Skip to main content
sharethis


หลังการอ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของกลุ่มคนเสื้อแดง เวลาประมาณ 17.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และแกนนำแนวร่วมประชาชนขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  ได้กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าว บริเวณหลังเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น มีความยากลำบากที่จะคิดและดำเนินการใดๆ มาตั้งแต่ต้น ก่อนเราตัดสินใจทำอะไรไปก็คิดมาก เพราะคนเสื้อแดงยึดแนวสันตวิธีมาตั้งแต่ต้นตลอดการเคลื่อนไหว เมื่อวาน (8 เม.ย.) มีการประเมินกันมากว่า เมื่อคนมาหลายแสนคน น่าจะทำอะไรบ้าง แต่เราก็เลือกที่จะเพียงแต่บอกกล่าวสิ่งที่เราต้องการต่อรัฐบาลและองคมนตรี โดยให้เวลาไว้ 24 ชั่วโมง แต่อภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะ ก็ออกมาให้ปฏิเสธข้อเรียกร้องก่อน 24 ชัวโมงด้วยซ้ำ ตอนนี้จึงเป็นช่วงทดสอบการใช้มาตรการรุนแรงมากขึ้น แต่ยังยืนยันที่จะอยู่ในกรอบที่ประชาชนจะทำได้

 


โดยการเคลื่อนไหวนั้น จตุพรเผยว่า เบื้องต้น นปช. มีมติให้ดาวกระจายไปศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์ กระทรวงต่างประเทศ ฯลฯ แต่ทางกลุ่มแท็กซี่เห็นว่า สิ่งที่เราเรียกร้องมาอย่างยาวนานไม่ได้รับการตอบสนอง จึงใช้สิทธิส่วนของเขาปิดถนนบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ประกอบกับทาง นปช.เองที่เป็นแกนนำได้รับข่าวแจ้งมาว่า รัฐบาลเตรียมจะใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม จึงเห็นร่วมกันว่า เรายอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะกลุ่มแท็กซี่ก็เป็นกลุ่มที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างยาวนาน แกนนำจึงมีมติให้ดาวกระจายต่างๆ ไปรวมกันที่อนุสาวรีย์ฯ และยังประกาศบอกประชาชนด้วยว่า ใครใกล้อนุอนุสาวรีย์ชัยฯให้ไปอนุสาวรีย์ชัยฯ ใครใกล้ทำเนียบก็ไปทำเนียบรวมเป็นสองจุดเท่านั้น


 


เขายังกล่าวเตือนรัฐบาลว่า หากมีการใช้ความรุนแรง กลุ่มเสื้อแดงก็จะตอบโต้อย่างรุนแรงและสาสมทั่วประเทศ เพราะมีศักยภาพกระจายอยู่ทุกจุดทั่วประเทศ เราได้พิสูจน์มาแล้วว่า เราพยายามใช้แนวทางสันติวิธีอย่างสุดทาง ต้องขอโทษประชาชนทั่วๆ ไปด้วย วิธีที่ปิดอนุสาวรีย์ชัยฯนี้เป็นวิธีที่เจ็บน้อยที่สุด ถ้าเรายึดสนามบินหรือทำเนียบรัฐบาลแบบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำ จะสร้างความเสียหายมากมาย และเสื้อแดงกับพันธมิตรฯ ก็แตกต่างกันด้วย เพราะไม่ว่าเราจะดาวกระจายอย่างไร เราก็จะอยู่แต่ภายนอก ไม่บุกเข้าไปข้างใน ทั้งนี้ก็เพราะตลอดเวลาการชุมนุมทุกครั้ง แกนนำไม่มีการใส่ร้ายคนอื่นหรือปลุกระดมจนทำให้ประชาชนเกิดความอาฆาตจนต้องบุกเข้าไปทำลายแบบนั้น


 


ผู้สื่อข่าวประชาไทถามว่า เหตุการณ์การยึดที่อนุสาวรีย์ชัยนี้ สะท้อนว่า แกนนำ นปช. ไม่สามารถคุมมวลชนได้ทั้งหมดใช่หรือไม่ แกนนำผู้นี้กล่าวตอบว่า ต้องเข้าใจว่ากลุ่มเสื้อแดงเป็นเสรีชน เราพยายามยึดสันติวิธี และเขาก็เชื่อเรามาจนสุดทางแล้ว เมื่อรัฐบาลไม่สนใจใยดี เขาก็ต้องออกไปแสดงสิทธิของเขา


 


ผู้สื่อข่าวข่าวจากสำนักอื่นถามว่า การปิดถนนที่อนุสาวรีย์ชัย กระทบความเดือดร้อนกับผู้ป่วยและผู้ใช้บริการที่โรงพยาบาลซึ่งมีอยู่มากมายในบริเวณนั้น เขาตอบว่า เรื่องนี้จะมีการคลี่คลายกันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ว่าพอเริ่มปิด ก็โหมบอกว่ากระทบแล้วสองพันคน ซึ่งเป็นการออกตัวเกินเหตุ


 


ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวต่อไปนั้น จตุพรเปิดเผยว่า จุดต่อไปที่จะเคลื่อนไหวคือเมืองพัทยา เพราะว่ารัฐบาลจะมีการประชุมอาเซียนที่นั่น เมื่อรัฐบาลชุดนี้ได้รับโอกาสจากคนเสื้อแดงในการประชุมเสื้อแดงที่หัวหินแล้ว รัฐบาลก็ยังได้หาสำนึกไม่ พรุ่งนี้แน่นอนแล้วว่า จะรวมตัวกันบริเวณทางขึ้นโรงแรมที่ประชุมเพื่อขัดขวางการประชุมอาเซียน


 


"เราต้องขออภัยต่อประเทศในอาเซียนและอีกสามประเทศ เพราะเราไม่สามารถยอมรับรัฐบาลของเราเองที่ขัดหลักการประชาธิปไตยได้" ส่วนมาตรการอื่นๆ นอกจากนี้จะมีการหารือและแจ้งข่าวเป็นระยะ จตุพรกล่าว


 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อเรื่องการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จตุพรบอกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกระสุนด้านมาตั้งแต่พันธมิตรยึดทำเนียบและสนามบินแล้ว ถ้าวันนี้มีการประกาศก็ต้องดูว่า พล.อ.อนุงพษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะกล้าทำกับคนเสื้อแดงไหม เพราะที่ผ่านมาเขาไม่กล้าทำกับคนเสื้อเหลือง


 


นอกจากนี้เขายังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงกรณีที่มารดาของเขาออกมาต่อว่า โดยกล่าวว่า


"มันเฮงซวย แม่เขาอายุ 90 ปีแล้ว ป่วยเดินไม่ได้ เป็นคนไม่รู้หนังสือ และไปหลอกแม่วา เราไปโจมตีสถาบัน อวดดีอะไรถึงไปถ่ายรูปส่งสื่อ จะเอาอะไรกับคนอายุ 90 เหยียบย่ำหัวใจกันเกินไปหรือเปล่า" โดยยืนยันว่า "ผมออกจากบ้านมาตั้งแต่ 8 ขวบ และส่งเสียแม่มาโดยตลอด"


 


ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำอีกคนหนึ่ง กล่าวเสริมว่า มาตรการจัดการกับฝ่ายบริหารเริ่มแล้ว โดยการตั้งด่านที่อนุสาวรีย์ชัย ซึ่งเป็นผลจากการประกาศบนเวทีว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาลแล้ว การไล่จับนายกฯปลอมที่ประชาชนไม่ยอมรับ จะเริ่มจากการสกัดหรือถึงขั้นไม่ให้เข้า กทม. รวมถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีที่เดินทางออกนอกกรุงเทพอยู่ในขณะนี้ด้วย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net