ชาวกะเหรี่ยงเผยลี้ภัยเพราะหนี DKBA เกณฑ์ทหาร

ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนมานี้ ทหารพม่าและทหารกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA ที่เริ่มระดมยิงฐานของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) โดยเฉพาะการโจมตีฐานของกองพลน้อยที่ 7 KNLA และทำให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากข้ามเข้าสู่เขตไทยนั้น



พม่า-DKBA โหมตีค่าย KNU เจอทุ่นระเบิดเสียชีวิต 8 บาดเจ็บกว่า 40


สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เว็บไซต์หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายงานว่าเมื่อ 8 มิ.ย. สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก กองกำลังทหารพม่าสนธิกำลังกองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ได้เข้าโจมตีค่ายเหล่อ ปอ เฮอ ของฝ่าย KNU โดยผู้นำทหารพม่าได้สั่งการให้ทหารราบฝ่าแนวทุ่นระเบิดเข้าไปยังตัวค่าย และใช้เหล่าปืนหนัก เช่น ปืน ค.81 ยิงโจมตีลูกยาว ส่วนฝ่าย KNU ได้หลบอยู่ในสนามเพลาะ เนื่องจากอยู่ในที่ตั้งที่ดีกว่า


โดยเสียงการยิงอาวุธหนักได้ยินอย่างชัดเจนจากฝั่งไทย การยิงมีตลอดวันเป็นระยะๆ และผลจากการที่ ทหารพม่าฝ่าแนววางระเบิดของ KNU ทำให้มีทหารพม่าเสียชีวิตมากถึง 8 นาย และได้รับบาดเจ็บกว่า 40 นาย ซึ่งในที่นี้มีนายทหารระดับผู้บังคับกองพันยศพันตรีด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้เหยียบระเบิด 2 ราย ได้มาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอแม่สอด จ.ตาก โดยถูกส่งมาจากศูนย์อพยพแม่หละ อ.ท่าสองยาง คนแรกชื่อ เนเมียว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเหล่อ ปอ เฮอ ได้เหยียบกับระเบิดขาซ้ายขาด อีกคนไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 30 ปี ถูกกับระเบิดขาขวาขาด ขณะนี้ทั้ง 2 คนอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว


โดยการสู้รบค่อนข้างจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากทหารพม่าได้รับคำสั่งจาก พล.อ.หม่องเอ ผู้บัญชาการทหารบกและรองประธานสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ หรือ SPDC ให้ใช้ยุทธวิธีทุกรูปแบบ ในการยึดค่ายทหารกะเหรี่ยง KNU ให้ได้ก่อนที่ฝนจะตกหนักกว่านี้ ทำให้ต้องใช้ถึงยุทธการที่เสี่ยงที่สุด คือการบุกฝ่าแนวทุ่นระเบิด ที่ KNU วางกับดักไว้รอบๆ ค่าย จำนวนนับพันลูก ซึ่งผลการฝ่าแนวระเบิดทำให้พม่าสูญเสียกำลังพลจำนวนมากเช่นกัน ขณะที่การโจมตีทางอาวุธปืนใหญ่และปืน ค.นั้น ฝ่าย KNU ได้หลบในหลุมบังเกอร์

 

ขณะที่มีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงอพยพเข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์รุนแรงและเข้มข้นขึ้น โดย พ.อ.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด ได้สั่งการให้ หน่วยจู่โจมเรือเร็วตรวจการณ์ทหารพรานที่ 35 นำเรือเร็วออกลาดตระเวนตามริมแม่น้ำเมย ตั้งแต่ อ.แม่สอด-แม่ระมาด-และ อ.ท่าสองยาง  เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยและเฝ้าดูสถานการณ์ทุกรูปแบบ และยังเสริมกำลังทหารหลักเข้าตรึงชายแดนตลอดแนวเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย โดยเฉพาะจุดที่มีการปะทะและมีผู้อพยพเข้ามายังฝั่งไทย



ผู้อพยพเผยลี้ภัยเพราะหนี DKBA เกณฑ์ทหาร


ส่วนจำนวนผู้อพยพนั้น สำนักข่าว Kwekalu.net ได้เปิดเผยว่า ก่อนที่จะมีการปะทะกันรอบล่าสุดดังกล่าว ก่อนหน้านี้ได้มีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงทยอยลี้ภัยมาก่อนแล้ว โดยสาเหตุมาจากหนีการเกณฑ์ทหารของฝ่ายกะเหรี่ยงพุทธ DKBA โดยนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. – 28 พ.ค. มีรายงานผู้อพยพจำนวน 119 ราย จากหมู่บ้านต่างๆ ในรัฐกะเหรี่ยง อพยพเข้ามาในบ้านเหล่อ ปอ เฮอ หมู่บ้านในเขตของ KNU ซึ่งอยู่ตรงข้ามเขตไทย ซึ่งถือเป็นชุมชนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDPs) โดยผู้อพยพเหล่านี้ หนีการคัดเลือกทหารใหม่ของ DKBA เพื่อส่งให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตามชายแดนร่วมกับทหารพม่า ก่อนปี 2553

 

ผู้ลี้ภัยรายหนึ่งกล่าวว่า “อยู่ในพื้นที่ แต่เราไม่รู้ว่าเขาจะมาเอาเรื่องเงินทอง หรือจะเอาอะไรเราไม่รู้ แต่จากการแต่งกาย ทำให้เรากลัว เราจึงต้องหนี”


ทั้งนี้ 15 ปีที่ก่อน ผู้นำทหาร DKBA ได้แยกตัวออกจาก KNU โดย DKBA หันไปร่วมมือกับรัฐบาลพม่า ที่มีการสนับสนุนด้านอาวุธ และมีฐานที่มั่นต่างไปจากเมื่อก่อน ให้อิสระในการทำมาหากิน แต่ผู้นำ DKBA ก็ปกครองอย่างกดขี่ โดยปัจจุบัน DKBA มีทหารประจำการราว 9,000 นาย


และเมื่อ 15 พ.ค. 52 ที่ผ่านมาทหาร DKBA กองพัน 999 ผู้นำทางการทหารได้ทำการประชุมเพื่อคัดเลือกทหารใหม่และส่งทหารเข้าประจำการตามชายแดน ตามคำสั่งของรัฐบาลทหารพม่า โดยกำหนดให้ทหารแต่ละกองพันมีการเพิ่มทหารเข้าประจำการมากถึง 325 นาย ตามนโยบายของรัฐบาลทหารพม่าที่ต้องการให้ DKBA เป็นกองกำลังรักษาชายแดนในเขตรัฐกะเหรี่ยง


โดยการเกณฑ์ทหารรอบใหม่นี้เอง ทำให้หลายชุมชนต้องหลีกเลี่ยงและหนีออกจากเขตอิทธิพลของทหารพม่าและ DKBA ดังกล่าว


ผู้ที่หนีจากเขต DKBA ให้สัมภาษณ์ว่า “ในความเห็นส่วนตัว การเพิ่มจำนวนทหารของ DKBA เป็นการบีบเผ่าเดียวกัน หากเราเป็นทหาร เหล่าลูกหลานก็จะฆ่าฟันกันเองอยู่ตลอด จึงทำให้เราต้องออกมา”


นอกจากผู้อพยพจากนโยบายเกณฑ์ทหารของ DKBA จะพากันอพยพมาอยู่ที่บ้านเหล่อ ปอ เฮอ แล้ว ยังมีชาวกะเหรี่ยงอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวตามชายแดนไทย-พม่าแล้วมากกว่า 150 คนด้วย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท