Skip to main content
sharethis

 
 
การจากไปของปุ๋ย-นันทโชติ ชัยรัตน์ (อีกหนึ่งนักต่อสู้เพื่อคนจน) และลูกชาย ลำน้ำ-เด็กชายไกรพล ชัยรัตน์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ทางครอบครัวชัยรัตน์และพี่น้องสมัชชาคนจนเขื่อนหัวนา เขื่อนราษีไศล จึงได้จัดงาน “ปุ๋ย ลำน้ำ สืบจิตใจการต่อสู้เพื่อคนจน” เมื่อวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2552 ณ วัดใต้ บ้านใหญ่ ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ
 
เวทีเสวนาใน หัวข้อ “ทิศทางขบวนการประชาชนจะไปทางไหน....?” เป็นประเด็นเสวนาที่มีการนำเสนอและแลกเปลี่ยน จากนักพัฒนา นักสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหว และนักวิชาการที่เปรียบเสมือนพี่เพื่อนของ “ปุ๋ย” นันทโชติ ชัยรัตน์ ผู้จากไป โดยรายงานนี้เป็นตอนที่ 2
 
0 0 0
 
วีรพล โสภา ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ซึ่งคลุกคลีกับปัญหาคนจนมาอย่างยาวนานคนหนึ่ง ได้บอกว่า ตอนนี้ใครๆ ก็อ้างการเมืองภาคประชาชน แต่ก่อนผมโดนด่า โดนว่าสารพัด แต่ตอนนี้ใครๆ ก็ชุมนุมกันและก็อ้างประชาชนกันหมด   หาก ให้คิดถึงสิ่งที่สมัชชาคนจนได้ต่อสู้มาสิบกว่าปีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การอ่อนตัวลงของอำนาจรัฐ เพราะเราได้กดอำนาจรัฐให้อ่อนตัวลง จากที่แต่ก่อนเขาจะทำอะไรเขาก็ตัดสินใจเอง กำหนดเอาเอง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เขาจะทำอะไรเขาก็คิดระวังมากขึ้น คิดถึงคนที่จะคัดค้านมากขึ้น
 
สมัชชาคนจนรวมตัวกันมากๆ เพื่อให้เกิดอำนาจ ถามว่าเรามีอำนาจไปเพื่ออะไร ก็เพื่อเอาอำนาจนี้ไปต่อรองกับอำนาจรัฐยังไงล่ะ แต่ ตอนนี้มันเป็นสงครามสีเพราะคนเราฆ่ากันได้แล้วไม่ว่าเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ซึ่งข้อดีของการที่มีคนมาต่อสู้กับสองสีนี้คือ มันทำให้คนตระหนักในสิทธิของตนเอง รู้ว่าตนเองมีสิทธิที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผู้นำ   ซึ่งทั้ง 2 สีมีข้อดี-อ่อน ไปคนละอย่าง แต่ก็ถือว่ามีเจตนารมณ์เดียว วัตถุประสงค์เดียว คือต้องการเห็นการเมืองไทยที่ดี คนจนจะต้องเลือกที่จะเก็บส่วนที่ดีจากทั้งสองฝ่ายมาปรับใช้เคลื่อนไหวเรียกร้อง
 
“แต่มันเป็นอิหยังงงงงง.... ถึงมาฆ่ามาฟันกัน พวกเจ้าเป็นแย้เป็นจิ้งหรีดกันบ่    ถึงปล่อยให้เขามาปั่นหัวเจ้า
           
พี่ สังข์ หรือ วีรพล โสภา ผู้ที่คร่ำหวอดในงานเคลื่อนไหวมวลชนในภาคอีสานมากว่า 20 ปีพูดด้วยภาษาอีสานตลอดที่เสวนา ซึ่งมีมุกฮาปล่อยมาเป็นระยะๆ   พี่ สังข์ยังได้วิเคราะห์สองสีนี้ต่อไปอีกว่า สำหรับสีเหลืองนั้นมีข้อเด่นตรงที่ ต้องการเน้นนักการเมืองมีคุณธรรม-จริยธรรม ขณะที่สีแดง แดงเด่นตรงที่ ทักษิณมองเห็นหัวคนจน หลายคนที่มาชุมนุมเพราะเขารู้สึกว่าไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนทำให้เขาได้ ขนาดทักษิณ ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนเห็นความสำคัญของเขาเท่าทักษิณ ทุกวันนี้มีคนยอมตายแทนทักษิณได้ “ทักษิณมันโกงแต่มันเอาเงินมาให้เฮา แต่คนอื่นมันก็โกงเหมือนกัน แต่มันเอาเงินไปไส”
 
พฤกษ์ เถาถวิล จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เสนอความเห็นที่ต่างจากผู้อภิปรายท่านอื่น โดยเสนอว่า ขบวนการประชาชนต้องเลือกข้าง สมัชชาคนจนต่อสู้เพื่อปากท้องก็จริง แต่ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการต่อสู้ไม่ค่อยเป็นผล เพราะรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นถ้าปัญหาอำนาจการเมืองไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาคนจนไม่มีทางแก้ได้ ดังนั้นตอนนี้ไม่ร่วมสังฆกรรมในประเด็นการเมืองการปกครองไม่ได้
 
อีก ประการ สมัชชาคนจนถือกำเนิดมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง การดึงสมัชชาคนจนออกจากประเด็นการเมือง หรือลดทอนความเป็นการเมืองจากปัญหาคนจน ถือว่าเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์การต่อสู้ของสมัชชาคนจน
 
ภาคประชาชนต้องเลือกข้าง แต่จะเลือกข้างไหนขอให้ข้อมูลดังนี้
 
สีเหลือง ข้อเสนอหัวใจคือการเมืองใหม่ การเมืองใหม่ก็คือ การลดอำนาจของนักการเมืองและพรรคการเมือง เพราะเห็นว่าขี้โกง และเพิ่มตัวแทนที่มาจากการแต่งตั้งด้วยวิธีต่างๆ เข้ามาคุมนักการเมือง ข้อเสนอนี้ก็น่าสนใจ ก็เถียงกันได้ว่าจะดีจริงไหม แต่ผมก็อยากถาม คนดีนะดีจริงไหม เชื่อได้อย่างไร ? คนที่ตรวจสอบไม่ได้ เราจะไว้ใจได้อย่างไร ? การเมืองใหม่  คือการไม่ ไว้ใจคนจนคนชนบท ไม่ไว้ใจคะแนนเสียงของคนเหล่านั้น ว่ากันถึงที่สุดก็คือ คนเหล่านั้นไม่มีศักดิ์ศรีของของความเป็นมนุษย์เท่ากับคนกรุงคนมีการศึกษา หรือ เขาจึงไม่อาจมีส่วนร่วมกำหนดการปกครองเท่ากับพวกคุณ
 
สีขาว ผมคิดว่าส่วนใหญ่บริสุทธิ์ใจที่จะหาทางออกให้สังคม แต่ข้อเสนอที่ว่าไม่เข้าข้างใคร ให้ทุกฝ่ายให้อภัยกัน โดยไม่มองรากเหง้าของปัญหาคืออะไร นี่ละปัญหาใหญ่ ความยุ่งยากทุกวันนี้มาจากรัฐประหาร 19 กันยา ต่อจากนั้นก็มีปัญหาสองมาตรฐานมาโดยตลอด ในขณะที่ความขัดแย้งก็เป็นปัญหาระหว่างเด็กเส้น กับอีกฝ่ายที่อย่างจะเรียกว่าเด็กเหลือขอ จะมาเรียกร้องให้สงบสันติได้อย่างไร ลองดูนะครับทุกครั้งที่พวกคุณออกมาเสนอทางประนีประนอม ลองมาคุยกับชาวบ้าน สิ่งที่เขารู้สึกก็คือ เขายิ่งเจ็บช้ำน้ำใจ ทำไมนักวิชาการ คนมีความรู้หันหลังให้พวกเขา ทำไมให้ท้ายแต่อีกฝ่ายหนึ่ง
 
สีแดง หลังวันที่ 13 เมษายน สีแดงได้ถูกทำให้เป็นปีศาจไปโดยสื่อมวลชนแทบทุกสำนักที่กลายเป็นกระบอกเสียงของรัฐโดยสมบูรณ์ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจยิ่งว่า ‘พฤษภา 35’ แทบไม่ได้ให้บทเรียนอะไรกับสื่อมวลชนไทยเลย
 
คน เสื้อแดงสู้เพื่ออะไร แน่นอนเป้าหมายการต่อสู้มันอาจดูเหมือนมีอะไรเคลือบแฝง แต่เป็นธรรมดาของขบวนการต่อสู้ที่เป็นเครือข่ายอย่างหลวมๆ มีผู้นำและมวลชนที่หลากหลาย ดังนั้นเป้าหมายและวิธีการอาจมีลักษณะหลากหลาย แม้ กระทั่งบางครั้งอาจจะคลุมเครือ หรือขัดแย้งกันเอง แต่ถ้าเรามองหาจุดร่วมที่สำคัญที่เป็นหลักการผมพบว่า น่าจะรวมศูนย์อยู่ที่คำว่าโค่นอำมาตย์ เอาสั้นๆ ง่ายๆ ในที่นี้ ก็คือ การคัดค้านการเมืองที่มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง ผู้ที่ชาวบ้านรู้สึกว่า ไปปู้ยี่ปู้ยำกับคะแนนเสียงของเขา คุณมาจุ้นจานทำอะไรให้เขาโดยที่เขาไม่เต็มใจ คุณไม่เคยรู้จักพวกเขา และเขาก็เชื้อว่าพวกคุณมันก็โคตรโกงแถมสร้างภาพด้วย  ถ้า คุณไม่กลัวผีทักษิณมากเกินไป น่าจะลองไปคุยกับชาวบ้าน จะพบว่า เดี๋ยวนี้พวกเขาอธิบายคำว่า ความเป็นธรรม ความเท่าเทียม สองมาตรฐาน หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ได้ลึกซึ้งกินใจกว่านักวิชาการเป็นไหนๆ
 
พฤกษ์ เถาถวิล พูดถึงประสบการณ์การลงไปพูดคุยกับชาวบ้าน หลังเหตุการณ์13 เมษา ว่า “ผม ได้คุยกับชาวบ้านเสื้อแดงมากขึ้น เท่าที่รัฐพยายามบิดเบือนว่ามีแต่คนของนักการเมือง และคนของสหายเก่า ผมพบว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดงมีที่มาหลายหลาย แต่ที่สำคัญคือมีชาวบ้านที่มาสู้ด้วยใจ ที่ควักสตางค์ตัวเองมีอยู่ไม่น้อย และเกิดแกนนำตามธรรมชาติขยายตัวขึ้น มีเครือข่ายกว้างขวางขึ้น ไปชุมนุมที่กรุงเทพ ลูกหลานยกกันมาจากโรงงานมาสมทบ คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ มาพบปะเอาข้าวของมาให้กำลังใจกัน มันมีการตื่นตัวและพัฒนาการทางการเมืองของคนกลุ่มนี้สูงอย่างน่าสนใจ  ถ้ายังจำได้ สมัชชาคนจนก็เคยมีประสบการณ์ทำนองนี้ นี่คือความงดงามของการต่อสู้ไม่ใช่หรือครับพีน้องสมัชชาคนจน”
 
สุดท้าย นี้ ผมขอเรียนว่า ปัญหาตอนนี้เป็นความขัดแย้งทางชนชั้น ระหว่างชนชั้นสูงที่ต้องการระบอบการปกครองแบบหนึ่งที่พวกเขาได้เปรียบ กับชนชั้นล่างที่ต้องการระบอบการปกครองอีกแบบ ที่พวกเขามีที่อยู่ที่ยืนมากขึ้นในสังคมแห่งนี้ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์ จะโดยส่วนตัว หรือองค์กรก็แล้วแต่ อย่าเมินเฉย  มีคำขวัญสมัชชาคนจนที่ว่า เราต้องการการเมืองที่เห็นหัวคนจน เลือกข้าง เลือกฝ่ายที่เห็นหัวของเราเถอะครับ
 
0 0 0
 
หลัง การเสวนาแล้วได้มีการแลกเปลี่ยนทัศนคติกันอย่างหลากหลาย บางคนอาจบอกว่าเครียด แต่บางคนก็บอกว่าได้สาระความรู้ดี โดยเฉพาะวิทยากรแต่ละท่านนั้นล้วนทรงคุณวุฒิ มีข้อมูล และให้มุมมองที่น่าสนใจทุกคน ส่วนใครจะเก็บอะไรเอาไปคิดต่อก็ตามแต่อัธยาศัย
 
ค่ำ ลงแล้วก็เข้าสู่บรรยากาศการทานอาหารร่วมกัน และบรรดาไทบ้านผู้มีเสียงเพลงในหัวใจก็ได้ออกมาร้องกลอนลำกันอย่างสนุก ตบท้ายด้วยการฉายหนังและภาพนิ่งของหัวหน้าปุ๋ยและลำน้ำ ให้ทุกคนได้รำลึกและจดจำ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ พลังใจในการทำงานต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net