“สนธิ ลิ้มทองกุล” ให้ภาคใต้-ตะวันออกเลือกข้าง “ประชาธิปัตย์” หรือ “พันธมิตร”

ลั่นเลือกประชาธิปัตย์จะได้ "สุเทพ" ย้ำ ASTV คือทีวีของประชาชน กล้าพูด ไม่กลัวอิทธิพล เป็นทีวีหลักในการให้ปัญญาคน ส่วนฟรีทีวีคือทีวีทางเลือกที่มีบันเทิงน้ำเน่า บอกผู้ชมเพื่อไม่ให้จอดำ ให้กินยาสมุนไพร ASTV แปรงฟันด้วยยาสีฟัน ASTV ซักผ้าด้วยผงซักฟอก ASTV และกินข้าว ASTV

 

สนธิให้ภาคใต้-ตะวันออกเลือกข้างอยู่ “ประชาธิปัตย์” หรือ “พันธมิตร”
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทางเอเอสทีวี ดำเนินรายการโดยนางสโรชา พรอุดมศักดิ์นั้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้รับมอบเงินจำนวน 230,000 บาทจากพันธมิตรฯ ฉะเชิงเทรา ที่บริจาคให้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเอเอสทีวี หลังจากรับมอบนายสนธิได้กล่าวว่า แม้จะอยู่อย่างลำบาก จ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลา และค้างค่าสัญญาณดาวเทียม แต่เอเอสทีวียังมีความจำเป็นต้องอยู่ต่อไป เพราะพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
 
นายสนธิกล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนถึงถูกยิง ก็เพราะมีพี่น้องมาจำนวนมากมาร่วมต่อสู้ ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนมีปัญญาและมีอุดมการณ์ คนที่สั่งยิงเลยกลัว เราไม่เหมือนพวกเสื้อแดงที่เอาเงินซื้อได้ หรือถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรตายคนเสื้อแดงก็หยุด แต่สำหรับคนอย่างพวกเราเอาเงินซื้อไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามเคยมาขอซื้อเอเอสทีวี 500 ล้าน เราไม่ขาย เราไม่เหมือนเจ้าของสื่อบางคนที่พอนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ได้เป็นนายกฯ ก็เอากระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดี แล้วลงข่าวเข้าข้างพวกเสื้อแดง แต่พอพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลก็เอากระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีอีก แล้วก็ได้งบโฆษณาจากหน่วยราชการปีละ 60-70 ล้าน ซึ่งเราไม่ทำแบบนั้นแน่ เพราะเราได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า เราจะเดินเส้นทางนี้ เราจะเก็บเล็กผสมน้อย จากเงินบริจาคของพี่น้องบ้าง จากการขายสินค้า ผงซักฟอก ข้าวสาร น้ำปลาบ้าง จากค่าสมัครสมาชิกข่าวเอสเอ็มเอส จากกำไรการขายปุ๋ยอินทรีย์ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แบ่งให้บ้าง เราเดินแนวทางนี้ เพื่อเป็นสื่อหลักในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่พี่น้อง
 
 
“นี่คือโทรทัศน์ของประชาชน ของประชาชนจริงๆ มันถึงเป็นโทรทัศน์ที่กล้าพูดไง ไม่กลัวอิทธิพล เป็นโทรทัศน์หนังเหนียว โดนเข้าไปเกือบ 200 นัด ยังไม่ตาย เขาเรียกโทรทัศน์หนังเหนียว ใช่ไหมพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วผมก็เลยคิดว่า อันเดียวที่เราจะทำได้นอกจาก sms แล้วก็คือ สินค้าที่เข้ามาในเอเอสทีวี นะครับ ผมกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในห้องส่ง และพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ที่บ้าน กำลังดูเอเอสทีวีอยู่ อันเดียวเท่านั้นเอง เราต้องหาสินค้าที่มีคุณภาพ ที่พ่อแม่พี่น้องต้องใช้ทุกวัน กะปิ น้ำปลา ยาสระผม ผงซักฟอก ข้าวสาร ซอสหอยนางรม ซอสเห็ดหอม ว่ากันไป ยาสมุนไพร สบู่สมุนไพร ซึ่งพี่น้องต้องซื้ออยู่แล้วจากเทสโก้ โลตัส จากเซเว่น-อีเลฟเว่น ก็อีกหน่อยก็ซื้อจากเอเอสทีวี ช็อป บางอันมีกำไร ขาย 20 บาท กำไร 2 บาท บางอันกำไร 1 บาท บางอันกำไรเยอะหน่อยไม่เป็นไร สบู่สมุนไพรบางอันขาย 58 บาทราคาท้องตลาด อาจจะกำไรสัก 20 บาท แต่รวมๆ แล้วถ้าเรามี ASTV SHOP ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ อำเภอละร้าน แล้วของเราก็ส่งไปให้หมดเลย พี่น้องตื่นขึ้นมาตอนเช้า สบู่หมด ก็ตะโกน ไอ้หนูเอ็งไปซื้อสบู่ที่ร้าน ASTV หน่อย ถ้าพี่น้องทั้ง 76 จังหวัดช่วยกันอย่างนี้ ASTV อยู่ได้เลย อยู่ได้จากรายได้ของการขายสินค้าอุปโภคบริโภค ผมก็เลยอยากจะฝากพ่อแม่พี่น้องทั้งที่อยู่ในห้องส่ง ทั้งที่อยู่ต่างจังหวัด ว่าอีกไม่นานเราก็ต้องเริ่ม ASTV SHOP แล้ว เพราะว่าการตั้ง ASTV SHOP ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องการ ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องการจะทำ แต่เราไม่มีทางเลือก เราต้องทำมาค้าขาย เราคนทำโทรทัศน์ ไปขายสบู่ ขายน้ำปลา ขายข้าวสาร ขายซีอิ้วได้อย่างไร แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เมื่อพี่น้องรัก ASTV แล้วรู้ว่า ถ้าไม่มี ASTV กระบวนการพิทักษ์ราชวงศ์ ปกป้องชาติของเราก็ไม่เกิดขึ้นใช่ไหมพี่น้อง ไม่มีวันจะรวมตัวพ่อแม่พี่น้องได้
 
ปุ๋ยของพี่ลอง ปุ๋ยขวัญดิน ใครก็ตามที่ซื้อปุ๋ยไป เป็นการสร้างแผ่นดินใหม่ พี่น้องเข้าใจหรือเปล่า เพราะว่าในอดีตเราใช้ปุ๋ยเคมี จนกระทั่งดินมันแข็ง เดี๋ยวนี้ขุดดินต้องเอาไม้อีเต้อ เอาเหล็กอีเต้อขุด แต่ถ้ากลับไปใช้ปุ๋ยขวัญดินของพี่ลอง ซึ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ไม่มีผสม ไม่มีปลอม ใช้ 1-2 ปี 1 ปีดินจะกลับฟื้นฟูกลับไปสู่สภาพเดิม เพราะฉะนั้นใช้ปุ๋ยของพี่ลอง ASTV ขวัญดิน จะเป็นการซ่อมแผ่นดิน ซ่อมแผ่นดินแล้ว ASTV ได้ 30 เปอร์เซ็นต์จากพี่ลอง เอามาให้เราเพื่อมาทำ ได้กันทั้งคู่พี่น้องก็ได้ผมก็ได้ ทุกคนได้หมด”
 
นายสนธิกล่าวต่อว่า กรณีคนเสื้อแดงล่าชื่อเพื่อถวายฎีกาโดยไม่ถูกต้องนั้น ตนออกมาพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ 2 เดือนก่อน ว่าทำไม่ได้ แต่จะมีการยื่นเพราะต้องการจะทำให้เป็นประเด็นเพื่อที่จะเล่นการเมืองกับ ในหลวง ตนได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้สื่อที่มีอยู่ทุกช่องชี้แจงทำความเข้าใจกับ ประชาชน แต่รัฐบาลก็ไม่ทำอะไร จนเรื่องมาถึงตอนใกล้จะฉิบหาย และมาเพิ่งจะขยับกันไม่กี่วันมานี้ โดยให้คนนั้นพูดที คนนี้พูดที นี่คือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพวกเขา ที่พวกเรารู้ทันเขาหมด
 
“ผมต้องสารภาพว่า วันที่ 3 สิงหาคม นั่งอยู่ในห้องทำงาน ผมก็มองไปข้างนอก หลังจากที่โดนฝรั่งมันขู่ว่ามันจะตัดสัญญาณ ไอ้น้องคนหนึ่งมันนั่งกินกาแฟกับผม บอก พี่ทำไมชีวิตพี่ต้องแบกประเทศไทยทั้งประเทศ ทำไมต้องแบก มันอยากปิด ให้มันปิดไป จอดำไป หนังสือพิมพ์มันไม่มีเงินซื้อกระดาษก็ไม่ต้องพิมพ์ ก็ทำแต่เว็บไซต์ พี่เลิกทีได้ไหม ในแวบหนึ่งที่มันพูด ผมบอก เออมึงก็มีเหตุผลเว้ย แต่พออีกแวบหนึ่งบอกว่า เฮ้ย กูทำอย่างนี้ไม่ได้หรอก แล้วพี่น้องทุกคนที่ตื่นมาทั่วประเทศไทย ที่เขาลุกขึ้นมา ตื่นมา ทำไมมันถึงยิงผมล่ะพี่น้อง พี่น้องยังไม่รู้อีกเหรอว่าทำไมมันถึงต้องยิงผม ก็เพราะว่าผมดันมีพี่น้องแบบนี้สิ ที่รู้ทันพวกมัน มันถึงต้องยิงผมไง เข้าใจไหม ทำไมไม่ยิงไอ้หัวหน้าเสื้อแดงล่ะ เพราะเสื้อแดงมันหมู มันง่าย เอาเงินเข้าล่อ ทักษิณตาย เสื้อแดงก็หมด ใช่ไหม แต่สนธิตาย พวกเราไม่หมด มันไม่มีอะไรเจ็บช้ำน้ำใจ พี่น้อง เจ็บช้ำน้ำใจ โคตรจะเจ็บช้ำน้ำใจ เมื่อมันหาว่าพวกเสื้อเหลืองนั้นเหมือนเสื้อแดง เป็นตัวป่วนประเทศ ผมแค้นจนพูดไม่ออก ผมนึกในใจ พ่อแม่พี่น้อง ว่าจนวันนี้คุณยังมองไม่เห็นอีกหรือว่าเราสู้เพื่ออะไร พี่น้องที่ติดตามผมจำได้หรือเปล่าว่าผมเคยพูดกับพี่น้องก่อน ล่วงหน้าทุกๆ ครั้ง ก่อนที่เรื่องจะเกิดขึ้น แอ้มเป็นพยานได้ เรื่องฎีกาพี่น้องจำได้ไหม ผมเคยออกทีวี เมื่อ 2 เดือนที่แล้วจำได้หรือเปล่า ที่ผมบอกว่าไอ้พวกนี้จะเอาการเมืองมาเล่นกับพระเจ้าอยู่หัว ผมบอกว่า มันรู้อยู่แล้วว่าขอถวายฎีกายังไงก็ไม่มีทางผ่าน เพราะว่ามันผิด แต่มันจงใจทำ เพื่ออะไร เพื่อที่มันจะได้ไปหลอกคนของมันซึ่งถูกหลอกมา ว่าพระเจ้าอยู่หัวนั้นไม่รักทักษิณ เข้าใจหรือยัง แล้วผมก็ตำหนิรัฐบาล ตำหนิทหาร ว่าทำไมไม่รีบหาทางป้องกัน ผมยังตำหนิคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ว่าคุณมีทั้งช่อง 9 ช่อง 11 คุณสามารถเรียกช่อง 3 ช่อง 5 ซึ่งเป็นของทหาร ก็ไม่ทำอะไร แล้วคุณปล่อยให้มันมาจนกระทั่งใกล้จะฉิบหาย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพวกคุณถึงขยับกัน คนโน้นออกมาพูดที คนนี้ออกมาพูดที มันช้าไปแล้ว เพราะมันเซ็นชื่อกันเป็นแสนๆ คนแล้ว
 
ทำไมผมต้องพูดก่อน 2-3 เดือนที่แล้ว เพราะผมเห็น นี่คือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพวกเขา สิ่งที่น่ากลัว เพราะว่าไม่ใช่แค่ผม พี่น้องทุกคนรู้ทันเขาหมด เมื่อรู้ทันเขาหมดแล้ว พี่น้องไม่ใช่คนที่อยู่ในโอวาทเขา ใช่ ไม่ใช่ นี่คือความเป็นสิริมงคลของสังคมไทย แต่เป็นความน่ากลัวของพวกเขา มันเป็นนิมิตหมายที่ดีของพวกเรา แต่เป็นฝันร้ายของพวกเขา เห็นหรือยังพี่น้อง” นายสนธิกล่าว
 
 
นายสนธิกล่าวว่า ที่น่าเจ็บใจคือ ยังมีการมองว่าคนเสื้อเหลืองก็เหมือนกับคนเสื้อแดงที่ทำความเสียหายให้กับ ชาติบ้านเมืองเหมือนกัน ทั้งที่มันต่างกันอย่างลิบลับ แถมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังบอกว่าไม่เคยรู้จักพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่พี่น้องพันธมิตรฯ ต้องเลือกข้างระหว่างพันธมิตรฯ กับประชาธิปัตย์ ไม่ใช่แค่เลือกข้างระหว่างเหลืองกับแดงเท่านั้น ขอให้พี่น้องภาคใต้ภาคตะวันออกเลือกให้ชัดเจนไปเลย
 
“ผมบอกพวกพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งนานแล้ว ผมบอกว่า ทำไมพวกคุณต้องเห็นพวกเราเป็นศัตรู เราเป็นมิตรพวกคุณ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จู่ๆ ออกมาพูดว่า ผมไม่รู้จักพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ ไม่มีบุญคุณกับผม ก็เพราะพวกคุณมาบีบพวกผมอย่างนี้นะซิ พวกผมถึงต้องเข้าสู่การเมืองใหม่ เดิมทีเราไม่ต้องการทำ การเมืองใหม่เกิดขึ้นเพราะคนบางคนในพรรคประชาธิปัตย์มันเลวทรามบัดซบ มันไม่ระลึกถึงบุญคุณคน มันเนรคุณต่อพันธมิตรฯ แล้วมันว่าพวกเสื้อเหลืองคือพวกที่ป่วนบ้านป่วนเมือง แล้วมันก็บอกว่า พันธมิตรฯ ทั้งหมดคือสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็เลยต้องบอก บอกว่าวันนี้ใครอยากอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ไปอยู่เลย ไม่ต้องมาแอบแฝงอยู่กับผม ถ้าใครเป็นพันธมิตรฯ มายืนข้างหลังผม แล้วเราเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อทำบ้านทำเมืองให้มันดีขึ้น พี่น้องที่ฟังผมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันออก หรือภาคใต้ ถ้ายังรักประชาธิปัตย์ เลือกไม่ถูก ไปอยู่ประชาธิปัตย์ วันนี้ถึงเวลาต้องเลือกข้างแล้ว ไม่ใช่เลือกข้างว่ายืนเหลืองไม่ยืนแดง แต่แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเลือกข้างเหมือนกัน คุณอยากได้ประชาธิปัตย์คุณไปอยู่ประชาธิปัตย์ แล้วคุณจะได้คนอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ มาตลอด” นายสนธิกล่าว
 
 
ในช่วงท้ายนายสนธิยังย้ำว่า ASTV เราจึงไม่ใช่สื่อทางเลือก แต่เป็นสื่อหลักที่ต้องดู ส่วนสื่อทางเลือกคือฟรีทีวีทั่วไปที่มีแต่ละครน้ำเน่า จะดูหรือไม่ดูก็ได้
 
“ขอบพระคุณมากครับพ่อแม่พี่น้อง ทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องให้ ASTV ไม่ว่าจะผ่านมาทาง SMS ไม่ว่าจะผ่านมาทางเมล็ดข้าว ไม่ว่าจะผ่านมาทางหยดน้ำปลา หรือผงซักฟอก ที่คุณเติมศักดิ์เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือว่าสบู่ หรือว่าอะไรก็ตาม เราระลึกเสมอว่า ASTV ไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของประชาชน และพี่น้องต้องจำเอาไว้ ASTV ไม่ใช่ทีวีทางเลือก ช่อง 3, 5,7, 9, 11 นั่นละคือทีวีทางเลือก เพราะ ASTV คือทีวีหลักในการให้ปัญญาคน ใช่ไม่ใช่พี่น้อง (ใช่ ใช่ ใช่) ให้จำเอาไว้พี่น้อง พี่น้องที่ฟังอยู่ทั่วประเทศไทยให้จำเอาไว้ว่า ASTV คือทีวีหลักที่ให้ปัญญา อยากดูทีวีทางเลือกที่มีบันเทิงน้ำเน่าให้ไปดู 3, 5,7, 9, 11
 
พี่น้องครับ คงต้องพอแล้วของชักขึ้นแล้วพี่น้อง องค์ชักลงแล้วพี่น้อง พอยืนอย่างนี้องค์มันลงพี่น้อง ขอบพระคุณทุกบาททุกสตางค์นะครับ และก็ยังไงก็ตาม สิ่งที่ ASTV ทำนั้นขอให้รู้ว่าเป็นไปเพื่อไม่ให้จอดำ ให้ปัญญาประชาชน พี่น้องจะซื้อของ ถ้าร้าน ASTV มีของขาย พี่น้องคิดถึง ASTV ก่อน ไหนๆ จะต้องกินข้าว จะต้องเหยาะน้ำปลา จะต้องซักผ้า จะต้องแปรงฟัน ให้คิดถึงยาสีฟัน คิดถึงน้ำปลา คิดถึงสบู่ แล้วเราจะเอาสมุนไพรมาขาย มีสมุนไพรที่ดีมาก เจ้าของสมุนไพรได้ อย.มาแล้ว เห็น ASTV สงสาร เขาขายตรงอยู่ เขาเอามาให้เรา เรากำลังเริ่มทำอยู่ สมุนไพรของคนแก่ ผู้ชายที่เป็นโรคไต ปัสสาวะไม่ค่อยออก ทานแล้วโรคไตจะหาย เป็นสมุนไพรไม่มีสารเคมี ทานแล้วเลือดสูบฉีดดี เราตั้งชื่อว่า พันธมิตรฯ ชูธง เพราะฉะนั้นแล้วกำลังเตรียม รวมทั้งสบู่สมุนไพร สบู่ดอกปี่บ ดอกปี่บรักษาฝ้า รักษาสิวหาย ของคนไทยทำ เป็นของบ้านโกมารภัจจ์ บ้านสมุนไพร ซึ่งเขาผลิตสมุนไพรอย่างดีออกมา แล้วเขาขายตรง เขาดีมาก เขายกทั้งหมดมาให้ ASTV แล้วติดยี่ห้อ ASTV แล้วเอาไปขาย คนที่คลอดลูกตามธรรมชาติ มีสมุนไพร กินวันละ 1 เม็ด ไม่มีสารเคมี จะเป็นการซ่อมแซมร่างกาย เพราะฉะนั้นแล้ว พี่น้องครับ ถ้าจะกินยาก็กินยาสมุนไพรของ ASTV ถ้าแปรงฟันก็แปรงด้วยยาสีฟัน ASTV ถ้าซักผ้าก็ซักด้วยผงซักฟอก ASTV กินข้าว กินข้าว ASTV นะครับพี่น้อง ขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องมากครับ กราบขอบพระคุณครับ” นายสนธิกล่าว
 
 
สมศักดิ์เผยความคืบหน้าพรรคการเมืองใหม่ สมเกียรติชำแหละตำรวจ
ในช่วงที่สองของรายการ มีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ และรักษาการหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมรายการ
 
ผู้ดำเนินรายการคือนางสโรชา สอบถามนายสมศักดิ์เรื่องความคืบหน้าของพรรคการเมืองใหม่ นายสมศักดิ์เปิดเผยว่า “การประชุมจัดตั้งสาขาพรรค 4 ภาค ตามกฎหมาย ก็สมบูรณ์แล้ว เมื่อสักครู่นี้เพิ่งมาจาก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ลงคะแนนกันสูสี คะแนนเท่ากันก็มี ต้องสลากก็มี นะครับ ก็ถือว่าเป็นสาขาที่ 7 แล้วก็ครบทุกภาค ตอนนี้ก็กำลังรณรงค์เรื่องให้พี่น้องได้ช่วยกันสมัครสมาชิก ซึ่งตอนนี้สมาชิกที่ กกต.รับรองแล้วก็ 3,000 กว่าคนแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็คิดว่าภายในเดือนสิงหาฯ นี้ก็คงจะครบ 5,000 เป็นอย่างน้อย ฉะนั้นในช่วงเวลานี้ก็อยากให้พี่น้องช่วยกันสมัครเข้ามานะครับ ถ้าได้วันละ 200 อีก 10 วันก็ครบแล้ว ฉะนั้นการประชุมใหญ่ก็คงจะไปตามเป้าที่เคยตั้งไว้ว่า จะทำให้เสร็จภายในสิ้นเดือนสิงหาฯ เมื่อมีครบ 5,000 กว่าคน มากกว่าไม่เป็นไร สมาชิกอย่างน้อย 4 สาขา 4 ภาค ก็สามารถจัดประชุมใหญ่ได้ เมื่อนั้นเราก็สามารถที่จะดำเนินการทางการเมืองได้ ส่งคนสมัครเลือกตั้งได้ ไม่ว่า อบต. อบจ. เทศบาล ทั้งนี้สมาชิกก็มีครบทุกจังหวัด 76 จังหวัด”
      
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวขอบคุณพันธมิตรฯ ทุกคนที่มาสมัครพรรคการเมืองใหม่ ต้องเดินทางมา แล้วต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 100 บาท ค่าบำรุงปีแรกอีก 220 นายสมศักดิ์ยังระบุว่า “ไปในต่างจังหวัดพี่น้องบอกว่าพรรคอื่นที่ผ่านมาเขาแจกเสื้อ แจกโน่น แต่พรรคนี้ต้องจ่ายตังค์ แต่ก็ยินดีที่จะสมัคร นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งครับ”
      
นางสโรชาสอบถามว่า มีพี่น้องถาม โดยเฉพาะจากทางบ้านจะถามมาเยอะว่าสมัครสมาชิกพรรคอย่างไร       นายสมศักดิ์ตอบว่า “ตอนนี้ใบสมัครก็อาจจะลำบากนิดหนึ่งนะครับในชนบท ก็คือต้องไปโหลดเอาจากเว็บไซต์ http://www.newpoliticsparty.net/ ซึ่งก็จะมีแบบฟอร์มใบสมัครอยู่ แล้วก็รูปถ่าย 2 รูป รูปถ่ายแล้วก็สำเนาทะเบียนบ้าน 2 สำเนา 2 ใบ ให้เจ้าตัวผู้สมัครรับรองว่าเป็นสำเนาถูกต้อง และก็สำเนาบัตรประชาชนหน้า-หลัง 2 ใบ รับรองว่าสำเนาถูกต้อง แล้วก็ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 100 บาท ค่าบำรุงปีแรก 220 บาท แล้วก็ที่สำคัญ นิ้วมือนะครับ นิ้วไหนก็ได้ ที่ต้อง เคยไปโรงจำนำไหมครับ หรือไปโรงพัก นิ้วเดียวนะครับ กดเข้าไปเลย แล้วก็นำมาส่งที่ส่วนกลางนะครับ ที่สำนักงาน ก็แค่นี้ล่ะครับ ก็ถือว่าสมัครได้ ก็ขอให้ช่วยกัน เพราะเชื่อว่าที่พวกเราไปเร็วเนื่องจากว่าเป็นมติของพี่น้องพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย บอกว่าให้มีพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ฉะนั้นพวกเราก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นพันธุ์ที่ทำอะไรเร็ว แต่รอบคอบ มั่นคง และชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ฉะนั้นก็ขอให้ช่วยๆ กันครับ”
       
นายสมศักดิ์ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้แกนนำพรรคมีการเดินสายเพื่อเปิดสาขาพรรค โดยวันที่ 10 ส.ค. จะไปเปิดศูนย์ประสานงานที่นครราชสีมา วันที่ 11 ก็จะไปเปิดอีกสาขาหนึ่งที่ จ.นครศรีธรรมราช ภาคใต้ แล้ววันที่ 23 ก็ลงที่เพชรบุรี หลังจากนั้นที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ อีสานตอนใต้ก็ไปที่ จ.สุรินทร์ ก็ฝากพี่น้องชาวสุรินทร์ไว้ด้วย แล้วภาคเหนือตอนบนก็จะเล็งๆ ไว้แถวเชียงใหม่ หรือเชียงราย
 
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวถึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ว่าเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เมื่อสิ้นระบอบทักษิณไปแล้ว ทุกคนก็ต้องรับกรรมของตนเองไป เพราะว่าระบอบทักษิณได้ออกแบบทางการเมือง ย้ายข้ามหน่วย เอาญาติมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ทหารสูงสุด เอาสามีของน้องไปเป็นปลัดกระทรวง ย้ายกลับไปกลับมาระหว่างกระทรวงแรงงาน กับกระทรวงยุติธรรม แล้วก็ย้ายตำรวจเพื่อสร้างรัฐตำรวจ ในที่สุด การออกแบบอย่างนี้มันเป็นการออกแบบที่ต้องถูกทบทวน เมื่อถูกทบทวนแล้ว คนที่ได้รับผลกระทบก็คือคนที่ถูกกดทับมานาน คำถามถึงนายตำรวจระดับสูงในวันนี้ก็คือว่า ในช่วงที่สมัคร สุนทรเวช กับสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ย้ายพัชรวาทออกไปแล้วตั้งคนอื่นรักษาการแทน ไม่เห็นมีการโวยวายเลย
      
“แล้วเขาก็ไม่ได้ตั้งคนนี้ด้วย รักษาการ แล้วทำไมมาโวยวายตอนนี้ เพราะว่ารัฐบาลหุ่นเชิดสมัคร รัฐบาลหุ่นเชิดสมชาย ในช่วงที่ย้ายพัชรวาทไปด่วน แล้วก็เอาพลตำรวจเอกท่านหนึ่งขึ้นมาแทน ก็มีลักษณะรักษาการเช่นเดียวกัน ที่ไม่โวยเพราะว่าคนในหุ่นเชิดถูกบงการมาว่าให้เอาคนนี้ แล้วก็ข้ามตัวเองไปอีก ก็ไม่เห็นโวยเลย แล้วคนที่รักษาการตอนนั้นก็กลับไปที่เดิม แล้วก็ดึงพัชรวาทกลับมา พอเขาตั้งคนใหม่แทน ทำไมมาโวยวายอีก”
 
นายสมเกียรติยังกล่าวว่า “ในวันนี้ตำรวจมีลักษณะเด่นอยู่ 4 อย่าง พูดก็เหมือนพูดซ้ำ ต้องขอโทษพี่น้องตำรวจด้วยนะ เฉพาะตำรวจที่ดีๆ ผมขอโทษด้วยนะครับ อันที่ 1 โครงสร้างของตำรวจเป็นโครงสร้างที่สร้างอาณาจักรตัวเอง ใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติปั๊บ สร้างอาณาจักรตนเอง สยายปีกเลย จะขึ้นตรงต่อกันหมดเลย อันที่ 2 เขาสร้างอาณาจักรของตนเองไม่ได้ เขาจะต้องไปร่วมมือกับพรรคการเมือง นักการเมือง ที่จะมาคุม สองกลุ่มนี้ก็เลยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน แล้วอันที่ 3 เป็นองค์กรที่มีลักษณะที่สูบทรัพยากรของชาติมามากที่สุด ผ่านกลไกที่คุ้นชิน คุ้นชินในการรีดไถประชาชน และอันที่ 4 เป็นองค์กรที่ตอบโต้ประชาชน ถ้าใครคิดอ่านจะวิจารณ์ตำรวจ หรือเล่นงานตำรวจ จะมีขบวนการมืดที่ตอบโต้ประชาชน สนธิ ลิ้มทองกุล คือเหยื่อ 1 ในหมื่น 1 ในพันคนในประเทศไทย ยกเว้นผมที่ยังเดินทางมาไม่ถึง เพราะฉะนั้นขบวนการที่ลักษณะเด่นที่เป็นด้อยของสังคมในสำนักงานตำรวจแห่ง ชาตินี่ ผมจึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชน เราเสียงบประมาณ 66,000-67,000 ล้าน แล้วก็เชิญชวนตำรวจชั้นผู้น้อย 180,000 คน มาร่วมกันปฏิรูป ผ่า แล้วก็รื้อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นตำรวจที่ดีของประชาชน เพราะว่าถ้าเราหวังพึ่งตำรวจใหญ่ๆ ไม่ได้หรอก เพราะว่าตำรวจใหญ่ๆ ใช้กลไกตำรวจชั้นผู้น้อยไปหาอยู่หากินแล้วก็ส่ง เพราะว่าระบบส่วยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาชนส่งส่วยมาให้ตำรวจ ตำรวจชั้นผู้น้อยส่งส่วยให้ชั้นผู้ใหญ่ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ส่งส่วยให้ฝ่ายการเมือง ระบบส่วยมันมีอย่างน้อย 3 ขั้นตอน เพราะฉะนั้นองค์กรนี้จึงเป็นองค์กรคนที่อยู่ในองค์กรนี้ถูกกดทับ น่าสงสารมาก ระดับสูงก็แย่งชิงกัน มาปาดน้ำหูน้ำตา ไม่ได้เป็นไอ้โน่นไอ้นี่ เมื่อก่อนอยู่ได้อย่างไร แล้วอันที่ 2 นี่ตำรวจชั้นผู้น้อยถูกกดทับมานาน เคยมีตำรวจเดินขบวนอย่างหนักในสมัยหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ซึ่งผมเป็นนักศึกษาเรียนที่ประสานมิตรอยู่ ในตอนนั้นจะมีนายตำรวจที่โดดเด่นคนหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยนามท่านในทางที่ดีนะฮะ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ ที่กล้าพาตำรวจประท้วงอย่างขนานใหญ่เพื่อให้มีการปรับปรุงโครงสร้าง จนเขาต้องถูกลอบสังหารโดยใช้รถบรรทุกชน นี่ก็คือเหยื่อของการตอบโต้ในองค์กรนี้ ซึ่งเป็นองค์กรที่น่าสงสารทั้งคนที่ถูกกดทับ และน่าสงสารประชาชนที่ถูกขูดรีดและถูกกระทำย่ำยีจากกลไกอันนี้ ที่เราเรียกว่า โครงสร้างขององค์กรมรณะ”
      
ช่วงหนึ่ง นางสโรชา ถามนายสมเกียรติว่า จริงๆ ควรจะย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นายสมเกียรติตอบว่า มีอย่างที่ไหน นายกรัฐมนตรีถูกกระทำย่ำยีผู้นำประเทศที่ไฟแดง ถ้าเป็นไฟเขียวก็โชคดี วันนั้นโชคร้ายมาเจอไฟแดง แล้วมาถูกจัดการที่กระทรวงมหาดไทยอีก ลากคอเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสะบักสะบอมออกมา รัฐมนตรีกลาโหมวิ่งจุกตูดกันหมด ประเทศไทยแล้วประชาชนจะปลอดภัยอะไร ผมอยู่เปลี่ยนวิกเป็นผู้หญิงไปแล้ว มันไม่ปลอดภัย แค่นายกรัฐมนตรีไม่ปลอดภัย ผู้นำต่างประเทศมาประชุมอาเซียน ผู้นำของจีนเขาถือมากศักดิ์ศรีประเทศเขาใหญ่ 1,300 ล้านคน มาเจอนักเลงกระจอกอย่างนี้ เขาแทบไม่อยากมาประชุมอีกเลย ถูกล่มไปเลยการประชุม แล้วจัดการไม่ได้ใคร พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 1.รักษาความปลอดภัยประชาชน รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ถวายการอารักขาพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ และราชวงศ์ ปรากฏว่า ม็อบบุกถึงวังไกลกังวลเลย พระตำหนักไกลกังวล นี่คือผลงานที่พิสูจน์ชัดๆ เอาภาพถ่ายมาออกเลย ม็อบอยู่ใกล้ๆ พระเจ้าอยู่หัว เป็นไปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่หน้าที่ของตำรวจถวายอารักขาพระเจ้าอยู่หัว นายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศที่มาประชุมมันจบแล้ว ทำใครไม่ได้เลยมาทำสนธิไง
 
นายสมเกียรติยังกล่าวว่า คนไทยไม่ค่อยคิดให้ลึก ตั้งข้อสังเกต กระทรวงมหาดไทยคือกระทรวงอะไร กระทรวงความมั่นคงภายในของทุกประเทศ แล้วคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนั้นถูกไล่ทุบไล่ตีอยู่ในกระทรวงที่มี ความมั่นคงที่สุด จบไหมครับ จบได้แล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก และวันนี้จับใครไม่ได้สักคน คนที่บุกเข้าไปทำลายพิธีประชุมอาเซียนซัมมิท +3 +6 ที่พัทยา ก็ยังจับใครไม่ได้สักคน แล้วเราจะอยู่อย่างไร ซึ่งมันรุนแรงมาก แต่ดูเหมือนปกติธรรมดา คือคนไทยเดี๋ยวนี้ใจถึง
 
 
สมเกียรติอัดคนเสื้อแดงกำเริบเสิบสาน ส่วนสมศักดิ์ไม่เชื่อจำนวนคนถวายฎีกา
ในช่วงท้ายของรายการ มีการสอบถามความเห็นกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงล่ารายชื่อขอถวายฎีกา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตกลงเกี่ยวกับการดูแลเหล่านี้ ทหาร ตำรวจ ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ขนาดจุฬาลงกรณ์ คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ นักวิชาการ ออกมาหมดแล้ว รู้สึกนายกฯ เพิ่งพูดเมื่อวานซืนนี้ คิดช้าจังเลย
 
และว่า “เรื่องนี้มันเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในการอภัยโทษ ก็รู้แล้ว นักโทษหนี ไม่ยอมมารับโทษ แล้วก็โจมตีกล่าวหากระบวนการยุติธรรม โจมตีศาลอีก แล้วจะอภัยตรงไหน แล้วคนที่จะอภัยก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัว ไม่ใช่เป็นเจ้าตัว คนอื่นทั้งนั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ซึ่งมันไม่ใช่เป็นการฎีการ้องทุกข์ว่าเดือดร้อน ถ้านี่ผู้เดือดร้อนเขาร้องทุกข์ได้ การถวายฎีกามี 2 แบบ ด้านหนึ่งก็ขออภัยโทษ ด้านหนึ่งก็ร้องทุกข์ อันนี้ขออภัยโทษและก็ยังไม่เคยมารับโทษ แล้วกระบวนการล่า ถามว่าล่าไปทำไม ล่าไปเพื่อเอาขบวนประชาชนมารับ แล้วผมก็เชื่อว่าลายเซ็นทั้งหมดน่ะไม่เป็นจริงหรอก เรานี่ทำงานเรื่องล่ารายชื่อมาเยอะมากแล้วนะครับ ไอ้เรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญ เรื่อง 20,000 ชื่อ กี่ชื่อนี่ ทำมาไม่รู้เท่าไรแล้ว ไม่ง่ายฮะ นอกจากไปเอารายชื่อเก่าๆ มาแปะๆๆๆๆ แล้วแห่กัน แหกตาผู้สื่อข่าว โดยไม่ตั้งคำถาม บอกว่าโอ๊ย นี่ล่ะมา 5 ล้าน 6 ล้าน 7 ล้าน แต่ไม่รู้ไปบอกเขาว่าอะไร ซึ่งมันไม่มีกระบวนการ มันไม่มีประเพณีปฏิบัติ
 
ฉะนั้นเรื่องนี้ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว เพราะว่าความล่าช้า การไม่ทัน คือความไม่ทันของรัฐบาล แล้วพอเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา จะนำไปสู่ความรุนแรงอีกรอบ เป็นไปได้นะ เป็นไปได้ถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วเสร็จแล้วก็เรียกว่ากว่าจะมาก็เริ่มสายแล้ว เพราะกระบวนนั้นผมก็รู้ว่าลึกๆ นักโทษชายตอนนี้เท่าไรเท่ากันแล้ว เพราะนักโทษชายวันนั้นผมดูแกผอมมาก ผอมมากนี่ผมก็คิดว่าคนทั่วไปเวลารู้สึกตัวเองว่าจะไม่ค่อยมั่นคงเท่าไรใน ชีวิต ทีแรกอาจจะหนืดๆ หน่อยนะ แต่ตอนนี้มันก็ต้องดับเครื่องแล้ว ยังไงก็ อาจจะคิดได้ก็ได้นะว่าเงินมันเอาไปไม่ได้ อะไรต่ออะไร นี่ผมวิเคราะห์ตามรูปการนะ ในฐานะที่เรียนทางด้านจิตวิทยามาบ้าง ผมว่านี่ก็เป็นประเด็น ฉะนั้นงานนี้จึงครึกครื้น กระบวนการพวกคนที่จะทำมาหากินนี่ไม่มีแล้วโอกาสทองแบบนี้ ที่จะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยที่เอาประชาชนที่ไม่รู้เรื่องเข้ามา ฉะนั้นรัฐบาลก็ควรจะใช้กลไกอะไร กฎหมายต่างๆ ที่เห็นว่าเขาทำไม่ถูกต้อง เพื่อสกัดเหล่านี้ แล้วไง นี่คนก็ออกมาหมดแล้ว คนออกมาแล้วยังกลัวอะไรอีกล่ะ พูดง่ายๆ ว่าทำถูกคนก็เชียร์ แล้วยังไม่ทำอีก แล้วจะทำตอนไหนล่ะ
 
ด้านนายสมเกียรติกล่าวในช่วงท้ายว่า “อยากจะขอความกรุณาพี่น้องประชาชนที่แข็งแรง ได้ช่วยกัน อย่าให้จอทีวีของประชาชนดับ อันนี้เป็นกลไกสำคัญอันเดียวที่มีพลังที่สุด การต่อสู้ที่มีพลังที่สุดก็คือการต่อสู้ผ่านระบบที่เราเรียกว่าแพร่ทั้งภาพ เสียง และความรู้สึก เราอาจจะได้ภาพและเสียงในทางอื่น แต่เราไม่ได้ความรู้สึก เราไม่มีส่วนร่วม คุณแอ้มได้ถามอย่างนี้นะฮะ ผมยกตัวอย่างนิดเดียวว่าการล่าลายเซ็น ที่บอกว่าเซอร์ไพรส์ เซอร์ไพรส์ก็คือการประชิดพระตำหนักไกลกังวล หลายคนเชื่อว่า 17 สิงหาฯ นี้ อาจจะมีการกำเริบเสิบสานประชิดอีก พระตำหนักหรือพระราชวังอีกแห่ง เมื่อกี้นายตำรวจท่านหนึ่งยศพลตำรวจตรีเขามาบอกผมว่า มีข่าวรายงานว่า กองกำลังที่สังกัดฝ่ายแล้วใช้เสื้อสีแดง กำลังจะปฏิบัติการทางสังคมที่ระบอบทักษิณเรียกว่าเซอร์ไพรส์ ทำให้ผมนึกถึงในเดือนเมษายน 2005 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทิร์น อิลลินอยส์ ศ.ดันแคน แมคคาร์โก ได้ไปเสนอ Thai Study ไทยศึกษา เรื่องประเทศไทย เขาบอกว่าระบอบทักษิณ หรือทักษิณ เป็นคนที่กล้าท้าทายพระราชอำนาจ แล้วทำให้คุณแอ้มกับคุณสนธิถูกถอดรายการ หลังจากดันแคน แมคคาร์โก เสนอปั๊บ รายการของคุณแอ้มกับคุณสนธิถูกถอดเลย แล้วถอดช่วงท้าทายพระราชอำนาจพอดีเลย
 
แล้วมีหนังสือของคุณอะไรนะ ประมวลใช่ไหมครับ เสนอเรื่องพระราชอำนาจ เพราะฉะนั้นผมจึงบอกว่าสิ่งที่ ศ.ดันแคน แมคคาร์โก เคยเสนอไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่นอร์ธอีสเทิร์นอิลลินอยส์ ยูนิเวอร์ซิตี้ คือสาระสำคัญที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง แนวรบยังไม่เปลี่ยนแปลง ที่มีการท้าทายพระราชอำนาจ แล้วการท้าทายคราวนี้เอาพลังประชาชนมาท้าทาย เมื่อก่อนระบอบทักษิณคนเดียวท้าทายเลย พูดไปเรื่อยเลย กระซิบ อะไร พูดไปเรื่อยเลย ไม่จงรักภักดีผีที่ไหนจะจงรักภักดี พูดเหน็บแนมไปเรื่อย ตอนนั้นเขาใช้คนของเขาคนเดียว แต่ตอนนี้เขาใช้มวลชนอันไพศาล 10 ล้าน อาจจะต้องเอา 100 หาร หรืออะไรหารผมไม่รู้ แต่อันนี้เขาใช้มวลชนในการท้าทายพระราชอำนาจด้วย ผมจึงอยากจะเรียกร้องพี่น้องประชาชนว่า กระบวนการนี้เป็นกระบวนการกำเริบเสิบสานในเรื่องพระราชอำนาจ ถ้าพี่น้องประชาชนหลงผิด หรือไม่ร่วมทางนี้ ผมว่าระบอบทักษิณจะอ่อนแอลง จึงอยากจะฝาก ไม่มีเวลาพูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว แต่รู้ว่ากระบวนการนี้คือกระบวนการท้าทายพระราชอำนาจ”
 
 
ที่มา: เรียบเรียงจาก

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท