Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงต่อผู้สื่อข่าวโดยเริ่มต้นกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือมาทำข่าว เนื่องจากทางกระทรวงฯ ได้แจ้งหมายอย่างกะทันหัน


 


นายกษิตกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถูกกลุ่มเสื้อแดงล้อมรถตำแหน่ง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า ครม.ชุดนี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ไปไหนมาไหนอย่างง่ายๆ มีการคุ้มครองความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน มีรถตำรวจนำและรถอารักขา ตามความประสงค์ของท่านเอง เป็นอย่างนี้มา 3 เดือน เพราะท่านเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่อยากมีพิธีรีตอง ไม่อยากให้เป็นภาระแก่ประชาชนโดยใช่เหตุ และ คณะรัฐมนตรีก็เช่นกัน อยากย้ำว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ของประชาชน มีความใกล้ชิดประชาชนเป็นสำคัญ ปฏิเสธที่จะอยู่อย่างมีกำแพง จึงใกล้ประชาชนตลอดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อยู่กับประชาชนโดยไม่กลัวประชาชน สำหรับบรรดาผู้นำอีก 15 ประเทศก็เป็นคนของประชาชนเขาเช่นกัน มีหลักปฏิบัติไม่ต่างกัน ทั้งนี้เนื่องในโอกาสที่บรรดาผู้นำจะมาเป็นอาคันตุกะหรือแขกของประเทศ ทางการไทยจึงให้ความคุ้มกันอย่างเต็มที่เป็นความคุ้มกันคุ้มครองอย่างดีที่สุด ไม่ให้มีตกหล่นจึงขอเรียนให้ทราบว่าจะเป็นเช่นนี้


 


นายกษิต กล่าวว่า วันที่ 7 เม.ย. ตนได้ประชุม ครม. ที่พัทยาเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และขอความร่วมมือจากท้องถิ่นให้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ได้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหาร รวมทั้งทหารเรือ และฝ่ายปกครองท้องถิ่นพัทยา ยืนยันให้คำมั่นรักษาความปลอดภัยกับแขกและผู้นำทั้ง 15 ประเทศ ทุกอย่างเรียบร้อยทั้งการดูแลสนามบิน ตลอดเส้นทางจนถึงโรงแรมที่พัก


 


"วันนี้หากถามว่าพร้อมไหม ก็ตอบว่า เต็มที่ทุกหน่วยงาน พร้อมประสานงาน อยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องว่าประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพอย่างสมศักดิ์ศรีประธานอาเซียน" นายกษิต กล่าวและว่า เมื่อ 2 วันก่อน กระทรวงการต่างประเทศติดต่อสถานเอกอัครราชทูตทุกประเทศเพื่อยืนยันความพร้อมและคุ้มกันความปลอดภัย วันนี้ จึงไม่มีปฏิกิริยาในทางลบ ส่วนสถานการณ์บ่ายวันนี้นั้น ฝ่ายรัฐบาลดูแลเต็มที่ ให้ความปลอดภัยกับประชาชน ขอย้ำว่าการประท้วงเป็นสิทธิ แต่เราไม่ยอมรับความรุนแรง กระทรวงการต่างประเทศได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในการช่วยดูแลสถานการณ์


 


ต่อข้อถามว่ามีสถานเอกอัครราชทูตประเทศใดสอบถามถึงสถานการณ์ในวันนี้หรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า ไม่มีประเทศไหนสอบถามมาเพราะเราได้ชี้แจงไปก่อน นายกรัฐมนตรีก็ทำงานตามปกติ เมื่อวานก็ทำงานต่อด้วยจิตใจที่มั่นคง


 


เมื่อถามว่ารัฐมนตรีต่างประเทศต้องเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยหรือไม่เพราะเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มเสื้อแดง นายกษิตกล่าวว่า มีการดูแลขั้นพื้นฐาน ไม่ต้องเพิ่มกำลัง และประชาชนจะเป็นผู้ช่วยดูแลตน ขณะนี้ก็มีผู้แสดงความห่วงใยมามากมาย


 


เมื่อถามถึงกรณีสื่อต่างชาติโยงเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา นายกษิตกล่าวว่า


 


"อย่าไปฟังสื่อต่างประเทศครับ ตั้งแต่มาเป็นรัฐมนตรีที่นี่ สื่อต่างประเทศใช้ไม่ได้ อย่าไปอ้างเลย เชื่อสื่อไทยดีกว่า ถ้าจะมามุ่งร้ายก็บิดเบือนไปเรื่อยๆ ชี้แจงไปก็แค่นั้น เรามีหน้าที่ให้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่กับสื่อต่างประเทศ แต่ต้องให้ข้อเท็จจริงกับคณะทูต วงการธุรกิจ วงการวิชาการ ผมมั่นใจว่าสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทำงานอย่างต่อเนื่องและน้ำข้อเท็จจริง การดำเนินการของรัฐบาลออกไปสู่สายตาประชาคมโลก"


 


นายกษิตกล่าวอีกว่า สถานเอกอัครราชทูตไม่ได้สอบถามสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงวันนี้ เพราะเราให้ความมั่นใจว่าจะรักษาสถานการณ์วันนี้ได้ และนายกรัฐมนตรีพูดแล้วว่าต้องเป็นการเมืองในระบอบรัฐสภา ท่านได้พูดชัดเมื่อ 2-3 วันที่แล้วว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงการปกครองบนท้องถนนจะไม่จบไม่สิ้น จะเป็นวัฏจักร วันนี้เสื้อแดงออกมา ถ้าชนะ เสื้อเหลืองก็ออกมา วันมะรืน อาจะเป็นเสื้อเขียวหรือเสื้ออะไรออกมาไม่จบไม่สิ้น ดังนั้น ต้องว่ากันในกรอบด้วยสติของทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องการเมืองของไทย และเราต้องทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่พรรคพวกหรือบุคคล ไม่เลือกปฏิบัติ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนทุกคน


 


ต่อข้อถามว่าจะต้องเชิญเอกอัครราชทูตมาฟังการชี้แจงหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่าที่จริงจะเชิญเอกอัครราชทูตมาชี้แจงวันนี้ แต่มีเหตุการณ์ชุมนุม จึงเลื่อนการเชิญเอกอัครราชทูตทั้งหมดมาในวันที่ 17 เม.ย. โดยจะสรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นๆ ทั้งอาเซียน+3 อาเซียน+6 โกลบอล ไดอะล็อก และอาเซียน+ยูเอ็น ซึ่งการสรุปทำเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยตัว รมว.ต่างประเทศเองหรือปลัดหรืออธิบดีกรมสารนิเทศก็ทำอยู่ตลอด


 


ส่วนกรณีกระแสข่าวว่าครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทาง ออกนอกประเทศ นายกษิตไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของฝ่ายที่ออกตั๋วเครื่องบินให้และเป็นเรื่องของ ตม. ก็ต้องไปตรวจสอบที่ ตม. ถาม ตม. ดีกว่า


 


"ไม่ทราบครับ เป็นสิทธิอันชอบธรรมของครอบครัวคุณทักษิณ จะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนข้อเท็จจริง หากทางโน้นยืนยัน ผมก็ยืนยันด้วย ผมก็ไม่มีหน้าที่คอยติดตาม"


 


เมื่อถามว่า ประเมินการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า ไม่ทราบเพราะไม่ได้ออกไปไหน ที่ผมเป็นห่วงคือเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ความสะดวกสบายของประชาชนโดยทั่วๆ ไป และความปลอดภัยของท่านประธานองคมนตรี เพราะได้ข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไปยื้ออยู่ที่บ้านท่าน แต่ที่สำคัญ ผมต้องมั่นใจว่าฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนหน้าที่ของผมต้องคอยชี้แจงต่างประเทศและป้อนข้อมูลไปให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก


 


นายกษิตกล่าวว่าหลักปฏิบัติโดยทั่วไป เบื้องต้น ก็ต้องให้ตำรวจควบคุมสถานการณ์ แต่ถ้าตำรวจควบคุมสถานการณ์ไม่ไหวก็ต้องให้ทหารออกมาเป็นขั้นตอนทั่วไป ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศที่ตกเป็นเป้าโจมตีของเสื้อแดง ตนไม่ได้ห่วงเพราะมั่นใจในฝ่ายความมั่นคง


 


นายกษิต กล่าวด้วยว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ มีวอร์รูมแล้วเพื่อประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและส่วนกลางของรัฐบาล เป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วๆ ไปทุกครั้งที่มีสถานการณ์แบบนี้ หรือหากมีกรณีการปิดล้อมกระทรวงฯ ก็ต้องมีมาตรการป้องกันห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาภายในกระทรวงฯ อยู่แล้ว


 


เมื่อถามถึงการติดตามตัวและที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังอาศัยอยู่ในต่างประเทศ นายกษิตกล่าวว่าเรื่องที่อยู่ก็ติดตามเท่าที่กระทำได้ ประเด็นที่สอง เรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็ต้องดำเนินการผ่านช่องทางทางการทูตนอกจากนั้น ก็มีอีกช่องทางคือการประสานงานกับตำรวจสากลเป็นการร่วมมือกัน 3 เส้า ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศ


 


"เราได้บอกกล่าวประเทศต่างๆ แล้วว่าสถานะของคุณทักษิณเป็นผู้ที่หนีคุก เราได้แปลสำนวนและคำพิพากษาของศาลเป็นภาษาอังกฤษส่งให้ทุกประเทศ ทุกสถานเอกอัครราชทูตของต่างประเทศในไทย และมีการประสานงานกับสำนักงานอัยการเรื่องการเจรจาตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน" นายกษิต กล่าว


 


ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าเรื่องส่งเจ้าหน้าที่ไปดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นายกษิตกล่าวว่า มีความคืบหน้า ได้ส่งเจ้าหน้าไปดูไบ มีการเจรจาข้อตกลงและบอกกล่าวว่าไม่ต้องการให้ประเทศไหนให้อดีตนายกรัฐมนตรีใช้เป็นเวทีโจมตีประเทศไทย รวมถึงการออกหนังสือเดินทางต่างๆให้ พ.ต.ท.ทักษิณ


 


"ประเทศนั้นๆ ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังว่าจะรักกับประเทศไทยหรือจะรักกับอดีตนายกรัฐมนตรีมากกว่า อันนี้ อยู่ในดุลพินิจหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Judgment ของเขาเองว่าอันไหนถูกต้องไม่ถูกต้องและจะไปปกป้องใคร สถานะของบุคคลคนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเผื่อคนคนนั้นเป็นคนหนีคุกหนีตะรางแล้วเขาจะไปปกป้องก็ต้องคิดให้ดี เท่านั้นเอง" นายกษิตกล่าว


 


ต่อข้อถามว่ากลไกตำรวจสากลยังจำเป็นหรือเปล่า นายกษิตกล่าวว่าอยู่ในระหว่างหารือ


 


"ทุกอย่างต้องถามว่าหนีศาลไปก็เป็นเรื่องระดับหนึ่ง หนีไปแล้วยังใช้เวทีของต่างประเทศโจมตีประเทศไทยก็อีกเรื่องหนึ่ง โจมตียังไม่พอ บอกว่าต้องล้มล้างด้วยก็ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ดีกรีของความร้ายแรงก็สูงขึ้นด้วย เราก็รู้สึกเหมือนๆ กัน ผมมีหน้าที่ต้องทำงานเพื่อให้ประเทศไทยมีเสถียรภาพ กระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความเคารพ ส่วนรายระเอียดเรื่องบุคคลที่ 3 ประเทศที่ 3 เป็นเรื่องมารยาที่ไม่บอกกัน ไม่ใช่อยากปิดเป็นความลับและไม่ใช่การนิ่งเฉย ทั้งหมดนี้ ไม่มีเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก" นายกษิตกล่าว


 


ที่มาภาพด้านหน้า: www.siamrath.co.th


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net