เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะ ร่วมประชุม หารือกับ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะผู้บริหารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบที่เหมาะสมของการบังคับใช้ กฎหมายอิสลามว่าด้วยเรื่องครอบครัวและมรดกของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งระบบ และบทบาทหน้าที่ของดาโต๊ะยุติธรรม รวมทั้งการเตรียมทำประชาพิจารณ์ร่างกฎหมายที่ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และให้การยอมรับ
ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวในโอกาสนี้ ว่า คิดว่าขณะนี้ยังไม่ถึงกับต้องมีการจัดตั้งศาลชารีอะห์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่จะให้มีการบังคับใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยเรื่องครอบครัวและมรดกให้ครอบคลุมมากขึ้น ในเรื่องของการที่จะร่างกฎหมายว่าด้วยครอบครัวและมรดก ชำระสมัยที่ชัดเจน ซึ่งได้ร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้คงจะมาคุยกันว่า สามารถที่จะนำไปประชาพิจารณ์ หรือการมีส่วนร่วมให้มีการยอมรับกันแค่ไหนในร่างกฎหมาย ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าเดิม
จากนั้นจะไปดูในเรื่องของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยจะใช้มัสยิดเป็นหลัก การอบรมให้ความเข้าใจตรงนี้ให้มากขึ้น อาจจะมองกันว่า การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ศาลจะมาสนับสนุนตรงนี้ได้ไหม โดยข้อพิพาทไม่ต้องถึงศาล ซึ่งเมื่อไปถึงศาลแล้วจะต้องปรับบทบาทของดาโต๊ะให้สามารถเข้าไปทำหน้าที่มากขึ้นได้อย่างไร
ปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการให้ความเป็นธรรม ความยุติธรรมให้กับพี่น้องในประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมได้รับนโยบายโดยตรงจาก นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยมีการติดตามการดำเนินของกระทรวงยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สมาชิกเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการสนับสนุนของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางไปศึกษารูปแบบการใช้กฎหมายอิสลามในประเทศมุสลิม รวมทั้งได้มีการเชิญ ดร.อาลี โกมาร์ ผู้ชี้ขาดทางศาสนาอิสลาม จากประเทศอียิปต์ เดินทางเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมปาฐกถาเรื่อง แนวทางการใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกในการพัฒนาประเทศ แก่ผู้นำศาสนาในพื้นที่ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีด้วย
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
