13 ก.ค. 52 นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่เลือกตั้งในภาคอีสานตอนล่าง กล่าวถึงกระแสคนอีสานตอบรับพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ว่า ชาวอีสานให้ความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีสูงมาก จัดได้ว่า สูงกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเสียอีก เพราะทุกคนได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล และสนับสนุนให้มีนโยบายดังกล่าวต่อไป เช่นนโยบายเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อสม.เป็นต้น โดยมีการชูป้ายให้การสนับสนุน

กระนั้น เขาก็ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากการจัดตั้งของส่วนราชการ แต่หากสังเกตจะพบว่า บริเวณข้างทางที่นายกรัฐมนตรีเดินทางผ่านมีชาวบ้านจำนวนมากออกมาต้อนรับ ส่งเสียงกรี๊ดยิ่งกว่าเจอไมเคิล แจ็คสัน เสียอีก ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้คนเสื้อแดงฝ่อไปในที่สุด เพราะถ้าออกมาต่อต้านจะถูกคนที่ไม่เห็นด้วยโห่ไล่ จึงเป็นสัญญาณที่ดีที่นายกรัฐมนตรีจะออกไปเยี่ยมเยียนประชาชน

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ เขาได้เชิญนายกฯลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี แต่นายกฯติดภารกิจ จึงได้เลื่อนกำหนดการออกไป คาดว่า จะสามารถไป จ.อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ ได้ในเดือนส.ค.นี้

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า จุดขายของพรรคประชาธิปัตย์ ในการหาเสียงของพรรคในพื้นที่อีสาน คือนโยบายรัฐบาล และการทำงานของนายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ส.ส.ในภาคอีสานเพิ่มขึ้น เพราะคะแนนสัดส่วนของพรรคดีอยู่แล้ว แต่จุดอ่อนอยู่ที่ผู้สมัคร ซึ่งต้องคัดคนที่โดดเด่นพอ ซึ่งขณะนี้มีรายชื่ออยู่ประมาณ 10 กว่าชื่อ ที่คาดว่าหากลงพื้นที่จะได้เข้ามาเป็นส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

สำหรับการคัดคนลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจมีการสับหลีกพื้นที่ กับพรรคภูมิใจไทย ตามเทคนิคการเมือง แต่รับรองว่า เมื่อส่งคนลงสมัคร จะไม่มีการยอมกันในพื้นที่เด็ดขาด

เมื่อถามว่า มีข่าวอดีตส.ส.อีสาน เช่นนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตส.ส.มหาสารคาม ลาออกจากสมาชิกพรรค นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่คนของพรรค อาจย้ายไปอยู่พรรคอื่น และคนจากพรรคอื่น ย้ายมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ยืนยันว่า แกนนำภาคอีสานไม่มีความขัดแย้งกัน

เทพไทคอนเฟิร์มนายกฯ พระเอกการเมืองตัวจริงไม่ใช่ลิเก

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีผลสำรวจของเอแบคโพลที่ระบุว่าประชาชนร้อยละ 71.2 ยังให้โอกาสรัฐบาลพิสูจน์ผลงานต่อไปว่า ขอขอบคุณที่พี่น้องประชาชนยังให้โอกาสรัฐบาลสานงานต่อส่วนผลโพลด้านสังคมที่สำรวจระบุว่า ร้อยละ 49.14 พอใจในผลงานของรัฐบาลโดยเฉพาะโครงการเรียนฟรี 15 ปี แม้จะมีข้อบกพร่องบ้างเพราะเป็นปีแรกที่เพิ่งเริ่มต้นทำ ซึ่งรัฐจะปรับปรุงข้อบกพร่องต่อไป และแม้ว่าผลสำรวจด้านนี้จะต่ำกว่าร้อยละ 50ก็ตาม ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อว่าผลสำรวจโพลของสำนักต่างๆเปรียบเสมือน กระจกเงาที่ส่องให้รัฐบาลเห็นตัวตนที่แท้จริง แม้ว่าผลสำรวจของโพลบางสำนักอาจจะถูกแทรกแซงและได้ข้อมูลดิบจากการสำรวจ ไม่ตรงกับความเป็นจริงบ้างก็ตาม แต่รัฐบาลก็เคารพในสิทธิของการแสดงออก

นายเทพไท กล่าวต่อว่า สำหรับผลโพลด้านเศรษฐกิจที่พบว่าประชาชนร้อยละ 54.1 พอใจในผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุและค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐสร้างผลตอบแทนถึงกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงประชาชน โดยตรง รวมถึงการลดค่าครองชีพของประชาชนและการตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง ขณะที่นโยบายด้านความมั่นคงและการเมืองที่ประชาชนพึงพอใจต่อการปกป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น รัฐบาลยืนยันว่า จะดำเนินการต่อไปให้ดีที่สุดที่จะรักษาสถาบันสูงสุดของชาติไว้ ไม่ให้กลุ่มการเมืองใดจาบจ้วง ล่วงละเมิดได้

อย่างไรก็ตาม นายเทพไท กล่าวเพิ่มว่า ผลการสำรวจครั้งนี้เป็นความเห็นของประชาชนส่วนหนึ่งเท่านั้น รัฐบาลยอมรับว่าจะต้องเร่งรัดสร้างผลงานรวมถึงการปรับปรุงการทำงานให้ให้ รัดกุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลังแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ได้มีผลในทางปฏิบัติควบคู่ไปพร้อมกับพ.ร.บ.งบประมารณปี 2553 ที่จะมีผลใช้ในวะนที่ 1 ต.ค. 2553 เชื่อว่าจะเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งนี้ยอมรับว่ารัฐบาลนี้ยังมีจุดอ่อนเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงานใน โครงการต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ช่องทางผ่านสื่อของรัฐ ต่อจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงให้ประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐให้มากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์และสิทธิของพี่น้องประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและรับการ บริการจากรัฐ

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ โฆษกพรรคเพื่อไทยวิจารณ์การลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ของนายกฯว่า ล้มเหลวเพราะต้องใช้กำลังคนรักษาความปลอดภัยมากเกินจำเป็นว่า การลงพื้นที่ของนายกฯถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องไปถามพี่น้องคนจ.บุรีรัมย์ที่มีความภูมิใจและยินดีต้อนรับนายกฯในครั้ง นี้ และชาวบ้านที่เข้าร่วมต้อนรับนายกฯเองก็พึงพอใจที่รัฐบาลได้ผลักดันโครงการ หลายด้านเพื่อผลประโยชน์ของชาวบุรีรัมย์ แต่อาจสร้างไม่พอใจให้กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่พยายามจัดตั้งและขัดขวาง ความเจริญที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ของตัวเอง ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการใช้เจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยให้นายกฯนั้น จะใช้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่มีการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงมาต่อต้านนายกฯ การลงพื้นที่ของนายกฯก็ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากมาย ซึ่งในครั้งต่อไปที่นายกฯมีแผนการจะลงพื้นที่ต่างๆทั่วทุกภูมทิภาค เช่น เชียงใหม่ ลำพูน อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยเองก็ควรส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงยุติความเคลื่อนไหวในลักษณะขัด ขวางการทำหน้าที่ของนายกฯให้ได้เสียก่อน และคงจะไม่มีการรักษาความปลอดภัยมากมายเท่านี้ ในครั้งหน้าเพราะธรรมชาติของนายกฯคนนี้ เป็นนักการเมืองที่เรียบง่าย ติดดิน ไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น

นายเทพไท กล่าวด้วยว่า ส่วนที่กล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เล่นบทพระเอกลอยตัวจากทุกปัญหา โดยไม่มีความรับผิดชอบใดๆนั้น เป็นเพียงการเล่นลิเกทางการเมืองนั้น ขอชี้แจงว่า นายกฯเป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบและกล้าตัดสินใจทุกปัญหา ไม่เคยปฏิเสธ ความรับผิดชอบใดๆ เห็นได้ว่าตลอด 6เดือนที่ผ่านมา นายกฯใช้วิธีการทำงานแบบตัดสินใจในลักษณะฟันธงทุกปัญหา ไม่เคยหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามจากสื่อมวลชนด้วยการเดินเลี่ยงหนีปัญหา และที่กล่าวหาว่านายกฯเล่นบทพระเอกการเมืองนั้น ก็ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์เป็นพระเอกการเมืองตัวจริงที่จะนำพาประเทศชาติพ้น วิกฤติต่างๆไปให้ได้ แต่ที่กล่าวว่าเป็นภาพลิเกการเมืองนั้น ขอปฏิเสธว่านายกฯไม่ใช่ลิเกการเมือง

อุบลฯประกันไม่มีปาอึรอบ 2

ด้านนายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่นายกฯเตรียมลงพื้นที่ จ.อุบลฯ ในวันที่ 23 ก.ค.ว่า ชาวอุบลฯจะไม่ประท้วงขับไล่หรือปาถุงอึเหมือนเมื่อครั้งที่เป็นฝ่ายค้าน ตนรับรองได้ชาวอุบลฯจะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี เมื่อถามว่า จะมีกลุ่มคนเสื้อแดงไปก่อกวนหรือไม่ นายสุพลกล่าวว่า เชื่อว่าจะทำความ เข้าใจกับคนเสื้อแดงในจังหวัดได้

เมื่อถามว่า การที่นายกฯลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์แล้วได้รับการต้อนรับอย่างดี จะกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตหรือไม่ นายสุพลกล่าวว่า คนบุรีรัมย์หรือคนอีสานเป็นคนที่แยกแยะได้ แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งคนอีสานเขาจะมีวิธีคิดอีกแบบหนึ่ง คนอีสานไม่ชอบคนพูดมากขี้โม้คิดเป็นแต่ทำไม่เป็น เราจึงไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไรเลยหากนายกฯจะลงพื้นที่อีสานบ่อยครั้ง การเลือกตั้งซ่อม 2 จังหวัดที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้ ส.ส.ในภาคอีสานเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิมแน่นอน

“ภูมิใจไทย”หนักใจ นายกฯไปเชียงใหม่ เชื่อเจอกลุ่มต่อต้าน

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความเสี่ยงในความปลอดภัยว่า คนที่เป็นนายกฯนั้นต้องลงไปยังจังหวัดต่างๆอยู่แล้ว เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และติดตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยตาของตนเอง โดยหลังจากที่นายกฯได้เดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ เห็นได้ชัดว่ามีการโยนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน และชาวบ้านก็ได้ประโยชน์ และเชื่อว่านายกฯลงไปในจังหวัดเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่นั้นจะได้ประโยชณ์เช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนน้อย ต้องออกมาต่อต้านและสร้างความวุ่นวาย  และการต่อต้านนั้นมันเป็นความขัดแย้งทางการเมือง  แต่ก็อยากที่จะวอนคนกลุ่มนั้น อย่าขัดขวางการลงพื้นที่ของนายกฯเลย เนื่องจากมันทำให้ชาวเชียงใหม่ ส่วนใหญ่นั้นเสียผลประโยชน์ ที่น่ายกจะลงไปพัฒนาให้

ทั้งนี้แต่ในส่วนของเรื่องการรักษาความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่นั้นต้องรับผิดชอบ ดังนั้นควรที่จะวางแผนตั้งแต่ตอนนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่วุ่นวาย

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาพูดว่าการสัมมนาที่บุรีรัมย์เป็นการจัดฉากให้นายกฯ  นายศุภชัย กล่าวว่าเรื่องนี้มันเป็นวิธีการพูดแบบที่เขาเรียกว่า “องุ่นเปรี้ยว” ซึ่งตนขอยืนยันว่าคนบุรีรัมย์นั้นตั้งใจที่จะออกมาต้อนรับนายกฯ แต่ตนก็เข้าใจพรรคเพื่อไทยนะ ว่าพอเป็นฝ่ายค้านก็คิดเรื่องอะไรในทางลบก่อนเสมอ ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยนั้นคิดในเรื่องที่ดีๆบ้าง จิตใจมันจะได้ไม่หมกมุ่น ชีวิตในพรรคจะได้มีความสุขกันบ้าง

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกฯขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง นายศุภชัย กล่าวว่า  โดยภาพรวมถือว่าโอเคแต่ยังมีปัญหาในเรื่องของการจัดสรรเวลา  เพราะเมื่อเทียบกับคิวงานที่นายกฯนั้นต้องทำ ซึ่งนายกฯนั้นน่าจะใช้เวลาการลงพื้นที่ในครั้งนี้ซัก 2 วัน

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์คมชัดลึก, เว็บไซต์ไทยรัฐ, เว็บไซต์เดลินิวส์, เว็บไซต์แนวหน้า