Skip to main content
sharethis

เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า นายอัมมาร สยามวาลา คณะกรรมการบริหารหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 เมษายน ถึงกรณีรัฐบาลตัดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี 2553 ออก 48,068 ล้านบาท โดยได้เพียง 89,322 ล้านบาท จากที่ได้เสนอไปทั้งหมด 137,390 ล้านบาท ว่า อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลประชาชน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงบเหมาจ่ายรายหัวเอดส์และไต ที่มีการลดทอนจากที่สำนักงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เสนอนั้น ถือว่า ยอมรับได้ เพราะเป็นสัดส่วนน้อยและสามารถบริหารจัดการได้ แต่ในส่วนของงบบริหารที่ สปสช.ขอ 1,800 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่ได้พิจารณานั้น ส่วนนี้ สปสช.ขอเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 50 เพราะต้องการให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 


"หากไม่ได้งบประมาณส่วนนี้ ก็ไม่สามารถพัฒนาระบบการทำงานโดยเฉพาะนวัตกรรมการรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น การใช้ยาที่เหมาะสม ไม่ใช้ยาพร่ำเพรื่อ ซึ่งผลกระทบหากไม่ได้งบประมาณมาพัฒนาระบบ จะส่งผลระยะยาว จะทำให้การทำงานเชิงรุกของ สปสช.ทำได้ยาก เพราะไม่มีเงินไปบริหารจัดการ ถ้าจะโกงเงินประชาชน โดยโอนงบฯ เหมาจ่ายรายหัวของประชาชนไปใช้บริหารสำนักงาน ผมสามารถหาวิธีการทำได้ แต่เราไม่ทำอย่างนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มา ได้จัดสรรรให้โรงพยาบาลทั้งหมด ดังนั้น ในเมื่อรัฐบาลตัดลดงบฯเหมาจ่ายรายหัวไปจากที่เสนอมาก ก็อยากให้รัฐบาลอนุมัติงบบริหารเต็มจำนวนที่เสนอขอไป แต่หากไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร จะต้องพยายามบริหารไปตามต้นทุนที่มีอย่างจำกัด ซึ่งประเทศไทย เป็นแชมเปี้ยนของการตั้งงบฯบริหารสุขภาพต่ำมากๆ อยู่แล้ว คือ ร้อยละ 1 ของงบประมาณกองทุนทั้งหมด ขณะที่อัตรามาตรฐานทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 3 เช่น ไต้หวันทำให้การบริหารจัดการกองทุนสุขภาพของประชาชนมีประสิทธิภาพสูง แต่ไต้หวันใช้เวลาในการลงทุน วางระบบข้อมูลสุขภาพประชาชนอย่างมหาศาล และใช้เวลานับ 10 ปี" นายอัมมารกล่าว



นอกจากนี้ นายอัมมารยังกล่าวถึงงบฯ บริหารที่ขอเพิ่มขึ้นว่า ส่วนหนึ่งจะนำไปทำโครงการศึกษาเกี่ยวกับสัดส่วนการจัดสรรเพื่อกระจายงบประมาณใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ปัจจุบันที่ต้องพัฒนาระบบการจ่าย โดยจะเกลี่ยเงินใหม่เช่น งบฯผู้ป่วยใน งบฯผู้ป่วยนอก งบฯส่งเสริมสุขภาพเป็นต้น และโครงการที่ สปสช.จะริเริ่ม เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ประชาชนป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ และทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น แต่ขณะนี้ สปสช.ไม่มีงบประมาณศึกษาข้อมูลดังกล่าว หากได้งบประมาณตามที่ขอก็จะพัฒนาประสิทธิภาพของโครงการได้อย่างดีเยี่ยม



ขณะที่ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลชุมชนประมาณ 30 แห่ง ได้ร่วมจัดทำข้อมูลความเหมาะสมของการจัดสรรงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวของ สปสช. เนื่องจากระบบที่จัดสรรอยู่ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง



"โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการรักษาผู้ป่วยบัตรทอง ขณะที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ และโรงเรียนแพทย์ได้รับประโยชน์เต็มที่ โดยเฉพาะการรักษาผู้ป่วยใน เพราะการจัดสรรงบฯเหมาจ่ายรายหัวในปัจจุบัน ให้สัดส่วนของงบฯผู้ป่วยในจำนวนมาก โดยในงบประมาณปี 2552 ได้แบ่งให้ 1,080 บาทต่อหัว เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ประมาณ 3 เท่า ที่เคยได้เพียง 365 บาทต่อหัว ผู้ป่วยนอก 700 บาทต่อหัว เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ที่ได้เพียง 400 บาทต่อหัว ขณะที่งบฯส่งเสริมสุขภาพ 190 บาทต่อหัว เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ที่ได้เพียง 40 บาทต่อหัว หรือคิดแล้วเพิ่มขึ้นไม่ถึงร้อยละ 10 ของงบฯเหมาจ่ายรายหัวทั้งหมด"


 


นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า อัตราดังกล่าวเห็นได้ชัดว่างบประมาณของผู้ป่วยในเป็นสัดส่วนที่มากกว่างบฯอื่นๆ และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ตามโรงพยาบาลใหญ่ที่มีเตียงมาก ขณะที่โรงพยาบาลชุมชมแทบไม่ได้อานิสงส์ เพราะโรงพยาบาลท้องถิ่นเน้นการทำงานเชิงรุกด้านการส่งเสริมป้องกันมากกว่ารักษา แต่กลับได้รับงบประมาณส่งเสริมสุขภาพน้อยมาก



นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผลการศึกษาใกล้แล้วเสร็จ จากนั้นจะเสนอให้ สปสช.นำไปพิจารณาปรับสัดส่วนงบประมาณให้สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อไป ส่วนงบเหมาจ่ายรายหัวของปี 2553 ที่รัฐบาลได้มีการตัดงบฯเหมาจ่ายรายหัวออกไปประมาณ 300 บาท ในจำนวนนี้ มีส่วนที่เป็นเงินค่าตอบแทนแพทย์ 60 บาทต่อหัว หากนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่สามารถเจรจาให้ได้ส่วนที่ถูกตัดไปกลับคืนมาได้ เชื่อจะกระทบต่อขวัญกำลังใจของแพทย์ในชนบทแน่นอน


 


 


...............................


ที่มา: มติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net