Skip to main content
sharethis

 

เวลา 10.00 น. วานนี้ (25 พ.ค. 52) ราษฎรตำบลกกตูม 5 หมู่บ้าน อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร จำนวน 120 คน ได้มารวมตัวกันที่หน้าสหกรณ์การเกษตรห้วยบางทราย จำกัด เพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการสหกรณ์ฯ พนักงาน สหกรณ์จังหวัดฯ นายอำเภอดงหลวง และผู้ว่าราชการจังหวัด มารับฟังปัญหาและหาทางบรรเทาปัญหาให้กับราษฎรผู้ฝากเงินกับสหกรณ์ฯ ซึ่งประสบปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากสหกรณ์ฯ ไม่มีเงินให้ราษฎรที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินถอน

 

สืบ เนื่องมาจากการที่ราษฎรผู้ฝากเงินกับสหกรณ์การเกษตรห้วยบางทราย จำกัด จำนวนหลายสิบรายทยอยมาขอถอนเงินกับสหกรณ์ฯ เพื่อนำไปใช้จ่ายตามความจำเป็น แต่กลับได้รับคำตอบจากพนักงานสหกรณ์ฯ ว่าไม่มีเงินให้ถอน ทำให้ชาวบ้านที่ขอถอนเงินดังกล่าวประสบความเดือดร้อน เนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้นฤดูการเพาะปลูกและเป็นช่วงเปิดเทอม ประกอบกับในสหกรณ์ฯ มีปัญหาการทุจริตของพนักงาน ชาวตำบลกกตูมที่เงินฝากกับสหกรณ์ฯ จึงเกิดความไม่มั่นใจในการบริหารงานของสหกรณ์ฯ จึงรวมตัวกันมาเพื่อขอถอนเงินออกจากสหกรณ์ฯ และเรียกร้องให้มีการสอบสวนดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ให้มีการตรวจสอบบัญชีโดยให้มีราษฎรร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย ตลอดจนให้ผู้ว่าฯ และนายอำเภอลงมาเร่งรัดให้เกิดการแก้ไขปัญหาภายใน 15 วัน

 

เวลา 11.30 น. นายอดิชาติ อุณหะเลขกะ นายอำเภอดงหลวง นายองอาจ งามประเสริฐ สหกรณ์จังหวัดมุกดาหาร ด.ต.ณรงค์ เถาว์ชาลี ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ฯ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ประเสริฐ เขียนนอก ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ (กปร.) จังหวัดมุกดาหาร ได้เดินทางมาร่วมรับฟังปัญหาจากราษฎร และชี้แจงถึงการแก้ปัญหา

 

นาย อดิชาติกล่าวว่า เข้าใจในความเดือดร้อนของราษฎร และเชื่อว่าผู้ที่รับผิดชอบคือ สหกรณ์จังหวัดฯ จะสามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนตามที่ชาวบ้านเรียกร้องมาได้ โดยเฉพาะในการนำเงินฝากมาคืนให้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนจริงๆ แม้แต่ บริษัทเงินทุนใหญ่ๆ ล้ม รัฐบาลยังเข้าไปช่วยอุ้มได้ นี่เป็นสหกรณ์ของชาวบ้านมีปัญหาขึ้นมาและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ก็น่าที่จะช่วยได้เช่นกัน

 

สหกรณ์จังหวัดมุกดาหาร นายองอาจ กล่าวกับชาวบ้านว่าตนเองมารับตำแหน่งเมื่อ ต.ค.51 ก็รู้แล้วว่ามีการทุจริตที่นี่มาตั้งแต่ปี 2548 และเป็นการทุจริตที่เป็นขบวนการ จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ส่วนเรื่องเงินฝากที่ชาวบ้านต้องการจะถอนคืนนั้น เป็น ความรับผิดชอบของคณะกรรมการฯ ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของสหกรณ์จังหวัด แต่ผมรับรองได้ว่าเงินฝากของท่านจะได้รับคืนแน่นอน แต่จะเป็นเมื่อไหร่ผมบอกไม่ได้

 

ขณะที่ พ.ต.ต.ประเสริฐ เขียนนอก ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กปร.) ก็กล่าวย้ำว่า เงินของสมาชิกไม่สูญหายไปไหนหรอก ถ้าเป็นเงินฝากของท่านจริง ยังไงชาตินี้ก็เป็นของท่านอยู่ดี

 

ชาวบ้านที่มารวมตัวกันไม่พอใจในคำตอบและท่าทีของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง นายเทคนิค พรานเนื้อ ผู้ใหญ่บ้านนาโคกกุง หมู่ 3 กล่าวว่า ตอน นี้เป็นฤดูสักข้าว (ปลูกข้าวไร่) ไม่มีเงินค่าไถ ค่าแรงคน จะต้องให้พวกเรารอไปจนถึงไหนแล้วปีหน้าเราจะกินอะไร เงินของหมู่บ้านที่จะต้องนำมาใช้จ่ายเป็นค่าพันธุ์ยางพาราที่เกษตรกรจะต้อง นำมาเพาะปลูกก็ฝากไว้กับสหกรณ์ไม่สามารถถอนออกมาได้เช่นกัน

 

นางฉลาด แสงจันทร์ ชาวบ้านหมู่ 9 เอ่ยขึ้นอย่างคับแค้นใจว่า สหกรณ์ฯ มีคำขวัญว่า ยามมีให้มาฝาก ยามยากให้มาถอน ยามเดือดร้อนให้มาปรึกษาเราก็อุตส่าห์เอาเงินมาฝากแล้ว ยามยากยามเดือดร้อนไม่เห็นสหกรณ์ฯ จะช่วยอะไรได้เลย

 

นางชูชาติ ศรีเครือ ราษฎรหมู่ 9 อีกคน เล่าถึงความเดือดร้อนให้ฟังว่า ลูกสาว ป้าเก็บเงินค่าขนมมาตั้งแต่เรียนประถม คิดว่าจะเอาไว้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ถ้าหากสหกรณ์ฯ ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ ลูกสาวป้า (ตอนนี้ศึกษาอยู่ชั้น ม.6) ก็คงไม่ได้เรียนต่อ

 

อย่างไรก็ตามการชุมนุมของชาวบ้านก็ยืดเยื้อมาจนกระทั่งเวลา 16.00 น. ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติที่ชาวบ้านพอใจได้ ชาวบ้านยังคงยืนยันให้มีหน่วยงานราชการรับผิดชอบหาทางนำเอาเงินฝากมาคืนให้ ได้ในเร็ววัน ตามที่ยื่นข้อเรียกร้องไป ขณะที่ เจ้าหน้าที่รัฐก็ยืนยันว่า เป็นความรับผิดชอบของสหกรณ์และสมาชิกร่วมกัน หน่วยงานราชการไม่เกี่ยว ราษฎรต้องใจเย็นให้สหกรณ์ติดตามเงินจากลูกหนี้มาคืนให้กับผู้ฝาก สมาชิกต้องร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยเหลือให้สหกรณ์ฯ ดำเนินการต่อไปได้ และต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ปรึกษาหารือกันหาทางออกด้วย นายอำเภอกล่าวสรุป

 

ฝ่ายชาวบ้านก็มีข้อสรุปเช่นเดียวกัน สหกรณ์ ขาดความโปร่งใส ทำให้สมาชิกขาดความ ศรัทธาเชื่อมั่นเสียแล้ว จะให้มาร่วมมือร่วมใจกันอีกได้อย่างไร สาเหตุที่สมาชิกบางส่วนไม่ยินยอมที่จะคืนเงินก็เกิดจากการขาดความเชื่อมั่น ว่าเงินจะถูกนำมาใช้จ่ายในกิจกรรมสหกรณ์หรือว่าเข้ากระเป๋าของ กรรมการ และเจ้าหน้าที่ แกนนำผู้ชุมนุมมีข้อสรุปร่วมกันว่า เราจะมาฟังผลการปรึกษาหารือของเจ้าหน้าที่ในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ถ้าหากยังโยนให้เราชาวบ้านเป็นผู้รับผิดชอบเองอีก เราก็จะมีมาตรการกดดันในระดับที่สูงขึ้นไป นายถนัด ชาวเขา สมาชิก อบต.กกตูมกล่าวทิ้งท้าย

 

อนึ่ง สหกรณ์การเกษตรห้วยบางทราย จำกัด ตั้งขึ้นในปี 2538 ตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในระยะแรกจึงอยู่ในความสนับสนุนของ กปร. มีสมาชิกร่วมก่อตั้งประมาณ 100 คน

 

ปัจจุบัน สหกรณ์ฯ ดำเนินงานด้วยตนเอง มีสมาชิกราว 1,000 คน ดำเนินธุรกิจรับซื้อมันสำปะหลัง โรงสีข้าว ขายปุ๋ย ให้กู้ รับฝากเงิน ฯลฯ แต่ปัจจุบันธุรกิจส่วนใหญ่ได้ยุติดำเนินการไปแล้วเนื่องจากขาดทุน เมื่อ 30 เมษายน 2552 มีลูกหนี้ค้างชำระ 4,704,624 บาท เงินฝาก 4,327,392 บาท ซึ่งเงินฝากส่วนหนึ่งมาจากชาวบ้านและเด็กนักเรียนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสห กรณ์ฯ ด้วย สหกรณ์ฯ ห้วยบางทรายเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องมาตั้งแต่ต้นปี 52 เป็นต้นมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net