จตุพร พรหมพันธุ์:"เพราะมันเกิดกับคนเสื้อแดงไม่ได้เกิดกับคนอย่างพวกท่าน ความยุติธรรมจึงไม่เหมือนกัน"

* ถอดความจากการอภิปรายของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในการอภิปรายในการประชุมร่วม 2 สภา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2552


 

ส.ส.ได้รับความคุ้มครองในสมัยประชุม ไม่ต้องขอเอกสิทธิ์ ยืนยันพร้อมแอ่นอกรับ

ท่านประธานที่เคารพ กระผมจตุพร พรหมพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิรัฐสภา ขอกราบเรียนกับท่านประธานเป็นการเบื้องต้นก่อนว่า มีการพยายามอธิบายความเรื่องเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมขอเรียนกับท่านประธานซึ่งเป็นผู้พิพากษามา ไม่มีผู้แทนราษฎรคนไหนไปขอใช้เอกสิทธิ์ได้ การที่จะดำเนินคดีนั้น เป็นผู้ดำเนินคดีเป็นผู้ร้องขอมายังประธานสภาของผู้นั้นที่สังกัด แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องของสมาชิกไปร้อง กราบเรียนท่านประธานว่า ในสภาผู้แทนราษฎรแม้กระทั่งวุฒิสภาก็ตาม เวลานี้คดีที่อยู่ในศาลทั้งหมด เขาจะเลื่อนไปให้เลยสมัยประชุมไปทั้งสิ้น แม้กระทั่งคดีที่นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ศาลท่านยังไม่ตัดสินเลย เพราะอยู่ในสมัยประชุม ก็ใช้มาตรา 131 นี่แหละ เพราะฉะนั้นใครมาอธิบายความว่าผมใช้เอกสิทธิ์ ไม่ใช่ ผมไม่เคยขอใช้เอกสิทธิ์ของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของศาลท่านจะทำหนังสือมายังประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชัย ชิดชอบ และนายชัยนำเอาเรื่องนี้มาขอมติต่อที่ประชุม และผมก็จะไม่ร้องขอ แต่ต้องอธิบายความว่า ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาจนกระทั่งถึงผมทุกคนก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้เมาตรา 131 ของรัฐธรรมนูญ ให้ความคุ้มครองทั้งสิ้น ใครที่มาแดกดันด้วยความไม่รู้ โปรดไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 131 เสีย ต้องให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย

 

ประการต่อมา ผมต้องการอภิปรายวันนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาเป็นคนไทย เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย และได้ใช้สิทธิในการต่อสู้ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ และคดีความถ้าถึงเวลาที่ผมต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการ ไม่มีปัญหาใดๆ กราบเรียนกับท่านประธานว่า ผมต้องใช้เวทีรัฐสภาแห่งนี้เพื่ออธิบายความว่า ในระหว่างผู้ถูกปกครองกับผู้ปกครองนั้น แต่ละฝ่ายจะทำหน้าที่กันได้อย่างไร พี่น้องประชาชนที่เป็นพรรคพวกผม เขาจะอยู่ในประเทศนี้ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร

 

"ผมไม่ประสงค์ให้มี 'วีรชน' ในประเทศนี้อีก"

ท่านประธานที่เคารพ ผมเป็นคนหนึ่งที่อธิบายความให้ฟังได้ทุกที่ว่า ผมเป็นคนในเหตุการณ์พฤษภา 2535 หลังจากพลตรีจำลอง ศรีเมือง ถูกจับที่ถนนราชดำเนิน ผมเป็นคนทัพประชาชน เพื่อนนักศึกษาไปต่อสู้ต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับส.ว.ของท่าน สิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ นี่แหละ เราเป็นไม้สุดท้ายในเหตุการณ์พฤษภา 2535 เสร็จศึกพฤษภา ผมตระเวนไปเยี่ยมตามโรงพยาบาลต่างๆ ไปเจอคนเจ็บ ไปเจอคนตาย และขณะเดียวกันนั้น เวลาที่เกิดเหตุการณ์แบบพฤษภา 2535 นั้น เขาจะตั้งศูนย์เพื่อรับแจ้งคนหาย แต่ถามว่าทำไมวันนี้คนเขาไม่แจ้งกับกระทรวงพัฒนาสังคม เพราะเขาเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มันเกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชน มันไม่มีหน่วยงานอิสระใดๆ ขึ้นมาในการรับเรื่องเหล่านี้ เขาจึงไปร้องต่อสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ไปร้องกับพรรคเพื่อไทย ขอกราบเรียนท่านประธานว่า เหตุการณ์พฤษภา 2535 กว่าจะรู้ว่าคนตายจริงๆ คนสูญหายจริงๆ ต้องใช้เวลากันเป็นปีๆ เหตุผลก็คืออะไร ท่านประธานคงจำได้ว่า หลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 บางคนว่าจำนวนเท่านั้น บางคนว่าจำนวนเท่านี้ แต่สรุปท้ายคณะกรรมการญาติวีรชนเขาได้สรุปร่วมกับศูนย์ของมหาวิทยาลัยมหิดลว่ามีคนตาย 40 สูญหาย 40

 

ท่านประธานที่เคารพ เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2551 ผมเองทุกปี บางปีมีความจำเป็นจริงๆ ไม่ได้ไป ร่วมพิธีกรรมอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนที่พลีชีพเพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์พฤษภา 2535 ปีที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไป ท่านประธานไม่ทราบหรอกว่า ตั้งแต่ปี 2535 เวลา 17 ปีมานั้น แต่ละปีต้องไปเจอญาติวีรชนมาร่ำไห้ทุกครั้งถึงความสูญเสีย เจอกัน กอดคอกันร้องห่มร้องไห้ ผมมีความรู้สึกทุกครั้งว่า หลังจากเหตุการณ์ 2535 ผมไม่มีความประสงค์ให้ประเทศนี้มีวีรชนเกิดขึ้นมาอีก

 

ท่านประธานที่เคารพ ฉะนั้น แนวทางการต่อสู้ของพวกผมนั้นจึงจะหลีกเลี่ยงเรื่องความรุนแรง แต่วันนี้ที่ตกเป็นจำเลย ที่พยายามจะยัดเยียดว่า คนเสื้อแดงไปสร้างความรุนแรงนั้น ท่านประธานจะถึงบางอ้อโดยทันทีว่าแท้ที่จริงมันมีขบวนการกันอย่างไร ผมได้ผ่านพิสูจน์ของการระดมผู้คน ผมได้บอกกับเพื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ถ้าพรรคการเมือง นักการเมืองจัดตั้งขนคนกันมานั้น เราไม่ได้คนที่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย เขามาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมทดสอบที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ราชมังคลากีฬาสถาน คนเป็นเรือนแสน แม้กระทั่งวัดสวนแก้ว กระทั่งสนามศุภชลาศัย เราจึงมีความมั่นใจว่าแท้ที่จริงคนในบ้านเมืองนี้เขาต้องการให้บ้านเมืองนี้มีกระบวนการยุติธรรมที่มีมาตรฐานเดียว เขาต้องการให้ประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตย และพวกผมแต่ละคนนั้นไม่มีสถาปนาตัวเองว่าตัวจะเป็นผู้นำ เพราะเราต้องการจะบอกกล่าวต่อผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นผลประโยชน์ หรือวีรบุรุษนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับใคร แต่ควรจะเกิดขึ้นกับคนทุกคนในประเทศนี้

 

ผมลำดับความเรื่องนี้กับท่านประธานเพราะอะไร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ท่านประธานเชื่อไหมว่า เหตุการณ์พฤษภา 2535 นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการอย่างน้อย 2 ชุด ชุดหนึ่งรัฐบาลตั้ง อีกชุดหนึ่งให้กระทรวงกลาโหมไปสอบ ทุกปีคณะกรรมการญาติวีรชน แม่ทัพนายกองใดๆ เกี่ยวข้องกับการล้อมปราบพี่น้องประชาชน เขาจะไปต้านทุกคน แปลความกันว่า ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมานั้น ใครมือเปื้อนเลือดจากพฤษภา เขาจะต่อต้าน ท่านประธานเชื่อไหมว่า ปี 2543 สมัยรัฐบาลท่านชวน หลีกภัย ต้องให้เครดิตส่วนหนึ่ง ญาติวีรชนเขาไปขอให้เปิดเผยผลการสอบสวนชุดของกระทรวงกลาโหมที่มีพล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ เป็นประธาน สอบสวนเสร็จ 8 ปีนั้นปิดสนิทเลย คนไทยไม่รู้เลยว่า การปราบปรามประชาชนที่ถนนราชดำเนินที่มีคนตาย 40 สูญหาย 40 นั้นเอากำลังมาจากที่ไหนบ้าง ตอนแรกก็ให้มา 8 บรรทัด ผมยังกระเซ้าว่า ให้ปีละบรรทัดหรือยังไง ท้ายที่สุดญาติวีรชนที่ศพสูญหายที่เขายังตามอยู่แม้กระทั่งเวลาผ่านไป 17 ปีแล้วนั้น เขาแบกโลงไปทวงบอกขอผลการสอบสวนได้ไหม เผื่อจะรู้ที่เก็บของศพซึ่งตายไปในเหตุการณ์พฤษภาอีก 40 ศพ

 

ท่านประธานที่เคารพ ท้ายที่สุดมีการยอมเปิดเอกสารผลการสอบสวนทั้งหมดกว่า 300 หน้า โลกจึงรู้ว่าใครนำกำลังที่ไหนบ้าง คนที่เป็นญาติวีรชนจึงรู้ว่าเขาผิดพลาดอย่างรุนแรงเพราะไม่รู้ว่าคนบัญชาการในการปราบปรามในโรงแรมรัตนโกสินทร์ หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ บริเวณถนนราชดำเนิน ดันได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกอยู่แล้ว โดยที่ญาติวีรชนเขาไม่รู้ นี่ผมยกตัวอย่างกรณีพฤษภาที่เห็นว่ามีการฆ่ากันชัดเจน

 

ความคับแค้นจาก "พลเมืองชั้นสอง"

ท่านประธานที่เคารพ ถามว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร พวกผมต้องการอะไร แล้วนายกฯ อภิสิทธิ์กับพวกผมสื่อสารกันอย่างไร ผมบอกว่าโดยความรู้สึกส่วนตัวกับผมนั้น นายกฯ อภิสิทธิ์กับผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเป็นการส่วนตัว แต่ว่าด้วยการทำหน้าที่ของการเกิดมาเป็นคนไทยนั้น มีความเชื่อที่มีความแตกต่างกันแน่นอน ท่านประธานที่เคารพ หลังจากการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 คนไทยเขามีความเชื่อว่าประเทศนี้มันไม่เป็นประชาธิปไตย พวกผมมีความเชื่อว่ารัฐธรรมนูญมันไม่เป็นประชาธิปไตย และการดำเนินคดีกับพวกผมมันเหมือนพลเมืองชั้นสอง มันสองมาตรฐาน วันนี้มันจะลามไปสามมาตรฐานแล้ว

 

ท่านประธานที่เคารพ จะเห็นได้ชัดว่าวันที่มีการยุบพรรค จนกระทั่งสลับขั้วกันมานั้น พวกผมก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงที่มาของรัฐบาลชุดนี้ แต่เอาเป็นว่าท่านประธานที่เคารพ เราต้องเสนอทางออก ในการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 24 กุมภา ถึงวันที่ 26 กุมภา ตั้งใจจะมาแต่เดิมว่าจะตีคู่กับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่หัวหิน ตั้งข้อเรียกร้องไป 4 ข้อ ซึ่งวิญญูชน สุจริตชน พึงจะรับฟังได้ บอกว่าจะต้องดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตามกฎหมาย สอง ต้องปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะไปร่วมยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน เป็นความผิดการก่อการร้ายสากล เป็นตัวแทนของประเทศไทยไม่ได้เพราะอยู่ในฐานะการก่อการร้ายสากล กฎหมายไทยก็มีโทษประหารชีวิต ท่านประธานที่เคารพ ข้อที่สามบอกว่า ให้รับร่างรัฐธรรมนูญของ คปพร. หรือเอารัฐธรรมนูญปี 40 เข้ามาใช้แทนรัฐธรรมนูญปี 50 ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญมาตรา 291 แล้วหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้นายกรัฐมนตรียุบสภา คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน

 

ท่านประธานที่เคารพ ช่อง 11 เอ็นบีที ช่องหอยม่วง บันทึกเสียงผมไปออกด้วยแล้วกันที่ผมอภิปรายเมื่อตะกี้นี้ ท่านประธานที่เคารพ วันที่ 24 25 26 กุมภา มีคนมาแดกดันว่าชุมนุมกัน 3 วันทำไมเลิก พวกผมคุยกันมาก่อนว่าเมื่อรัฐบาลชุดนี้ไม่รักษาภาพลักษณ์ของประเทศ เอา กษิต ภิรมย์ มาเป็นตัวแทนของคนไทย เป็นหน้าที่ของคนเสื้อแดงจะรักษาหน้า รักษาตาของประเทศนี้เอง แล้วประกาศยกเลิกข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ แล้วยกระดับนำพาสู่การขับไล่ แล้วบอกว่า 1 เดือนจะมาใหม่ ท่านประธานที่เคารพ ปรากฏการณ์ซึ่งคนมีความไม่พึงพอใจอยู่แล้ว เพราะเห็นเลยว่าคดีที่เกิดขึ้นกับคนเสื้อแดงนั้นทำผิดวันนี้ พรุ่งนี้จับ มะรืนตัดสินเลย 3 วันจบ ทุกกระบวนการยุติธรรม ทำผิดวันนี้ พรุ่งนี้จับ มะรืนตัดสิน นั่นแปลว่าได้ว่า เสื้อสีเหลือง ตำรวจเพิ่งแถลงเมื่อวานนี้ว่า 240 คดี คนเสื้อแดงนี่ 103 คดี คนเสื้อน้ำเงินนี่หนังเหนียวไม่มีซักคดี ทั้งที่นี่แหละตัวการของปัญหา

 

ไปไกลกว่า "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หวังรื้อโครงสร้างไม่เป็นประชาธิปไตย

ท่านประธานที่เคารพ พอเรารอบนี้ เราไม่ได้มองปัญหาเฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่เรามองถึงโครงสร้างปัญหาว่าใครที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยึดอำนาจ 19 กันยานั้น ก็ได้คำว่าอำมาตยาธิปไตย นี่เป็นตัวการแทรกแซงระบอบประชาธิปไตย เป็นตัวคั่นกลางเหมือนผู้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี จึงมีการเรียกร้องกันว่า อำมาตยาธิปไตยนั้นมันจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ เรามีความเชื่อเรื่องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เห็นด้วยกับการไปจาบจ้วง ใครทำผิดว่าตามกฎหมาย แต่เราบอกว่าประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยไม่มีอำมาตยาธิปไตยที่จะมาแทรกแซง สมัยที่ผ่านมาจะโยกย้ายแม่ทัพนายกองที นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งต้องไปถามอำมาตย์เสียก่อนว่าโยกย้ายได้หรือไม่ อันนี้แหละที่ควบคุมประเทศ เราจึงบอกว่าเรามองข้ามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไปแล้ว เราจะพูดถึงอำมาตยาธิปไตย

 

ท่านประธานที่เคารพ มีการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เมษายน มีคนหลายแสนคน จำนวนพิสูจน์ได้ แม้กระทั่งในวอรูมพรรคประชาธิปัตย์เองก็บอกว่าหนึ่งแสนคน แต่เอาล่ะ คนเกินหนึ่งแสนคน แต่จะเกินเท่าไร 3 แสน 4 แสน ก็พิสูจน์กันไป วันนั้นเราไม่มีความคิดที่จะทำอะไรเป็นความรุนแรง ยื่นก่อน 24 ชั่วโมง ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการอะไร ก็ไปปิดองค์กรต่างๆ ซึ่งอยู่รอบนอก จนกระทั่งมีพี่น้องแท็กซี่เขาไปปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พวกผมเองก็ได้ข่าวว่าจะมีการล้อมปราบ จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็เอาคนไปช่วยเพื่อไม่ให้มีการล้อมปราบ แล้วท้ายที่สุดวันรุ่งขึ้น รัฐบาลตอนนั้นประกาศให้เป็นวันหยุด ผมก็ไปชวนเขาบอกว่าอย่าปิดเลย ออกมาเถอะ แต่การประชุมที่พัทยาที่เป็นชนวนสำคัญ นำพาสู่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และคนเสื้อแดงเขาไม่มีโอกาสจะมาชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ แต่ที่เขาเข้าไปโรงแรมรอบหลังนั้นมันเป็นผลจากเสื้อสีน้ำเงินซึ่งรัฐบาลไม่เคยตอบ ที่ร.ต.อ.ดร.เฉลิม ตั้งคำถามว่าได้เอาตำรวจจากนครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ มาเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อสีน้ำเงิน เวลาวิ่งพวกนี้จึงวิ่งถอดเสื้อทิ้งเป็นกอง ให้คนเสื้อสีแดงเอามากอง เพราะจริงๆ พวกนี้คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ บวกกับอันธพาลบางส่วน จะเห็นได้ชัดว่าทำงานร่วมกับทหาร มีการตะเบ๊ะกันอะไรกัน ภาพอย่างนั้นเห็นกันไปหมด

 

ท่านประธานที่เคารพ  เหตุการณ์ 7 ตุลาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ท่านยังไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.พัชรวาท เรื่องการใช้ความรุนแรง ให้ดำเนินคดีกับการใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน ไปยื่นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่การที่รัฐบาลชุดนี้ให้คนนอกรัฐธรรมนูญบางคนไปเอาตำรวจมาใส่เสื้อสีน้ำเงินมาคุมทีมไว้ที่สุวรรณภูมิ แล้วไปใช้งานที่พัทยา แล้วยิงใส่คนเสื้อแดงก่อนหน้านี้ เขวี้ยงก้อนหินใส่ ยิงหนังกะติ๊กใส่

จำเป็นต้องบุกที่ประชุมอาเซียน เพราะคนเสื้อแดงโดนยิง

ท่านประธานที่เคารพ อริสมันต์ เขาบอกว่า ถ้าไม่สามารถเอาคนที่ยิงมาได้ภายใน 1 ชั่วโมง เขาจะเข้าไปในโรงแรม เขามีสิทธิที่จะปกป้องชีวิตคนไทยที่เป็นเสื้อแดงว่า 2 ชีวิต และมีการยิงเพิ่มแท็กซี่อีก 2 คน เขามีสิทธิที่จะปกป้องชีวิต 4 คนนั้นไม่มีใครมีสิทธิเอาปืนไปยิงเขาได้ เรื่องนี้มันนำพาไปสู่โรงแรม นั่นคือที่มาที่ไป แล้วบอกว่ามีการประกาศชัยชนะ ไม่มีมนุษย์ที่ไหนไปประกาศชัยชนะหรอก หลังจากยกเลิกการประชุม ถ้าเราต้องการต้านการประชุมจริงๆ นั้น ก็ต้องทำตั้งแต่หัวหิน ไม่มีใครประกาศชัยชนะอะไรเลย เรารู้ว่านี่คือจุดของประเทศ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ มัน 2 ชีวิต บวกอีก 2 เป็น 4 ชีวิต ถูกยิงแล้วไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย เอาเจ้าหน้าที่มาใส่ชุดเสื้อสีน้ำเงินแล้วมาไล่ยิงไล่ฆ่าประชาชนได้ยังไง

(เกิดการประท้วง จากส.ส.ประชาธิปัตย์ จังหวัดชลบุรี ต้องการเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นเช่นกัน แต่ประธานสั่งให้เล่าในภายหลังการอภิปรายของนายจตุพร และสั่งให้ถอนคำว่า "ตอหลด ตอแหล" )

ท่านประธานที่เคารพ ผมรับผิดชอบ ขอกราบเรียนท่านประธานนั้น เหตุการณ์ที่พัทยานั้นได้ลามมาที่กทม. พวกผมเองก็รับรู้กันเบื้องต้นว่า คนเสื้อแดงที่มีจุดแข็งว่าเขามากันเองนั้น กำลังจะกลายเป็นจุดอ่อน เพราะผมก็รู้ทันทีว่า ลองไปใส่เสื้อสีน้ำเงินได้ สักพักก็จะใส่เสื้อสีแดงไปสร้างสถานการณ์ เหตุการณ์ที่พัทยา มันลามสู่วันรุ่งขึ้นมีการออกหมายจับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เป็นคดีการปราศรัยที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นคนละคดีกับที่ไปพัทยา อริสมันต์ถูกจับกุมตอนเช้าที่บ้าน ผมเองมาที่เวที แล้วก็ได้ประสานงานสอบถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมเอาอริสมันต์ไปไว้ที่ไหน ตอนนั้นไปทางวิภาวดีรังสิต แล้วก็พากันไปเรื่อยๆ ๆๆๆ ผมจึงตัดสินใจโทรหา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน  พล.ต.ต.อำนวยบอกผมว่าอย่างไรก็แล้วแต่ไม่เกินบ่ายโมงจะนำนายอริสมันต์มาที่ศาลอาญาเพื่ออนุมัติขอศาลในการควบคุมตัว แล้วถ้าต้องการประกันตัวก็ให้ไปประกันที่ศาล ผมจึงบอกนายการุณ โหสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ให้เตรียมเอกสารไปประกันตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ผมเองก็สอบถามจนรู้ว่า อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อยู่ที่คลอง 5

ชะตากรรม "อริสมันต์" หลังถูกจับ

เมื่อวานนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่ามีการปิดล้อมศาลอาญา เป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง ถ้าใครปิดล้อมศาลอาญา ศาลท่านต้องดำเนินคดีหมิ่นศาล มีคนอยู่รอบศาล แต่ไม่มีคนไปคุกคามศาลหรือปิดศาลใดๆ ทั้งสิ้น ประเด็นนี้เป็นความเท็จ 100% มีคนไปจำนวนมากจริง แต่เขาต้องการประกันตัวอริสมันต์ ผมตามไปทันที่คลอง 5 ปรากฏว่าเวลาเที่ยงครึ่ง พอไปถึงค่าย ตชด.ที่คลอง 5 เขาบอกว่าถ้านายจตุพรต้องการพบนายอริสมันต์ให้เข้าไปคนเดียว ตั้งแถวกันปุ้บปั้บๆ เต็มไปหมด ผมบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ปรากฏว่าคำสั่งประกันตัวจะมีใครแทรกแซงหรือไม่ผมไม่ทราบ เวลาเที่ยงครึ่งถึงบ่ายโมงที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน บอกว่าจะต้องส่งศาลภายในบ่ายโมงนั้น ปรากฏว่าเปลี่ยนให้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บอกว่าจะไปศาล ท้ายที่สุดบอกว่าศาลไม่รับแล้วเพราะเลยเวลา จะเอาอริสมันต์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ให้ได้ ผมเป็นเพื่อนเก่ากับอริสมันต์ เป็นมิตรร่วมรบกันมาตั้งแต่พฤษภา 2535 ผมบอกว่าถ้าเอาอริสมันต์ไปผมยังไม่ถูกหมายจับ ยังไม่เป็นผู้ต้องหา ขอใช้สิทธิตามอริสมันต์ไปด้วย

 

ท่านประธานเชื่อไหมว่า เฮลิคอปเตอร์บินไป ถามใครก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด จนกระทั่งอยู่บนฟ้าแล้วบอกให้ไปที่ค่ายนเรศวร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไอ้เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไม่ได้เติมน้ำมันไว้เพราะไม่ได้มีภารกิจว่าจะไปค่ายนเรศวร อริสมันต์เขาก็มีความเชื่อ ผมก็นั่งนิ่งไม่มีปัญหาอะไร พอเปลี่ยนเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่แล้วไม่มีจุดหมายปลายทางบินวนไปวนมา เขาจึงไปล็อกคอเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่คนนั้นก็น่าเห็นใจ เพราะเขาเองไม่ไว้วางใจว่าชีวิตเขาจะปลอดภัยหรือไม่ ผมก็เป็นคนห้าม และผมบอกว่าใครมีชะตากรรมแบบนี้ที่ไม่รู้ว่าจะถูกเอาไปฆ่าที่ไหนหรือเปล่านั้น เขาย่อมมีความรู้สึกอย่างนี้ได้ จึงลงที่ค่ายกองพลทหารสื่อสารที่ 1 ที่ทุ่งมหาเมฆ ท้ายที่สุด คณะผมก็มารับผมออกไป อริสมันต์ก็ไปค่ายนเรศวร แล้วพรรคพวกก็ไปรออยู่ที่นู่น แต่วันนี้ผมอธิบายกับท่านประธานว่า ขนาดผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนไทยคนหนึ่ง ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะพาไปไหน ทั้งที่จริงแล้วสิทธิของคนที่ถูกกล่าวหาอย่างอริสมันต์ พงษ์เรืองรองนั้น เขาต้องรู้ว่าจะพาเขาไปไหน เมื่อไม่รู้ต้นสายปลายทาง เขาย่อมมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย

 

ประเด็นต่อมา ฉะนั้นเหตุการณ์จึงพัฒนามาอย่างนี้ คนที่เขาชุมนุม เห็นผมหายขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์กับอริสมันต์ เขาก็มีความไม่สบายใจต้องการจะไปสอบถามนายกรัฐมนตรี มันก็เลยลุกลามไปที่กระทรวงมหาดไทย ทำไมไม่มีการสอบสวนให้ครบถ้วนว่าได้มีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชนหรือเปล่า ภาพที่เห็นก็ว่ากันไป แต่ต้องฉายให้ครบว่ามีการยิงใส่ประชาชนตายหรือไม่ มีประชาชนบาดเจ็บแน่นอน มีการยึดปืนอูซี่จากรปภ.ของนายกรัฐมนตรีแน่นอน แล้วก็ดำเนินคดี ว่ากันไปตามกระบวนการตามกฎหมาย เพียงแต่ว่าชุดรปภ.ของนายกรัฐมนตรีมีสิทธิยิงใส่ประชาชนหรือไม่ ผมขอกราบเรียนท่านประธานว่า การมองต้องมอง 2 มุม เรื่องอะไรที่ผมทำ พรรคพวกผมทำ ผมไม่ปฏิเสธ ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมให้มันยุติธรรม

พ.ร.ก.ฉุกเฉินระหว่งาคนเสื้อแดง VS พันธมิตรฯ

ท่านประธานที่เคารพ หลังจากประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พวกผมที่ชุมนุมกันรู้สึกอย่างไรบ้าง ผมกรู้ว่าฉบับนี้เป็นฉบับเดียวกันที่ประกาศในวันที่พันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาล เป็นฉบับเดียวกันที่พันธมิตรฯ ยึดสนามบินดอนเมือง เป็นวันเดียวกันกับที่พันธมิตรฯ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย แล้วท้ายที่สุดขณะที่พันธมิตรฯ ถูกยื่นหมายจับก็มีการอุทธรณ์ อย่างที่มาแดกดันผมอยู่เวลานี้ว่าทำไมไม่มอบตัว ก็มีการเพิกถอนหมายจับ จนกระทั่งเอาข้อหากบฏออก ในวันที่ยังมีพ.ร.ก.อยู่ไปมอบตัว สน.นางเลิ้งให้ประกันตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข แล้วส.ว.ที่นี่ไปเป็นนายประกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อธิบายให้ฟังว่านี่คือที่เขาปฏิบัติกับพันธมิตรฯ พันธมิตรฯยึดทำเนียบฯก็พ.ร.ก.ฉบับเดียวกันนี้ ยึดสุวรรณภูมิก็พ.ร.ก.ฉบับเดียวกันนี้  ทำพิธีส่งมอบแล้วก็กลับบ้านได้ วันนี้คดียังไม่ส่งฟ้องเลย พันธมิตรฯ ออกจากดอนเมือง สุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ทางตำรวจบอกภายในสัปดาห์นี้ นายสุเทพ เทืองสุบรรณมาพูดต่อ ภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า แปลความว่า คดีที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ สอบสวนพยานเกือบ 200 ปาก 300 ปาก แล้วจึงจะออกหมายจับ แต่คนเสื้อแดงออกหมายจับเต็มบ้านเต็มเมืองทั่วทั้งประเทศ ท่านต้องการจะอยู่ในสถานะของผู้ไล่ล่าแบบนี้ ผมจึงบอกว่าสถานการณ์ขณะนี้ มันลามเข้าไปเรื่อยๆ ที่สำคัญที่สุดคือ ได้มีการพูดล่วงหน้าทั้งนั้น คนที่วาจาสิทธิ์คนหนึ่งคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พอบอกจะมีการเผาเมือง ไฟก็ไหม้ มีความวุ่นวาย ก็มีความวุ่นวาย

แกระรอยรถแก๊สดินแดง-คิงเพาเวอร์ ชี้มาจาก "ขบวนการจัดฉาก"

กรณีที่เกิดขึ้นเรื่องรถแก๊ส ก่อนจะพูดเรื่องนางเลิ้ง เพชรบุรี ซอย 5 ซอย 7 และรถเมล์ ท่านประธานทราบไหมว่า รถแก๊สที่นายสุเทพบอกว่ามี 2 คัน นายสุเทพบอกว่าเป็นของบริษัทสยามแก๊ส เพื่อต้องการจะโยงถึงพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ประธานบอร์ดสยามแก๊ส นี่นายสุเทพก็พูดความเท็จ รถแก๊สที่จอดอยู่ที่แยกดินแดงนั้น ทะเบียน 819629 นนทบุรี อีกคันหนึ่งที่จอดที่ศรีอยุธยา ไปโรงพยาบาลสงฆ์ แล้วก็ไปที่คิงเพาเวอร์ ทะเบียน 966747 กรุงเทพฯ ท่านประธานที่เคารพ ฟังแล้วเรื่องนี้มันน่าสนใจ รถแก๊สที่จอดที่ดินแดงนั้น (ชูรูปประกอบ) ไปค้นทะเบียนขนส่งมาเรียบร้อย เจ้าของคือบริษัท ธนวิน บริการ ตั้งอยู่ที่ 38/513 บ้านท่าทราย นนทบุรี อีกคันหนึ่งที่จอดหน้าคิงเพาเวอร์เป็นของบริษัทตึกช้างบริการ จำกัด ตั้งอยู่ที่ 1743 ถนนพหลโยธิน ลาดยาว จตุจักร ที่น่าสนใจคือ คันแรก บริษัทธนวิน บริการ กรรมการบริษัทนี้มี 2 คน คือ นายแสงทวี ธนาดำรงศักดิ์  นางปราณี ธนาดำรงศักดิ์ มีกรรมการ และทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท รถอีกคันที่เป็นของบริษัทตึกช้างบริการนั้น เจ้าของชื่อนายแสงทวี ธนาดำรงศักดิ์ นางปราณี ธนาดำรงศักดิ์ มาจาก 2 บริษัทโดยชื่อคนคนเดียวที่เป็นเจ้าของ ที่น่าสนใจอีก มีการลำดับเหตุการณ์บอกว่า รถแก๊สที่จอดดินแดน (819629) เมื่อเวลา 23.00 น.ของวันที่ 12 เม.ย.นั้น ได้ไปเติมแก๊สที่คลังแก๊สของบริษัทสยามบริการ ถนนสาธุประดิษฐ์ แล้วก็ถูกยึด แล้วอีกคัน (966747) ไปเติมแก๊ส ถ่ายแก๊ส ที่ปั๊มแก๊สอาร์พี ถนนพระรามเก้า ผ่านแยกโรงแรมฟอร์จูนมาทางแฟลตดินแดง ระยะทาง 400 เมตร และถูกยึด

 

ขอกราบเรียนท่านประธานว่า รถแก๊ส 2 คันมาจากคนละที่และเป็นเจ้าของเดียวกัน ท่านประธานแลเห็นไหมว่ามันมีความแปลกอยู่ชัดเจน ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนท่านหนึ่งเป็นนักเขียนอาวุโส เขาได้ให้ข้อมูลไปสืบเสาะได้อย่างชัดเจนว่า รถแก๊ส 2 คัน นี่เวลาที่มาจอดที่โรงแรมคิงเพาเวอร์ (ชูรูปประกอบ) จอดอย่างสงบ ไม่มีเสื้อแดงแม้แต่เพียงคนเดียว มีรปภ. มาคุยกันไม่ได้มีความวิตกเลยว่าจะมีคนมาระเบิดตึก ท่านประธานเห็นหรือยังที่ผมบอกว่ามีขบวนการจัดฉาก เอารถแก๊สไปไว้ที่ดินแดง อีกคันหนึ่งก่อนมาจอดที่คิงเพาเวอร์ ต้องการจะสร้างความเข้าใจผิดกับพี่น้องชาวพุทธ เลยไปจอดที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อให้คนเสื้อแดงมีปัญหากับศาสนาพุทธอีก แต่ปรากฏว่าไม่กระเตื้อง สุดท้ายเอามาคืนกลับที่คิงเพาเวอร์ มีเสื้อแดงซักคนไหมท่านประธาน นี่คือการข่มขู่ไหมท่านประธาน ถ้าเสื้อแดงข่มขู่คิงเพาเวอร์ แล้วเสื้อแดงไปไหนหมด ผมจึงบอกกับท่านประธานว่า นี่คือขบวนการจัดฉากที่จะใส่ร้ายคนเสื้อแดง แล้วมันใส่ร้ายอย่างได้ผลด้วย ตั้งแต่วันที่ 12 เป็นต้นมา คนเสื้อแดงถูกปิดข่าวโดยสิ้นเชิง มีการออกข่าวว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับนายจตุพร พรหมพันธ์ ไปประกาศไม่รับผิดชอบความปลอดภัยกับสื่อมวลชน เป็นความเท็จ 100% ผมอยู่ในเหตุการณ์พฤษภา ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกสุจินดากับจำลองไปหย่าศึกกันนั้น นักข่าวถ่าย พอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานตอนสามทุ่ม สี่ทุ่มแล้วยังไม่เป็นข่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขอกลับบ้านก่อน มาด้วย จับมือกับผม ผมยังจำความเย็นของมือได้เลย เพราะนักข่าวไทยไปหมดเลย เหลือนักข่าวต่างประเทศ ปรากฏการณ์นี้เหมือนกัน สื่อสารมวลชนโดยเฉพาะช่องหอยม่วงเวลานี้บิดเบือนหมด เอารถแก๊สเข้าไป เอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรอง ทั้งหมดเป็นการดำเนินการโดยคนของรัฐบาลทั้งสิ้น ทำไมไม่มีการดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ หน้าตาก็โผล่สลอนอยู่ แต่ธรรมชาติ เวลาขับรถไปจอดที่ม็อบ คนก็นึกว่าเป็นพวก แท้ที่จริงไม่ใช่เป็นคนของรัฐบาล

 

ถ้าเสื้อแดงไปมันหาเสื้อแดงได้สักคนไหมที่คิงเพาเวอร์ รปภ.มีใครวิตกกังวลซักคนไหม นี่คือกรณีรถแก๊ส มันจึงอธิบายทุกอย่างว่า ที่ไปปลุกปั่นพี่น้องชาวดินแดงว่าเอาประชาชนเป็นเครื่องมือนั้น แล้วทำไมคิงเพาเวอร์ไม่โวยวาย ไม่ตกใจบ้าง และที่สำคัญที่สุด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ก็ไปแจ้งความที่สถานที่ตำรวจนครบาลดินแดง เมื่อวันที่ 16 เม.ย.52 ให้ดำเนินคดีกับคนที่เอารถแก๊สมา มีรูปพรรณสัณฐานอยู่ในภาพที่รัฐบาลเอามาเสนอนั่นแหละ เพราะนายไพโรจน์ก็ไปแจ้งความแล้ว หน้าตาชัดเจนแล้วว่าเสื้อดำนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วตำรวจ รัฐบาลไม่รู้จักออกหมายจับบ้าง เอาประชาชนในรัศมี 5 กิโล ปลุกระดมกันขนานใหญ่ ไปสร้างความเข้าใจผิดให้ชาวบ้านเป็นปฏิปักษ์กับคนเสื้อแดง ทั้งที่เป็นการจัดฉากทั้งสิ้น ทำไมไม่ออกหมายจับครับท่านประธาน

 

พวกผมแสวงหามิตรในการจัดชุมนุม ใครจะไปหาศัตรู นี่คือประเด็นหนึ่ง แล้วรถที่ไปจอดที่คิงเพาเวอร์ โรงแรมพูลแมน ซึ่งเป็นนายทุนของรัฐบาลชุดนี้ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล เคยบอกว่า นายสุเทพ และส.ส.ได้รับเงินจากโรงแรมนี้จากเจ้าของคือนายวิชัย รักศรีอักษร คนละ 1 แสนบาทต่อเดือน ท่านต้องชี้แจงกับสนธิ ลิ้มทองกุล นี่ไม่ใช่ผมพูด

เผารถเมล์ 50 กว่าคัน ท่ามกลางทหารล้อม

ท่านประธานที่เคารพ ประเด็นต่อมา เรื่องรถเมล์ นายไพโรจน์ อิสรเสรีพงษ์ ก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งเช่นเดียวกันว่าใครเอารถเมล์แล้วไปเผา ผมบอกท่านประธานว่า บางคันอาจเป็นคนเสื้อแดงจริง แต่หลายคันมีความผิดปกติ อย่างนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย พยายามอธิบายว่า มีการจับผิด การฉายคลิปวิดีโอที่วังปารุส หน้ากองทัพภาคที่ 1 มีเสื้อแดงคนหนึ่งถูกทหารลากมาจากรถเมล์แล้วมีการยิง ความจริงไม่ใช่แค่ตีหัวเท่านั้น มันเป็นการอธิบายที่ใช้ไม่ได้เลย ทหารก็ตีหัวประชาชนไม่ได้ ก็แก๊สน้ำตาพวกท่านจะเป็นจะตายให้ได้ แล้วนี่เอาท้ายปืนไปตีประชาชนแล้วบอกว่าไม่เป็นความรุนแรงได้อย่างไร แต่ท่านทราบไหมว่า คนเสื้อแดงที่ลากลงมานั้นเป็นคนขับรถเมล์ที่เจ้าของเขา หลังจากที่มีคนไปเอามา เขาบอกให้ใส่เสื้อแดงเพื่อไปเอากลับ ท่านลองไปสอบดู นี่พวกผมตามสอบ จะมีหลายคันไปเผาหน้ากองทัพภาคที่ 1 เผาที่แยกผ่านฟ้า ประชาชนจะมาชุมนุมที่ทำเนียบฯ ยังเข้าไปไม่ได้ แต่รถเมล์ตอนหลังนี่เข้าสะดวก เขาไปคนเดียวจุดไฟเผาๆ  50 กว่าคัน ที่เผา 30 กว่าคัน ถามรัฐมนตรีช่วยคมนาคมสิว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีที่ไหนบ้างว่ามีการปล้น ไล่ผู้โดยสารลง ท่านจะตบแต่งพันธุกรรมที่ไหนก็ตบแต่งไป แต่ประกาศให้ประชาชนได้รู้ว่าใครขึ้นรถเมล์คันนั้นบ้าง ไม่เป็นข่าวเลย แล้วรถเมล์ประสาอะไรขับมาคนเดียวแล้วไปเผาได้เลย แล้วทหารปิดด่าน ปิดหมด ประชาชนยังเข้าไม่ได้ รถเมล์เข้าได้ ท่านคิดว่าการสร้างสถานการณ์แบบนี้คนไทยเขากินแกลบกันหรือไง ไอ้ที่ยึดก็ว่ากันไป ดำเนินคดีเลย ท่านลองไปตรวจสิว่า กระเป๋าหนึ่ง คนขับหนึ่ง 52 คัน 104 คน ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนทำไมไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี ปล้นมาจากตรงไหน เคลื่อนมายังไง ประชาชนเดือดร้อนยังไง ไม่มีการอธิบาย ไม่มีที่มาที่ไป มาถึงไฟไหม้พรึบๆ อภินิหารย์ไหมท่านประธาน

 

ตั้งค่าหัวคนยิงมัสยิดเพชรบุรีซอย 5 ซอย 7- ยิงคนนางเลิ้ง

ประเด็นต่อมา เรื่องเพชรบุรีซอย 5 ซอย 7 ประเด็นนี้เป็นประเด็น sensitive กระเทือนความรู้สึกของพี่น้องมุสลิม ที่เล่าว่ารถแก๊สที่ไปจอดที่คิงเวอร์นั้น ได้ไปจอดที่โรงพยาบาลสงฆ์ก่อน แล้วปรากฏว่ามันไม่เวิร์ค ไม่เป็นข่าว ขณะเดียวกันท่านทราบไหมว่าเหตุการณ์ที่เพชรบุรีซอย 5 ซอย 7 ในโลกไซเบอร์เขาก็อธิบายความกันมากมาย แต่ผมจะไม่ต่อล้อต่อเถียงเพื่อให้เกิดเป็นประเด็น เพียงอยากเรียนกับท่านประธานว่า คนที่มาชุมนุม เป็นคนเสื้อแดงนั้นเป็นมุสลิมจำนวนมาก มีที่ละหมาด มีร้านอาหารของมุสลิมที่คอยบริหารพี่น้องมุสลิม มีมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จาก กทม. จากหลายภูมิภาค มาชุมนุม เป็นมิตร ลูกน้องที่ขับรถให้ผมก็เป็นคนมุสลิม (ประธานแจ้งว่า ทางวิปมาบอกว่าฝ่ายค้านเหลือเวลาทั้งหมด 7 นาที)

 

วันนี้ต้องการหาทางออกไม่ใช่หรือ ที่ผมอธิบายความกับท่านประธานว่าเหตุการณ์มัสยิดซอย 5 ซอย 7 ผมก็ต้องการจะรู้ว่าใคร จึงตั้งเงินรางวัลนำจับ มีกองทุนอยู่แล้ว 500,000 บาท ใครเป็นคนยิง แล้วให้มีการดำเนินคดี ไม่ว่าเสื้อสีไหนทั้งสิ้น ไปยิงศาสนสถาน ไม่ว่าจะเป็นมุสลิม พุทธ คริสต์ ไม่ได้ทั้งนั้น แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เสื้อแดงจะไปมีปัญหากับซอย 5 ซอย 7 แต่ทั้งหมดเป็นการให้ข่าวด้านเดียว บิดเบือนข่าว บอกว่าชาวบ้านมาปกป้อง ทั้งที่จริงแล้วมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่อยู่ดีๆ คนเสื้อแดงจะไปยิงใส่มัสยิด เขาต้องการหาพวกอยู่ หาเพื่อนอยู่ ผมจึงตั้งรางวัล 500,000 บาท ไม่ต้องอธิบายความก็เห็นว่าเป็นนักการเมืองที่หยิบยกประเด็นนี้มาใช้ประโยชน์ ผมบอกว่าคนอย่างพวกเรานั้นไม่เลวพอที่จะมีปัญหากับศาสนิกอื่น เพราะว่าเสื้อแดงก็เป็นมุสลิมเต็มไปหมด และเราก็เห็นว่าการยิงมัสยิดเป็นการกระทำที่เลวทรามต่ำช้า ต้องจับกุม

 

เรื่องนางเลิ้งก็เช่นเดียวกัน ทำไมฆ่าคนตายไม่รู้กี่สมรภูมิ ทำไมจงใจเหลือ 2 ศพที่นางเลิ้ง เหตุผลคืออะไรครับท่านประธาน ผมได้รับรายงานตอนที่ผมปราศรัยวันที่ 13 เม.ย. เสียงปืนได้ยินตลอด ลองไปดูเทปที่บันทึกไว้ และผมก็ได้รับรายงานว่า การ์ดของนปช.ถูกตีตายไปแล้ว 3 คน แล้วศพก็ถูกดึงไป แล้วก็มีเสียงปืนยิงรัว ไม่รู้ว่าเอ็ม 16 หรือ อาก้า มีไฟไหม้ที่กระทรวงศึกษาฯ เพราะมันเป็นวาจาสิทธิ์ของใครเขา ปรากฏว่าทุกศพ บางศพ ที่คุณวรวัจน์ (เอื้ออภิญญากุล) ได้เล่าและไม่ยอมให้มีการเปิด บางศพดึงแย่งกันมาได้มาเป็นกางเกงก็มี บางศพที่เกิดเหตุการณ์ที่ผมบอกว่าจะพามาสภา บอกใบ้ก็ได้ว่าเป็นชาวจังหวัดเลย แต่เขาต้องการไปให้หน่วยงานพิสูจน์ศพเสียก่อน และเขาจะว่าตามกระบวนการนั้น เราบอกว่าดีแล้วว่ากันตามกระบวน มาสภาก็ได้แค่เป็นภาพเอาศพมาเท่านั้น เอาไปเข้าตามกระบวนการยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรมเสียก่อน

 

ท่านประธานที่เคารพ กรณีนางเลิ้ง ผมโชคดีที่ว่า อย่างน้อยที่สุดพี่ชายคนตายเขายังมีความยุติธรรมอยู่ในใจบ้าง เขาบอกน้องชายเขาอยู่ห่างจากที่ชุมนุม 200 เมตร กระสุนไม่ได้มาจากที่ชุมนุม มาจากด้านข้าง ผมเองก็ต้องการจะรู้เหมือนกันว่า 2 ศพที่ตายที่นางเลิ้ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นเจ้าภาพอยู่ตั้งแต่คืนแรกจนคืนสุดท้ายนั้น ใครคือฆาตกร ตั้งรางวัลนำจับ 500,000 บาทเหมือนกัน จับคนร้ายได้ ไม่ว่าเสื้อไหนหน้าไหนทั้งนั้น เพราะเราต้องการพิสูจน์เหมือนกันว่า ใครเป็นฆาตกรฆ่าประชาชน เขาไม่ควรได้รับโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ไม่ว่าเสื้อสีไหน ไม่ว่าเสื้อสีแดงหรือสีใดๆ ก็ตาม เป็นฆาตกรไม่มีใครปกป้องได้ แต่ว่าเราโชคดีที่พี่ชายเขายังมีความยุติธรรมอยู่

 

แม้กระทั่งการยิงศาลรัฐธรรมนูญด้วย M79 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจบอกว่าเป็นคนเสื้อแดง แล้วต่อมามีการยิงนายสนธิ (ลิ้มทองกุล) ก็บอกว่าเป็นคนเดียวกับที่ยิง M79 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ อยู่กันยังไงครับท่านประธานที่เคารพ ผมบอกว่าใครที่ยิงศาลรัฐธรรมนูญ เงินบริจาคมีอยู่ ขออีก 500,000 ตั้งรางวัลนำจับ รวมแล้ว 2 ล้าน ส่วนคดียิงนายสนธิ เป็นเรื่องของนายสนธิ ไม่เกี่ยวกับผม

 

ที่ลำดับนี้ก็คือว่าวันนี้เราเจอคนปลอมเป็นเสื้อแดงเต็มไปหมด เช่น ไปนั่งรถอยู่กับหมอเหวง โตจิราการ พอดูในรูปกลายเป็น พ.ท.กิตติพล ลักษณะศิริ  หัวหน้าฝ่ายข่าว พล 1 รอ. ใส่เสื้อสีแดงหน้าสลอน เพราะเสื้อที่แดงหาที่ไหนก็ได้ในโลก แต่วันนี้ต้องการอธิบายความว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมพวกผมตกเป็นจำเลย พวกผมมีสิทธิที่จะอธิบายความว่า พวกผมไม่ต้องการความรุนแรง

 

ผมจะเรียนกับท่านประธานเป็นประเด็นสุดท้ายว่า ทำไมพวกผมจึงยอมกันง่ายดาย วันที่ 14 เม.ย.ต่อคืนที่ 13 ในทางการข่าวบอกว่าประมาณตี 3 ครึ่งจะมีการสลายการชุมนุม ผมนั่งประชุมกันบอกว่าถ้าจะมีการสลายมีการปราบ เราก็จะยินยอมให้ปราบโดยดี เพราะไม่ต้องเอาประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก เอาประชาชนมาล้อมตัวเองแล้วไปนั่งท่ามกลางวงล้อม ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพราะพวกผมประกาศกันมาตั้งแต่ต้นว่าเราไม่ต้องการแม้กระทั่งเอา 1 ชีวิตมาเป็นเครื่องสังเวยในการต่อสู้ ผมไม่ต้องการเห็นวีรชนอีกแล้ว ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นวันที่ 14 เช้าก็แล้ว สายก็แล้ว ผมขึ้นไปปราศรัยบนเวที  (เพลงชาติดังขึ้น) ... สามเหลี่ยมดินแดง แยกอุรุพงษ์ หรือที่ใดๆ ก็ตาม ตลอดระยะเวลาคืน 12 คืน 13 สามวันผมไม่ได้อาบน้ำเลย ด้วยความสัตย์จริงเลยว่า แต่ละวันได้รับรายงานว่าถูกยิงที่นั่น เอาศพกันไปที่นี่ มีคราบเลือด มีเสื้อ เอากระสุนมากองๆๆ คนแล้วคนเล่า ผมก็คุยกันว่าเราจะเอาอย่างไรดี ถ้าเราต้องการชนะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ง่ายดายมาก

 

ตัดสินใจไม่เอาชีวิตมวลชนเข้าแลก เพื่อล้มอภิสิทธิ์

วันที่ 14 เหตุที่ผมไม่ได้อยู่ในที่ชุมนุม เพราะเมื่อผมปราศรัยเสร็จ เอารถเล็ก คนสองคน ผมต้องการไปตระเวนดูว่าที่ผดุงเกษมเป็นยังไง ยมราชเป็นยังไง ผ่านฟ้าเป็นยังไง จะได้ประเมินสถานการณ์ถูก แต่ปรากฏว่าพอออกไปแล้วนั้น นึกไม่ถึงว่าจะย้อนศรปราบกันตอนนั้น แล้วเข้ามาไม่ได้อีกเลย แต่พวกผมเองก็โทรศัพท์พูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา และมีแนวความคิดอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ ให้เข้ามาสลายเลย แล้วสุดท้ายก็นำพาสู่การบาดเจ็บล้มตาย ท้ายที่สุดอภิสิทธิ์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะนี่คือการฆ่ารอบทำเนียบฯ การฆ่าที่ดินแดงอาจจะเก็บศพไปได้ เดี๋ยวพิสูจน์กัน การฆ่าที่จุดอื่นอาจเอาศพไปได้ เดี๋ยวพิสูจน์กัน แต่การฆ่ารอบทำเนียบ พวกผมเองรู้สึกว่าเราไม่ต้องการเอาชีวิตประชาชนมาสังเวยกับการต่อสู้กันอีกแล้ว ถ้าต้องการเอาชนะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ง่ายดายมาก ลงไปในวงล้อมของประชาชน เขาก็จะล้อมพวกผมที่เป็นแกนนำทุกคน แล้วท้ายที่สุด เมื่อเอากำลังทหารแถวหนึ่งแถวสอง แถวสองแถวสามเป็นพันธมิตร หรือเสื้อสีน้ำเงิน หรือเสื้อสีใดก็ตามนั้นแล้วก็มีคนบาดเจ็บล้มตาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็อยู่ไม่ได้ แต่นั่นต้องแลกกับชีวิตของพี่น้องประชาชน ทุกคนมีความรู้สึกกันอย่างนี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หมอเหวง โตจิราการ ที่ประกาศยอมสลายการชุมนุมแล้วไปมอบตัวที่ บช.น. ขณะที่ยังไม่มีหมายจับนั่น หมายจับนี่ตามหลังผู้ต้องหา พวกผมไปก่อนแล้วมีหมายจับได้ ของพันธมิตรฯ  6 เดือนยังไม่มีหมายจับ ของเสื้อสีน้ำเงินยิ่งสบายใจใหญ่ ไม่มีคดี ไม่มีหมาย เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสังคม เพราะฉะนั้นเราจึงตัดสินใจว่า แกนนำยอมประกาศยุติการชุมนุม รักษาชีวิตของผู้คน ถามว่ากลัวเรื่อง พ.ร.ก.ไหม ไม่มีใครกลัว แต่อยากเรียนกับนายกรัฐมนตรีว่า เวลานี้ปัญหาเต็มไปหมด แล้วการสร้างปัญหาของท่าน ท่านลองดูว่าที่มาอวดกันในสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ มีหน้าที่ไปติดตามผู้ต้องหาหรือ มีหน้าที่ขายข้าวไม่ใช่หรือ

 

ประเด็นที่สำคัญ ข่าวเพิ่งออกวันนี้ รัฐบาลเพิ่งตั้งเป็นทูตพิเศษ แต่วันที่ไปที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต ที่นั่งรถไป ก็นั่งอยู่ในรถไม่กล้าลงจากรถ แล้วให้เจ้าหน้าที่ลงไปถามว่านี่บ้านพ.ต.ท.ทักษิณไหม คุณผดุงล่ะ คุณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ล่ะ  แล้วท้ายที่สุด ท่านก็บอกว่า ออกไปแล้วก็กลับมาไม่ได้ ท่านไปถามคนคนหนึ่งไม่ใช่หรือว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอย่างพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ แล้วเขาตอบท่านเองไม่ใช่หรือว่า ประเทศนี้เป็นประเทศเสรี วันข้างหน้าถ้าท่านมีปัญหาท่านก็ไปอยู่ได้เหมือนกัน

 

ประเด็นที่สำคัญคือ แต่ตำรวจไทยก็มาแถลงว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรต นายอลงกรณ์ พลบุตร บอกกลับมา ประทานโทษตำรวจไทยบอกว่าอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรต นายอลงกรณ์บอกว่าออกไปแล้วก็กลับมาไม่ได้ วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณก็อยู่ในแอฟริกา นิคารากัว เป็นพลเมืองกิตติมาศักดิ์ พาสปรอ์ตในมือเต็มไปหมดไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าเวลาอธิบาย ประเทศไทยนอกจากตั้งข้อหาเฮงซวยแล้ว ยังเอารัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ไปทำหน้าที่จับผู้ต้องหา ผมว่าบ้าแล้วท่านประธานที่เคารพ แล้ววันที่ท่านไปท่านใช้งบประมาณอะไร ไปในฐานะอะไร เพราะท่านเพิ่งได้รับการแต่งตั้งวันนี้ว่าเป็นทูตพิเศษ ขายของไม่ขึ้นหรือถึงต้องไปทำหน้าที่นี้แทน

 

ท่านประธานที่เคารพ การที่ผมอธิบายความ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างได้เกิดขึ้นมากมาย ท่านเอารถแก๊สไปจอดที่โรงพยาบาลสงฆ์ไม่พอ งานวิสาขบูชา จัดทุกเดือนพฤษภาที่ท้องสนามหลวง เดิมรัฐบาลไม่ว่ามาจากเลือกตั้ง แต่งตั้ง จะให้งบประมาณประมาณ 10 ล้าน รัฐบาลชุดนี้ตัดงบเหลือ 2 ล้านบาท เขาไปประชุมที่กองทัพ จะขอกำลังทหาร ปกติทหารจะมานอนเต๊นท์ช่วยตกแต่งสถานที่ บอกว่าไม่ได้ อยู่ในประกาศภาวะฉุกเฉิน รอการสับเปลี่ยนกำลังในวันที่ 1 นี่ชาวพุทธเขาคลางแคลงใจมาก เอาทหารไปอยู่ตามวัดต่างๆ ที่ออกข่าวว่ามีคนตายที่นู่นที่นี่ แล้วทหารไปอยู่ทำบ้าอะไรในวัดสุ่นฯ ไปเฝ้าตามวัดต่างๆ อยู่ทำไม คนเขาก็มีความสงสัยสิว่ามีอะไรหรือเปล่า บอกว่าทหารไปนอนพักที่วัด ทหารมีหน้าที่อะไรไปนอนที่วัด มีค่ายทหารอยู่หรือเปล่า ท่านประธานลองนึกดู เวลานี้พระหลายรูปถูกคุกคาม งานพุทธศาสนา วันวิสาขะซึ่งเป็นวันสำคัญของโลกไปแล้ว ตัดจาก 10 ล้านเหลือ 2 ล้าน ไอ้รัฐบาลชุดนี้ นี่พระสงฆ์องคเจ้าเขาร้องกันมา แต่ที่ผมอธิบายวันนี้ทั้งหมด ไม่ได้อธิบายให้ตัวเองพ้นผิด แต่ต้องการอธิบายว่าพฤติกรรมทั้งหมด ไม่ว่ารถแก๊ส รถเมล์ การฆ่าประชาชนที่นางเลิ้ง ยิงใส่มัสยิดซอย 5 ซอย 7 กระทั่งการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่สามเหลี่ยมดินแดง เรื่องนี้ไม่จบ ท่านประธาน

 

เสนอตั้งกรรมการสอบโดยละเอียดเหมือนเหตุการณ์พฤษภา 35

การเอาฝ่ามือไปปิดแผ่นฟ้าไม่มีทางปิดมิด มันอาจจะปิดช่วงแรกได้ ท่านอาจจะปิดข่าวสารในประเทศไทยได้ในบางเวลา แต่ทั่วโลก ลองนึกดูว่า พฤษภา 2535 หรือแม้กระทั่ง 6 ตุลาคม 19 คนไทยไปเห็นภาพการจับการจับนักศึกษาแขวนคอและเผานั้นในต่างประเทศ ในไทยไม่ได้เห็น  พฤษภา 2535 ก็เช่นเดียวกัน ต้องดูข่าวเมืองนอก วันนี้ก็เหมือนกันเราก็เห็นภาพเห็นข่าวจากต่างประเทศ ผมจึงเรียนกับท่านประธานว่า เมื่อความจริงได้ปรากฏ ถามว่าวันนี้ความจริงปรากฏอย่างไร ผมได้เรียนกับท่านประธานในตอนต้นว่า เหตุที่เขาไม่มาร้องกับรัฐบาลนี้ เพราะเขาไม่เชื่อ ไม่มีญาติคนตายที่ไหนเขาโง่พอไปร้องหาความยุติธรรมกับฆาตกรหรอกท่านประธาน  ผมต้องการให้สภาแห่งนี้ตั้งคณะกรรมการอิสระชุดใดก็ได้ อาจไม่มีใครที่เกี่ยวข้อง ดูหน้าแล้วอิสระจริงๆ ขึ้นมาสอบสวนเลย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สามเหลี่ยมดินแดง นางเลิ้ง มัสยิดซอย 5 ซอย7 การยึดรถเมล์ การใช้กระสุนของทหาร ให้มีขบวนการสอบสวนเหมือนกับเหตุการณ์พฤษภา 2535 เราจึงจะรู้ได้ว่า กระสุนที่ได้มาเป็นหลักฐานนั้นมาจากหน่วยไหน ท่านประธานที่เคารพ เมื่อพฤษภา 35 เขาให้ปากคำหมดว่าเอารถมากี่คัน กระสุนกี่นัด อะไรบ้าง ได้ใช้กี่นัด คืนกี่นัด ละเอียดหมดเลย ผมต้องการให้คณะกรรมการชุดนี้เกิดขึ้นมา

 

ท่านประธานอยู่ในสภาแห่งนี้ เป็นผู้ใหญ่ ผมเคารพท่าน แต่ผมอยากเรียนท่านประธานว่า เหตุการณ์ 7 ตุลาคม เพียงแค่ยิงแก๊สน้ำตา ท่านบอกว่านี่คือความรุนแรง ละเมิดสิทธิมนุษยชน ท่านลองใช้ความเป็นมนุษย์ส่วนไหนของท่านก็ได้ หรือสมาชิกรัฐสภาลองเอาต่อมไหนที่มันไม่มีอคติ ลองว่าไม่มีเสื้อแดง ลองถอดเสื้อ เพราะถอดเสื้อแล้วก็มนุษย์เหมือนกันหมด แล้วลองถามว่าถ้าวันที่ 7 มันรุนแรง การเอาเอ็ม 16 หรือแม้กระทั่ง 9 มม. อาก้า หรืออาวุธใดก็ตามนั้น มันไม่หนักไปกว่าวันที่ 7 หรือ แต่เพราะวันนี้มันเกิดขึ้นกับคนเสื้อแดง ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนอย่างพวกท่าน ความยุติธรรมมันจึงมีความแตกต่าง

 

ต้องเร่งคลี่คลาย 2 มาตรฐาน 3 มาตรฐาน

ท่านประธานเชื่อผมเถิดว่า ถ้าตราบใดบ้านเมืองนี้ยังมีคำว่า 2 มาตรฐาน และวันนี้มันลามไป 3 มาตรฐานแล้ว เมื่อก่อนบอกว่าแดงมาตรฐานหนึ่ง เหลืองมาตรฐานหนึ่ง วันนี้มีน้ำเงินอีกมาตรฐานหนึ่ง มี 3 มาตรฐาน ถามว่าบ้านเมืองนี้จะเดินไปยังไง ไอ้ที่ออกหมายจับและข่มขู่ว่าจะจับผู้คนนั้น ท่านจะจับคนหมดหรือท่านประธาน ตำรวจมีหน้าที่เลือกหรือว่าจะจับเฉพาะคนนี้ ทั้งที่เขาชุมนุมด้วยกัน พี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมกับพวกผมเขาก็พร้อมเหมือนกันว่า ถ้าวันไหนนัดหมายเขาไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 แสนที่มาในวันที่ 8 เขาพร้อมที่จะมาใหม่ ผมไม่ต้องการให้ใครบาดเจ็บล้มตาย แต่การฆ่าประชาชนที่ท้องถนน การใช้อาวุธสงครามในการเข่นฆ่าประชาชนนั้น คนที่กระทำความผิดต้องโทษข้อหาฆ่าคนตาย ถ้าเป็นายกรัฐมนตรีก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีฆาตกร นายกรัฐมนตรีทรราช ใครก็ตามที่ฆ่าประชาชนที่มาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยนั้นเป็นทรราชทั้งสิ้น ผมไม่ได้หวั่นเกรงหวั่นกลัวการดำเนินคดีกับผม แต่ผมเรียนประธานด้วยความรู้สึกว่าบ้านเมืองนี้จะหาความสงบไม่ได้เลย ผมหวังใจท่านประธานว่า รัฐสภาแห่งนี้น่าจะเป็นการชี้ทางหาความสงบ เพราะถ้าท่านบอกว่าเหตุผลที่ยังไม่ยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะตำรวจขอเวลาอีกหน่อยหนึ่ง นั่นคือว่าตำรวจออกหมายจับเพิ่มเติมคนแล้วคนเล่า คดีแล้วคดีเล่า แล้วท่านบอกว่าถูกหมายจับ คนไปมอบตัวแล้วเขาจะยอมจำนน ท่านเข้าใจผิด เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 มีการจับตามล่า ฆ่าถึงบ้าน ท้ายที่สุดเขาก็เข้าป่าจับปืน เกิดสงครามไทยฆ่าไทย วันนี้ไม่มีป่า ท่านประธาน ผมต้องการให้ท่านประธานรับรู้ว่า ถ้ารัฐบาลไล่ล่าประชาชนแบบนี้ ท่านลงพื้นที่ยากกว่าเดิม ไม่รู้ใครเป็นใคร แต่ไม่ใช่เพราะผม ผมเองต้องการว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไปได้ทุกหัวระแหง ประเทศมันต้องกลับไป ณ จุดนั้น ท่านประธานก็ต้องไปไหนได้ทุกที วันก่อนท่านประธานอยู่พรรคพลังประชาชน ไปสุราษฎร์โดนต่อต้าน แต่วันนี้ไม่แล้ว แต่เราไปบางที่แล้วถูกต่อต้าน บรรยากาศแบบนั้น มันจะจบลงบ้านเมืองต้องมีมาตรฐานเดียว มีความยุติธรรม  ถ้าความยุติธรรมไม่เกิด ความสงบไม่เกิด พวกผมเองจะไม่ยินยอมให้ถูกกระทำฝ่ายเดียว

 

ไม่มีข้อเรียกร้องใดต่อ "อภิสิทธิ์"

แต่ผมเรียนกับท่านประธานด้วยความรู้สึกว่าผมยังยึดแนวทางสันติ สงบ ปราศจากอาวุธอยู่ ท่านประธานคงได้แลเห็นว่าพวกผมไม่มีใครถูกจับอาวุธแม้แต่เพียงคนเดียวหลังจากมีการสลายการชุมนุม แม้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่าพบระเบิดในห้องน้ำ ท่านก็เพิ่งมาพูดเมื่อวานนี้ ซึ่งท่านพูดอะไรก็ได้ แต่ผมบอกกับท่านประธานว่าผมยังมีความเชื่อมั่นว่าความรุนแรงนั้นจะจบด้วยความไม่รุนแรง เพราะถ้าความรุนแรงจบด้วยความรุนแรง ทำไม 3 จังหวัดในภาคใต้ ประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินมา 5 ปีแล้ว หมดงบประมาณไปกี่แสนล้าน ต้องสังเวยกี่ชีวิต เมื่อก่อนบอกว่าเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนมาเป็น พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ตายมากกว่าเดิม บาดเจ็บมากกว่าเดิม แล้ววันนี้ก็ยังมีคนตาย คนเจ็บอยู่ ทั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพ.ร.ก.ฉบับนี้ใช้อยู่ทุกวัน ทำไมมันยังไม่จบ มีทหารเต็มเมือง แน่นกว่าที่กทม.อีก ผมจึงเรียนท่านประธานว่า การใช้กำลังเพื่อข่มขู่คุกคามประชาชนนั้นจะไม่ ท่านจะไม่ได้รับความร่วมมือกับประชาชน ยิ่งกดขี่มากเท่าไร ประชาชนยิ่งต่อสู้มากเท่านั้น แล้วเรื่องนี้จะจบด้วยความยุติธรรม ผมไม่เรียกร้องอะไรกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าเรื่องลาออก ยุบสภา เพราะท่านจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตาย ท่านเป็นฆาตกร ผมจึงไม่มีข้อเรียกร้องอื่นใด ขอบคุณท่านประธาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท