ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 10 เมษายน 2552

 





การเมือง - สังคม

 

3 รพ.เผยเสื้อแดงปิดถนนกระทบผู้ป่วยหนัก
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - โรงพยาบาล 3 แห่งบนถนนราชวิถี เผยกลุ่มเสื้อแดงปิดการจราจรอนุสาวรีย์ส่งผลให้ผู้ป่วยตกค้างและไม่สามารถเดินทางมาโรงพยาบาลได้จำนวนมาก โดยการปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเดินทางมารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายแห่งที่ตั้งอยู่บน ถนนราชวิถี

นพ.ธันย์ สุภัทพันธุ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า การปิดการจราจรทำให้ผู้ป่วยที่มีประมาณวันละ 5,000 ราย ที่บางส่วนรักษาตัวเสร็จแล้วไม่สามารถกลับบ้านได้ ซึ่งมีทั้งคนพิการ คนชรา และคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตกค้างจำนวนมาก โดยรพ.ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำรถพยาบาลไปส่งผู้ป่วยที่ตกค้าง แต่ไม่สามารถทำได้หมด เพราะรถที่ออกไปส่งไม่สามารถกลับมารับคนที่รพ.เพิ่มได้ จึงขอให้กลุ่มเสื้อแดงเปิดเส้นทางถ.พระรามหก 1-2 เลน เพื่อให้ผู้ป่วยเดินทางได้ ซึ่งคงไม่กระทบกับยุทธศาสตร์ ทั้งนี้หากเกิดความรุนแรงขึ้น รพ.พร้อมรับมือ แต่หากปิดเส้นทางจะทำให้การช่วยเหลือลำบาก

ด้านพ.อ.ธีรพล ปกป้อง โฆษกรพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า ปัญหาที่พบขณะนี้คือผู้ป่วยไม่สามารถกลับบ้านได้ และผู้ป่วยวิกฤตไม่สามารถเดินทามาที่รพ.ได้ แต่ยังไม่ได้ประเมินว่ามีผู้ป่วยตกค้างเท่าไร เพราะกระจายอยู่ตามตึกต่างๆ แต่เชื่อว่ามีจำนวนมาก เพราะใกล้วันหยุดราชการ จึงมีการนัดตรวจมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้ฝากขอผู้ชุมนุมเปิดเส้นทางถ.ราชวิถี เพราะเป็นถนนที่รพ.มาก ทั้งพระสงฆ์ เด็ก สตรี สถานมะเร็ง และสถานคนตาบอด การปิดถนนเส้นนี้จึงทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบมาก

ขณะที่ พญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ.รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ส่วนรพ.ราชวิถีมีแผนความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินนอกสถานที่อยู่แล้ว ทั้งนี้หากมีการแจ้งความประสงค์ก็พร้อมออกไปช่วยเหลือ ทั้งนี้เมื่อมีการปิดถนนก็อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ผู้ป่วย ขณะเดียวกัน ฝากแจ้งไปยังผู้ป่วยที่ต้องการมารักษาที่รพ. พยายามแจ้งความประสงค์ ว่าต้องการเดินทางมารับการรักษากับทุกฝ่าย ทั้งนี้หากฝ่ายที่ดำเนินการปิดถนน จะช่วยนำผู้ป่วยมาหรืออำนวยความสะดวกก็เป็นเรื่องที่ดี

ทั้งนี้เมื่อเวลา 17.04 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบช.น.1 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยอมให้รถผ่านเข้า-ออก ไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลพระมงกุฎแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมให้ความร่วมมือในการเปิดเส้นทางให้กับโรงพยาบาลหากมีเหตุจริง

เสธ.เป๊กมอบตัวปฏิเสธรับงานฆ่า "องคมนตรี"
เว็บไซต์สยามรัฐ - เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 9 เมษายน 52 ที่ศูนย์สืบสวนกองบัชญาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) น.อ.จักรกฤษณ์ เสขะนันท์ หรือ "เสธเป๊ก" อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/9 หมู่ที่ 9 แขวงและเขตทวีวัฒนา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 967/2552 ลงวันที่ 8 เม.ย.52 ในข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ และทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วิเชียร รัตติทิวาพานิช ผกก.สภ.สามโคก พนักงานสอบสวนคดีลอบสังหารนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ โดยใช้เวลาสอบปากคำนานประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.หัวหน้าศุนย์สืบสวนบช.ภ.1 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1

พล.ต.ท.ฉลอง เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือให้นำตัว น.อ.จักรกฤษณ์ มาสอบปากคำ โดยในวันนี้หลังรับมอบตัวก็จะทำบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นก็แจ้งข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนจะส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง นำตัวไปสอบปากคำต่อไป

ด้าน น.อ.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า เมื่อคืนดูโทรทัศน์ก็เห็นข่าวออกหมายจับตนเอง โดนมีรูปภาพอยู่ด้วยก็ทำให้รู้สึกตกใจ และบอกว่ารวบตัวมาแล้วอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตนไปทำอะไรผิด ก็เลยไปคุยกับผู้บังคับบัญชาว่า ตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทางผู้บังคับบัญชาก็บอกว่า ถ้าไม่ผิดก็ให้มามอบตัว แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตำรวจทราบ ตนไม่รู้เรื่องเลยทั้งหมดที่ทางตำรวจกล่าวหาตน

วางระเบิด 4 ลูกซ้อน ป่วนนราธิวาส3อำเภอ
ไทยรัฐออนไลน์ - เมื่อเวลา 19.40 น.วันนี้ (9 เม.ย.) ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน แยกย้ายกันนำระเบิดแสวงเครื่องไปก่อวินาศกรรม ในพื้นที่ 3 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส จำนวน 4 ลูกซ้อนในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยลูกแรก ที่บริเวณลานจอดรถของโรงแรมพลาซ่า ถ.เทศปฐม เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองกำลังผสม อ.สุไหงโก-ลก นำโดย พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด สังกัด ตชด.จากค่ายพระรามหก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นำโดย ร.ต.อ.สมเกียรติ สัมมาขันธุ์ หัวหน้าชุด เข้าตรวจสอบพบว่า คนร้ายประกอบระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 5 ก.ก.ไว้ในกล่องเหล็ก ก่อนที่จะนำไปใส่ไว้ลงในช่องใส่สัมภาระใต้เบาะนั่งของรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 125 สีน้ำเงิน ติดป้ายทะเบียน กมธ-584 นราธิวาส แล้วนำไปจอดไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรมพลาซ่า โดยคนร้ายจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ทำให้รถยนต์ของนักท่องเที่ยวที่มาพักในโรงแรมดังกล่าวถูกสะเก็ดเข้าที่ตัวถังและกระจกเสียหายจำนวน 2 คัน รวมทั้งกระจกของห้องอาหารเชฟเตี้ย ซึ่งตั้งอยู่ชั้นที่ 1 ของโรงแรมแตกละเอียด จากการตรวจสอบพบว่าป้ายทะเบียนของรถจักรยานยนต์บอมบ์ เป็นของนายจรัล สุวรรณมณี ซึ่งได้แจ้งหายไว้ที่ สภ.ระแงะ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ส่วนจุดที่ 2 เกิดเหตุระเบิดที่ข้างร้านจำหน่ายแก๊ส ในเขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี ทำให้ถังแก๊สภายในร้านดังกล่าวเกิดระเบิดซ้ำขึ้นอีก โดยร้านค้าถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง และจุดที่ 3 เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในร้านขายของชำขวัญใจพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาล อ.แว้ง จำนวน 2 ลูกซ้อน ทำให้ทรัพย์สินและร้านค้าได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

"อภิสิทธิ์" หารือเครียดกับหน่วยความมั่นคงในเขตทหาร
เว็บไซต์แนวหน้า -  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 18.20 น. เฮลิคอปเตอร์ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั่งมาได้เดินทางถึงกรมทหารราบที่ 11  รักษาพระองค์ บางเขน  ซึ่งหารือเครียดกับทางผบ.เหล่าทัพไม่ถึงชั่วโมง ก็ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์อีกครั้งหนึ่งเพื่อเดินทางต่อไปยังกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ วิภาวดี  เพื่อร่วมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงที่มีการหารือกันก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านความมั่นคง  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ผอ.สำนักข่าวกรอง ฯลฯ ทั้งนี้ผู้สื่อข่ารายงานว่าพล.อ.อนุพงษ์ ได้อยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน  ซึ่งตลอดทั้งวันยังไม่ได้เดินทางกลับเข้าบ้าน

รัฐบาลตื่น!รู้ที่อยู่ทักษิณแล้ว
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - "ถาวร" อุบชื่อประเทศแหล่งกบดานแม้ว ส่งทูตพิเศษเจรจาแล้วแต่ล้มเหลว   นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถรับมือกลุ่มคนเสื้อแดงได้ แม้จะมีการเตรียมระดมพลจากต่างจังหวัดเข้ามาเพิ่ม และการที่แกนนำเชิญชวนผู้ขับรถแท็กซี่ให้มาปิดถนนตามสี่แยกต่างๆทั่วกรุงเทพในวันนี้ เพื่อต้องการให้การจราจรเป็นอัมพาต ได้เตรียม 2 มาตรการรองรับคือ 1.ขอให้สื่อต่างๆช่วยชี้แจงผู้ขับแท็กซี่ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น 2.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและตำรวจนครบาล ดำเนินการกับคนขับแท็กซี่ได้ทันที ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นายถาวร ยังกล่าวถึงการดำเนินการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า  ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอยู่ในประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ซึ่งทางประเทศไทยได้ส่งทูตพิเศษไปเจรจาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร ส่วนเป็นประเทศใดนั้นยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการทางการทูตพิเศษอยู่

ส่วนการตัดสัญญาณการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะอาจกระทบการใช้สัญญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน แต่ถ้าประชาชนพร้อมที่จะให้ดำเนินการ โดยพร้อมจะสูญเสียการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอื่นๆก็ทำได้ แต่คงเป็นไปได้ยาก

ทั้งนี้ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาต่อสู้หรือทะเลาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือต่อสู้กับการทำงานของรัฐบาล อย่าเปิดแนวรบให้กว้าง เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าไปก้าวล่วงกับบุคคลที่ไม่มีส่วนร่วมทางการเมือง

สมชายขึ้นเวที นปช.หน้าทำเนียบฯสยบข่าวหนีไป ตปท.
เว็บไซต์เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันนี้(9 เม.ย.) ที่เวทีปราศรัยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฎตัวบนเวทีปราศรัย หลังจากเมื่อคืนวาน(8 เม.ย.) มีกระแสข่าวว่านายสมชาย เดินทางออกจากประเทศไทย

ทั้งนี้ นายสมชาย กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2540 มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2550 โดยนายสมชาย ยุติการปราศรัยลงเมื่อเวลา 20.20 น. จากนั้นนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อ

บัวแก้วยันฮุนเซ็นนำผู้นำ 16 ชาติถกอาเซียน
เว็บไซต์คมชัดลึก
-  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ระดมกำลังตั้งด่านสกัดตามเส้นทางถนนสุขุมวิท ที่มุ่งหน้าเข้าสู่พัทยา และคุมเข้มความปลอดภัยทั่วทั้งเมืองพัทยา ตลอดการประชุมระหว่างวันที่ 9 -12 เม.ย.นี้ อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประจำตามจุดต่างๆเพื่อรักษาความปลอดภัยและอารักขาผู้นำประเทศกลุ่มอาเซียน และผู้นำประเทศคู่เจรจา ที่จะเริ่มเดินทางมาถึงตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) ซึ่งสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา จะเดินทางมาถึงเป็นประเทศแรก ในเวลา 09.00 น. ที่สนามบินอู่ตะเภา

ปชช.เห็นด้วยรัฐไม่ใช้ความรุนแรง
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - โพลล์เผยประชาชนเห็นด้วยที่รัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรงกับเสื้อแดง   นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ "เอแบคเรียลไทม์โพลล์" เรื่อง ความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบันของประเทศ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัด จำนวน 1,375 ครัวเรือน ในวันนี้ (9 เม.ย.52) พบว่า เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมประชาธิปไตยหรือไม่ เกินครึ่งหรือร้อยละ 55.4 ระบุว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา

ขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.2 เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลที่ไม่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม และ เมื่อถามถึงระยะเวลาที่รัฐบาลและผู้ใหญ่ในสังคมควรรีบดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58  ระบุ ไม่เกิน 3 เดือน และ เมื่อถามประชาชนว่า รู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ทุบรถของนายกรัฐมนตรีที่เมืองพัทยาพบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ75.8รู้สึกเห็นใจนายกรัฐมนตรี

ผู้ค้าคลองเตยฟ้องล้มสัญญาตลาด/เรียก 64 ล. ค่าเสียหาย
เว็บไซต์สยามรัฐ -  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.52 เวลา 14.00 น. น.ส.กรรณิกา บุญโยธา กับพวกที่เป็นผู้ค้าตลาดคลองเตย 404 คน ได้มอบอำนาจให้นายสาคร ศิริชัย ทนายความยื่นฟ้องการท่าเรือแห่งประเทศไทย และบริษัทลีเกิ้ลโปรเฟสชั่นแนล เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายคนละ 160,000 บาท รวม 64,640,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งให้สัญญาเช่า ลงทุน บริหาร และประกอบการพื้นที่ตลาดคลองเตย ของจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นโมฆะ

ทั้งนี้ คำร้องสรุปว่า สัญญาเช่าลงทุน บริหารและประกอบการพื้นที่บริเวณตลาดคลองเตย เลขที่ ต.1001/2551 ลงวันที่ 29 ต.ค.51 ระหว่างจำเลยทั้งสองเป็นนิติกรรมที่ผิดกฎหมายขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดี เนื่องจากมีวัตถุประสงค์นำตลาดคลองเตยพัฒนาเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญฯ โดยให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินกิจการโดยไม่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน

อีกทั้งนับจากจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 2 เป็นต้นมา จำเลยที่ 2 ได้อ้างสิทธิตามสัญญาเช่าฯอันไม่ชอบด้วยกฎหมายมอบให้ตัวแทนและบริวารเข้าไปใช้กำลังพร้อมอาวุธ รื้อถอนและขนย้ายแผงค้า รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ของโจทก์ออกจากพื้นที่ด้วยวิธีป่าเถื่อน รุนแรง โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินและผู้ให้เช่าตลาดกลับเพิกเฉย

ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงละเมิดต่อโจทก์ และทำให้ผู้มาซื้อสินค้าในตลาด กับโจทก์เกิดความหวาดกลัวไม่กล้ามาซื้อสินค้า ทำให้ผู้ค้าขาดรายได้จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย ขอให้ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งนี้ โจทก์ยังขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนคำร้องเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้จำเลยทั้งสองระงับการกระทำตามฟ้องไว้ก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายให้โจทก์ทั้งหมดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้รับคำร้องไว้พิจารณาโดยนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 18 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. และนัดชี้สองสถานวันที่ 29 มิ.ย.นี้





เศรษฐกิจ

 

ดัชนีผู้บริโภคเดือนมี.ค เหลือ 72.8 ต่ำสุดในรอบ 86 เดือน
เว็บไซต์แนวหน้า - นายวชิระ คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน มีค.52 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวลดลงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่สองประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 66ในเดือนมีนาคมจากเดิม 67.2 ในเดือน กพ.ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 65.2 ในเดือนมีค.จากเดิม 66.5 ในเดือนกพ. และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 87.3 ในเดือนมีนาคมจากเดิม 88.5 ในเดือน กพ.

ทั้งนี้ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมีนาคมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 72.8 จากเดิม 74 ในเดือนกพ.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบ 86 เดือน ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทยตลอดจนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวในทิศทางที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความกังวลมากในเรื่องของการว่างงาน ประกอบกับราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความกังวลต่อค่าครองชีพที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง

นายวชิระ กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ภาวการณ์จับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็มีการปรับลดลงสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยจากการสำรวจพบว่า ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ปรับตัวลดลงจาก 65.2 ในเดือน กพ. เป็น 63.7 ในเดือน มีค. ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อบ้านใหม่ ปรับตัวลดลงจาก 70.5 ในเดือน กพ.เป็น 68.6 ในเดือน มีค. ดัชนีความเหมาะสมในการลงทุนปรับตัวลดลงจาก 76.5 ในเดือนกพ.เป็น 74.7 ในเดือน มีค.

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูดัชนีความเหมาะสมในการท่องเที่ยว พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 72.9 ในเดือน กพ.เป็น 74 ในเดือนมีค.ทั้งนี้ ดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตอยู่ที่ระดับ 90 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองเช่นกันแสดงว่าประชาชนมีความสุขลดลงแม้ว่าจะมีระดับความสุขลดลง รวมถึงดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง ที่ลดลงจากระดับ 65.9 ในเดือน กพ. เป็น 62.1 ในเดือน มีค.ซึ่งลดลงถึง 3.8 จุดจากความกังวลปัญหาการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในขณะนี้

กนง.ไฟเขียวลดดอกเบี้ยอาร์พี 0.25%
เดลินิวส์ - น.ส.ดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า ที่ประชุมมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน หรืออาร์พีลง 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 1.25% เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าวิกฤติการเงินโลกยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ หลักและประเทศในภูมิภาคหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทยพบว่าการส่งออกหดตัวอย่างรุนแรง ขณะที่  อุปสงค์ภาคเอกชนยังมีความอ่อนแอ แม้ว่ารัฐจะมีแผนกระตุ้น เศรษฐกิจช่วยชดเชยอุปสงค์ของภาคเอกชน แต่ กนง. ยังเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงแม้ว่าเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานจะปรับตัวลดลงจึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

สำหรับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและถ้ายืดเยื้อจะทำให้จีดีพีติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะการชุมนุมกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวในประเทศ และอาจส่งผลให้การก่อสร้างโครงการภาครัฐบาลมีความล่าช้าและทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้    โดย ธปท. จะประเมินตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.นี้

ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยลงมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นกับต้นทุนของแต่ละธนาคาร ซึ่งจากพฤติกรรมของธนาคารพาณิชย์ที่ผ่านมาหลัง กนง. ลดดอกเบี้ยไป 3 ครั้ง 2.25% ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) ไปแล้ว 1.1%

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ต้องดูแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารรัฐ และธนาคารพาณิชย์ว่าจะลดดอกเบี้ยลงได้มากน้อยเพียงใด โดยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ของธอส. นั้น ต้องคำนึงถึงรายได้ของธนาคารหากลดลง 0.25% จะทำให้รายได้หายไปปีละ 1,200 ล้านบาท หรือเดือนละ 100 ล้านบาท.





ต่างประเทศ

 

แฮกเกอร์จีน-รัสเซียเพาะไวรัส มุ่งโจมตีโครงข่ายไฟฟ้าอเมริกัน
ASTV ผู้จัดการรายวัน - แฮกเกอร์ชาวจีนและรัสเซีย กำลังพยายามหาทางส่งไวรัสเข้าไปฟักตัวในโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลตามเมืองใหญ่ต่างๆ ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานไว้ในฉบับวันพุธ (8) อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ นอกจากนั้นรายงานระบุด้วยว่า เมื่อปีที่แล้วพวกสายลับไซเบอร์สามารถเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นระบบของสถาบันการเงินไปจนถึงระบบกำจัดน้ำเสีย

"ทางจีนพยายามที่จะทำแผนที่โครงข่ายสาธารณูปโภคของเรา เช่น โครงข่ายระบบส่งไฟฟ้า" รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสด้านข่าวกรองผู้หนึ่งซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ และเขายังบอกว่า "พวกรัสเซียก็เหมือนกัน"

แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่ามีการส่งไวรัสที่รอการฟักตัวในลักษณะเหมือนระเบิดเวลา เข้าไปในระบบแล้ว "หากเราทำสงครามกับพวกเขา ก็จะมีการเปิดใช้งานระบบดังกล่าว"

เอมี คุดวา โฆษกหญิงของกระทรวงมหาดไทยยอมรับว่า "การโจมตีทางคอมพิวเตอร์นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา" และบอกอีกว่าเจเน็ต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย "ถือว่าเรื่องความมั่นคงในระบบคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องสำคัญมาก จึงได้สั่งการให้ทบทวนนโยบายเรื่องนี้ทั้งหมด" และกระทรวงก็ยังร่วมมือกับภาคเอกชนคอยเฝ้าระวังและหาทางลดการโจมตีทางคอมพิวเตอร์ลงด้วย

อินโดฯ เปิดหีบเลือกตั้ง
เว็บไซต์สยามรัฐ -  การเลือกตั้งทั่วไปของอินโดนีเซียเริ่มเปิดฉากแล้ว  เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา  ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชี้ว่า   พรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลขณะนี้ คาดจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะทำให้นายซูซิโล  บัมบัง  ยุดโฮโยโน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิดีได้อีกเป็นสมัยที่ 2 ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเกิดเหตุรุนแรงในคืนก่อนการเลือกตั้ง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5   ราย ในพื้นที่ปาปัวซึ่งเป็นบริเวณที่ยังมีปัญหาความพยายามแยกตัวเป็นอิสระอยู่

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท