับ ก็ย่อมชัดเจน ทักษิณ ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมในการปกป้องผลประโยชนของประเทศ 2.เราเห็นว่า การได้มาซึ่งอำนาจรัฐของทักษิณที่ผ่านมาไม่เป็นตามวิถีของระบอบประชาธิปไตยดังเช่น คำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ทั่วทั้งประเทศ ซึ่งทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะการเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและนำมาซึ่งการยุบพรรคไทยรักไทยในเวลาต่อมา หรือ กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้คำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชาชน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารอยู่เป็นเวลา 5 ปี 3.เราเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรมอันมาซึ่งคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศแบบทักษิณล้วนมาจากหลักฐานเอกสารของทางราชการที่ปรากฏพบในสมัยทักษิณเรืองอำนาจทั้งสิ้น ดังนั้น การที่ทักษิณกล่าวหามีกระบวนการโค่นล้มอำนาจของเขาจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เป็นประจักษ์พยานอย่างชัดเจนก็คือการทุจริตในหลายๆ เรื่องที่เกิดจากการบริหารประเทศก่อนจะมีรัฐประหาร 19 กันยายนและก่อนการเลือกตั้ง 2 เมษายน คือ ตัวโค่นล้มของเขาเอง ทั้งการแทรกแซงกลไกการเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้โมฆะ และปิดกั้นการตรวจสอบในระบบรัฐสภา จึงเป็นเหตุให้กลุ่มบุคคลที่มีความหวังดีต่อชาติแลบ้านเมืองกระทำไปตามหน้าที่และสถานะแห่งตนเพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นที่ทักษิณ กล่าวหาพาดพิง พล.อ.เปรม ว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร จึงเป็นเรื่องเท็จและเป็นเรื่องฟังไม่ขึ้น บิดเบือนข้อเท็จจริง ยิ่งอ้างว่าถูกกระทำโดยเชื่อมโยงถึงกลุ่มบุคคลต่างๆ ทั้งองคมนตรีและตุลาการ ยิ่งเป็นเรื่องเท็จ เพราะการกระทำ 4-5 กรณีข้างต้น ก็เป็นเหตุที่มีคู่กรณีตัวบุคคลที่กล่าวหาถึงพฤติกรรมมิชอบของทักษิณโดยเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน และกระทำโดยอาศัยกลไกกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง จึงชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้สาธารณชนรับทราบ ณ หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ |
เขียนที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ 8 เมษายน 2552
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสาธิต วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พวกเราในนาม เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวงอันเกิดจากการรวมตัวขององค์กรประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพในจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นร่วมกันว่าประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รักชาติ รักประชาธิปไตยมิควรอยู่นิ่งเฉยปล่อยให้กระบวนการโค่นสถาบันพระมหากษัตริย์ทำลายประเทศได้อีกต่อไป จึงได้รวมตัวกันในวันนี้เพื่อแสดงพลังปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่เป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาการเคารพเทิดทูนของประชาชนตลอดไป พวกเรา ขอเรียกร้องมายังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลด้านความมั่นคง และนายสาธิต วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เร่งดำเนินหามาตรการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และจัดการกับบุคคลและกลุ่มคนที่มีเจตนาทำลายล้างสถาบันเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด
ตัวแทนเครือข่ายประชาชนเชียงใหม่รักในหลวง |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)