Skip to main content
sharethis

การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 พ.ค. บริเวณข้างวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง เริ่มขึ้นในช่วงบ่าย โดยผู้ชุมนุมเริ่มทยอยมายังบริเวณด้านหลังวัด จับจองพื้นที่หน้าเวทีที่มีการตั้งจอโปรเจ็คเตอร์ 3-4 จอ มีร้านค้าขายอาหาร เครื่องดื่มมาตั้งขายอย่างคึกคัก ในการชุมนุมยังมีการขายซีดีชื่อ "รัฐบาลทรราชฆ่าประชาชน" และ "ความจริงวันที่ 13 เมษา 2552 สงครามเลือด" แผ่นละ 20 บาท ที่มีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายม็อบบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง เวลาประมาณ 15.00 น. ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมที่พร้อมใจกันสวมเสื้อแดงก็ยังคงปักหลักชุมนุมบนพื้นที่ชุมนุมเฉอะแฉะ น้ำท่วมประมาณข้อเท้าไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน
 
เวลา 17.00 น. แกนนำคนเสื้อแดงขึ้นเวทีอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ, นายการุณ โหสกุล, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์
 
ก่อแก้วประกาศตรวจสอบแกนนำสื่อ"หยุดทำร้ายประเทศไทย"
นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง ปราศรัยบนเวทีเสื้อแดง โดยชี้แจงกรณีที่ตนเองไม่อยู่ในประเทศไทยว่า ต้องขอโทษผู้ชุมนุมที่ไม่อยู่ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุม เนื่องจากต้องพาภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยจองล่วงหน้ามาแล้ว 2 เดือน และจากการสอบถามแกนนำคนอื่นๆ ก็ได้คำตอบว่าจะยุติการชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร
 
นาย ก่อแก้วยังกล่าวถึงการไปร่วมรณรงค์กับกลุ่มหยุดทำร้ายประเทศไทยว่า ตนเองต้องการแสดงจุดยืนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ต้องการทำร้ายประเทศชาติ ทั้งที่รู้ว่าเครือข่ายที่เป็นแนวร่วมของขบวนการหยุทำร้ายประเทศไทยนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นแนวร่วมของรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย และแกนนำการรณรงค์บางคนก็มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งการไปครั้งนั้นไม่ได้ปรึกษาแกนนำคนอื่น เพราะเชื่อว่าคนอื่นคงไม่อยากให้ไป แต่มั่นใจว่าการทำความดีทำที่ไหนก็ได้ ที่ตนเองไปร่วมรณรงค์ก็เพราะว่าปฏิญญา 1 ใน 9 ข้อ มีการเรียกร้องให้สื่อทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และแกนนำการรณรงค์ที่เป็นสื่อคนหนึ่ง ที่ผ่านมาทำหน้าที่บิดเบือน โจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นจะขอตรวจสอบแกนนำสื่อคนนี้ว่าจะบิดเบือนหรือไม่ ถ้าบิดเบือนอีก ตนเองจะออกมาด่าด้วยตัวเอง
 
นอกจาก นี้ นายก่อแก้วยังเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมพยายามส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์ไปยัง รายการข่าวทุกรายการ ทุกช่อง เพื่อชี้ให้เห็นความไม่เป็นธรรมของสังคม
 
เปิดซีดีทุบรถนายกฯอ้างไม่เห็นคนนั่งเบาะหลัง
เวลา 20.15 น. วันที่ 10 พฤษภาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นช.) กล่าวปราศรัยว่า ตั้งแต่ 12 - 14 เมษายน ที่พัทยา ที่กระทรวงมหาดไทย และที่อื่นๆ รัฐบาลจัดฉาก โดยที่พัทยาเอาตำรวจมาใส่เสื้อน้ำเงินยิงหนังสติ๊กใส่เสื้อแดง จากนั้นเป็นกรณีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ซึ่งคนสงสัยว่าถูกท้ายปืนตีไม่ใช่ล้มในห้องน้ำที่บ้านพักแม่ทัพภาค 1 จากนั้นนายกฯ อยู่ในค่ายทหาร กลับมาประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่กระทรวงมหาดไทย ที่ตำรวจออกหมายจับ 21 คนจากเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยนั้น มีจำนวนหนึ่งไม่มามอบตัว เพราะไม่ใช่เสื้อแดง โดยมีแหล่งข่าวแจ้งว่า มีทหาร 9-10 มาสร้างสถานการณ์ ใครจับได้ คนเสื้อแดงตัวจริง จะให้รางวัลนำจับคนละ 5 แสนบาท
 
นาย จตุพรกล่าวว่า นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็ไม่อยู่ในรถประจำตำแหน่ง โดยมีทีวีฉายภาพนายอภิสิทธิ์ขึ้นรถพร้อมนายสุเทพ แต่เป็นอีกคันที่ขับออกไปก่อนที่เสื้อแดงจะมากระทรวงมหาดไทย มีข้อสังเกตที่ว่า เป็นรถเปล่าคือ 1.ปล่อยให้เสื้อแสดงเข้ากระทรวงง่าย 2.รปภ.มาเปิดประตูฝั่งประตูที่อ้างว่า นายกฯนั่งอยู่ ซึ่งโยนของให้ซึงผิดปกติของระบบ รปภ. 3. ตอนแรก รปภ.เหมือนจะห้าม แต่สุดท้ายปปล่อยให้ประชิดรถโดยง่าย 4. มองทะลุมุมไหนก็ไม่เห็นคนนั่งเบาะหลัง
 
จาก นั้นนายจตุพรเปิดซีดีชื่อ "คนไทยทั้งประเทศถูกหลอก ทุบรถที่มหาดไทย อภิสิทธิ์คนลวงโลก" ซึ่งระหว่างเปิดนั้นซีดีนั้นมีการตั้งข้อสังเกตที่ผิดปกติ โดยเฉพาะรถของนายกฯที่ถูกทุบมีความยาวประมาณ 15 นาที
 
นอกจากนี้นายจตุพรยังกล่าวด้วยว่า "มีแนวคิดที่จะเปิดโทรทัศน์ดี สเตชั่น อีก 2 ช่อง ขณะนี้ อยู่ระหว่างศึกษาว่า ทำยังไงที่เปิดแล้วจะไม่ถูกปิดอีก ถ้าถูกปิดอีก 2 ก็จะเปิดอีก 4 ช่อง หลังจากนี้จะไปชุมนุมที่สนามหลวง แต่ให้ชายตาทำเนียบรัฐบาลไว้ โดยตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตยก็จะต่อสู้ต่อไป" นายจตุพร กล่าว
 
"นครบาล"บันทึกเทปแกนนำ"แดง"ที่อยู่ระหว่างประกันตัว
ด้านเว็บไซต์มติชน รายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึง การดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่วัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง ช่วงเย็นวันนี้ (10 พ.ค.) ว่า ทางนครบาลได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 กองร้อย จำนวน 450 นาย ดูแลความปลอดภัยบริเวณจัดงาน โดยมีการตั้งด่านตรวจ 3 จุด เพื่อตรวจค้นอาวุธ ไม่ให้พกพาเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม รวมถึงการจัดระบบการจราจร เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ใช้รถใช้ถนนบริเวณดังกล่าว ซึ่งจากการประเมิน คาดว่า ผู้ที่มาชุมนุมน่าจะมีกว่า 10,000 คน
    
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปปะปนร่วมกับผู้ชุมนุมในการ สืบหาข่าวเพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้า มาก่อกวน และดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม การปราศรัยของแกนนำ หากมีการพูดจายั่วยุ ปลุกปั่น เจ้าหน้าที่ก็มีการบันทึกเทปไว้ตลอดอยู่แล้ว ก็จะนำมาพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ หากผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
    
ด้าน พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ผู้รับ ผิดชอบดูแลพื้นที่ จัดการชุมนุมที่วัดไผ่เขียว ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เปิดเผย ถึงความพร้อมในการดูแลการชุมนุม และเนื้อหาที่จะมีการปราศรัยบนเวที โดยเฉพาะอาจมีผู้ปราศรัยบางรายที่อยู่ระหว่างการประกันตัวว่า การปราศรัยในวันนี้จะมีการบันทึกเทปไว้ตามวิธีปฏิบัติ เพื่อนำมาพิจารณาอีกครั้งว่ามีข้อความไหนที่เข้าข่ายการกระทำผิดหรือไม่ โดยเฉพาะกับผู้ที่อยู่ระหว่างการประกันตัว
 
กองทัพไม่ส่งกำลังคุมเสื้อแดงชุมนุม แต่จับตาใกล้ชิด
ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติข้างวัด ไผ่เขียว เขตดอนเมือง ในช่วงเย็นวันนี้(10 พ.ค.) ว่า กองทัพจะเฝ้าติดตามสถานการณ์การชุมนุมดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

ขณะ ที่ น.อ.มนทล สัชชุกร รองโฆษกกองทัพอกาศ กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพอากาศก็ไม่ได้มีการจัดส่งกำลังเข้าสังเกตการชุมนุมแต่อย่าง ใด ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบ ร้อยในการชุมนุม
 
"เชียงใหม่ 51"จี้หาความจริงแกนนำ"เพชรวรรต"หายตัว
ผู้สื่อข่าวจากมติชนรายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ว่า เมื่อเวลา 20.00 น.วันนี้ (9 พ.ค.) ที่บริเวณหน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จำนวนกว่า 200 คน ได้เดินทางมาชุมนุม หลังจากมีข่าวว่า นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ประธานกลุ่มคนรักเชียงใหม่ ถูกอุ้มหายไปเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 8 พ.ค. โดยบอกกับทางญาติว่า จะไปตัดผมที่ร้านแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ และถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งอุ้มขึ้นรถหายไป
 
ทั้งนี้ แกนนำรักเชียงใหม่รายหนึ่ง กล่าวว่า นายเพชรวรรตหายตัวไปตั้งแต่บ่ายโมงของวันที่ 8 พ.ค. ขณะจะไปตัดผมและเตรียมตัวเดินทางไปชุมนุมที่วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ แต่ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ซึ่งพยายามติดต่อแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เห็นมีข่าวการแจ้งข้อหา นายเพชรวรรต จึงเชื่อแน่ว่า เป็นกลุ่มคนมีสีอุ้มตัวไป จึงให้ฝ่ายกฎหมายของกลุ่มติดต่อ จนทราบว่า ขณะนี้มีการต่อรองกับกลุ่มที่ลักพาตัวนายเพชรวรรต ระบุว่าจะติดต่อมา โดยเสนอเงื่อนไขต่างๆ
  
แกนนำรักเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า หากในคืนวันที่ 9 พ.ค.นี้ ยังไม่รู้เรื่อง ไม่ทราบข่าว กลุ่มรักเชียงใหม่ก็จะเดินทางไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อถาม พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง ที่เป็นคนให้ข่าวแก่สื่อมวลชน จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ข่าวที่ออกมาต้องมีมูล หากไม่มีมูล ก็จะออกมาไม่ได้ และแหล่งที่ 2 ที่ กลุ่มรักเชียงใหม่จะต้องไปถามก็ คือ ศูนย์ข่าวไทยรัฐที่เชียงใหม่ว่า การลงข่าวเช่นนี้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นการทำลายขวัญกำลังใจ บอกถึงฐานที่มั่นของคนเสื้อแดง และขอบอกว่าในตอนนี้คนเสื้อแดงไม่สามารถควบคุมได้แล้ว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็ไม่ทราบว่าจะควบคุมได้อย่างไร เพราะไม่มีแกนนำ
 
"ขวัญชัย" เปิดเวทีถ่ายทอดสัญญาณจาก กทม.
เมื่อเวลา 19.00 น. บริเวณเวทีปราศรัยของชมรมคนรักอุดร ลานปูน สนามทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุดรธานี สมาชิกชมรมคนรักอุดร จำนวน 2,000 คน ได้มาร่วมชุมนุม โดยนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร พร้อมนักจัดรายการของสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร 97.5 เม กกะเฮิร์ต ได้สลับกันขึ้นปราศรัยโจมตีการทำงานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ครม.ในกรณีการขึ้นภาษีเหล้า บุหรี่ น้ำมัน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนคนรากหญ้า รวมถึงการปิดกั้นสื่อโดยการปิดสถานีดีสเตชั่นและวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดง ที่รัฐบาลทำ 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ ที่ไม่ดำเนินการกับสถานี ASTV แต่ กลับเลือกที่จะปฏิบัติต่อสถานีของคนเสื้อแดง รวมถึงการครอบงำสื่อทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ของส่วนกลาง ทั้งยังกล่าวได้โจมตีนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ที่ปิดป้ายข้อความ “หยุดทำร้าย จ.อุดรธานี” ทั่วพื้นที่ โดยระบุว่าต้องชี้แจงออกว่าคนกลุ่มไหนที่ทำร้าย จ.อุดรธานี
 
ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมชุมนุมที่ กทม.ในช่วงวันที่ 12-14 เมษายน ขึ้นมาเล่าเหตุการณ์ให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม สลับกับการแสดงของคณะหมอลำ ซึ่งสร้างความสนุกสนานแก่ผู้มาร่วมชุมนุม จากนั้นเวลา 19.45 น.ทางเวทีได้ถ่ายทอดสัญญาณการชุมนุมของ นปช.ที่ข้างวัดไผ่เขียว กทม. ผ่านทางช่อง MV วา ไรตี้ ฉายผ่านจอวีดีโอโปรเจคเตอร์ ที่มีการปราศรัยของแกนนำ นปช.สลับกับการปราศรัยของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ที่มาร่วมบนเวที โดยเวทีจะเปิดไปจนถึงเวลา 24.00 น. จึงเลิกการชุมนุม 
 
 
 
…………………………………………
ที่มา: กรุงเพทธุรกิจออนไลน์, มติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net