Skip to main content
sharethis

24 มิ.ย. 52 - เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดสงขลานัดสืบพยานฝ่ายโจทก์คดีกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งกาซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อ.จะนะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์กับพวก ในคดีใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมกลุ่มคัดค้านในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ซึ่งกลุ่มคัดค้านฯเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรในสมัยนั้นเพื่อให้ทบทวนการดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย เมื่อครั้งจัดคณะรัฐมนตรีสัญจรที่โรงแรมเจบี หาดใหญ่ จนกระทั่งนำไปสู่การใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม จับกุมและดำเนินคดีชาวบ้านกลุ่มคัดค้าน

ในวันเดียวกันนี้ ชาวบ้านกลุ่มคัดค้านเดินทางมาศาลจำนวนมากพร้อมด้วยทนายฝ่ายโจทก์จากสภาทนายความ โดยทางกลุ่มได้ตั้งขบวนเดินจากบริเวณชายหาดสมิหลามายังศาลจังหวัดสงขลา มีการถือป้ายรณรงค์เรียกร้องให้เอาคนผิดมาดำเนินคดี และข้อความว่า “เชิญสันต์ ศรุตานนท์ ขึ้นสู่ศาลเพื่อชดใช้กรรม”

รวมถึงมีกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กลุ่มปกป้องและบริหารจัดการป่าชุมชนต้นน้ำย่าหมี ศูนย์กฎหมายและสิทธิชุมชนพื้นที่อันดามันเดินทางมาให้กำลังใจและร่วมฟังการสืบพยาน มีผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีจำนวนมากจนเจ้าหน้าที่ศาลต้องนำเก้าอี้มาเสริม ฝ่ายจำเลยในคดีได้แก่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผบ.ตร. จำเลยที่ 1 พล.ต.ต สัณฐาน ชยนันท์ จำเลยที่ 3 , พ.ต.อ.สุรชัย สืบสุข จำเลยที่ 4 ,ร.ต.อ.เล็ก มียัง จำเลยที่ 6 , ร.ต.ท.บัณฑูรย์ บุญเครือ จำเลยที่ 13 และร.ต.ท.อธิชัย สมบูรณ์ จำเลยที่ 14 โดยมีนายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ขึ้นศาลสืบพยานฝ่ายโจทก์ปากแรก การสืบพยานเป็นการนัดต่อเนื่องจนถึงกลางปีหน้า
 
นายสาลี มะประสิทธิ์ โจกท์ร่วมฟ้องกล่าวว่า สำหรับคดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์สำหรับสังคมไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องตกเป็นจำเลย สืบเนื่องจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย และผลจากคดีจะเป็นบรรทัดฐานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมในกรณีต่างๆต่อไป
 
ซึ่งทางกลุ่มเห็นว่าการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุในการสลายการชุมนุมเป็นการละเมิดอย่างรุนแรงทั้งที่ทางกลุ่มใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธไม่ได้ยั่วยุหรือใช้กำลังทำร้ายเจ้าพนักงานก่อนแต่อย่างไร ดังนั้นทางกลุ่มจึงตัดสินใจฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ที่ทำการสลายการชุมนุมโดยมีตัวแทนได้แก่นายสักกริยา หมะหวังเอียดกับพวกรวม 25 คน จึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อสันต์ ศรุตานนท์กับพวกรวม 38 คน ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติงานและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย กระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยมีอาวุธโดยมีผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น หรือเป็นผู้ร่วมกระทำการ ,ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ซึ่งศาลจังหวัดสงขลารับฟ้อง ตำรวจรวม 7 นายได้แก่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผบ.ตร. พล.ต.ต สัณฐาน ชยนันท์, พ.ต.อ.สุรชัย สืบสุข ,ร.ต.อ.เล็ก มียัง, ร.ต.ท.บัณฑูรย์ บุญเครือ และร.ต.ท.อธิชัย สมบูรณ์
 
สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นเนื่องจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ จำเลยที่ 1 มีทัศนคติในเชิงลบกับกลุ่มผู้ชุมนุม ดังจะเห็นได้ตามคำให้การของจำเลยที่ 1 ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ว่าผู้ชุมนุเป็นกลุ่มที่มีความขัดแย้งต่อการตัดสินใจของรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ “ที่พูดอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง” และการรายงานเหตุการณ์เท็จของ พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนันท์ จำเลยที่ 3 ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านขับรถบรรทุกบุกฝ่าทะลวงแนวป้องกันของเจ้าพนักงานตำรวจล่วงล้ำเขตหวงห้ามที่ทางราชการกำหนดไว้เข้ามาประมาณ 40 เมตร โดยแกนนำที่อยู่บนรถพูดปลุกระดมทางเครื่องขยายเสียงให้บุกทะลวงเข้าไปแล้วใช้กระถางต้นไม้ขว้างปาเจ้าหน้าที่ตำรวจและใช้ไม้ด้ามธงตีทำร้ายเจ้าพนักงานได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ออกคำสั่งให้ใช้กำลังสลายการชุมนุม
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net