Skip to main content
sharethis

เจ้าของ ‘NP Faster’ ออกโรงโต้ ยืนยันประหยัดจริง ทดสอบกับรถรุ่นใหม่แล้ว บางคันได้ถึง 30% เตรียมพิสูจน์ต่อหน้าสื่อมวลชนเร็วๆ นี้ ระบุเห็นใจคนรับรอง เหตุฝ่ายการตลาดรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาขึ้นเวบจนเกิดเรื่อง พร้อมเผยเตรียมฟ้องคนผ่าพิสูจน์โดยไม่รับอนุญาต

เจ้าของ ‘NP Faster’ ออกโรงโต้ ยืนยันประหยัดจริง ทดสอบกับรถรุ่นใหม่แล้ว บางคันได้ถึง 30% เตรียมพิสูจน์ต่อหน้าสื่อมวลชนเร็วๆ นี้ ระบุเห็นใจคนรับรอง เหตุฝ่ายการตลาดรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาขึ้นเวบจนเกิดเรื่อง พร้อมเผยเตรียมฟ้องคนผ่าพิสูจน์โดยไม่รับอนุญาต ด้านผศ.ล้านนาลำบากใจตกเป็นเป้าวิจารณ์ ระบุทดสอบเป็นวิชาการไม่ได้รับรองเพื่อค้าขาย เผยค่าทดสอบสองหมื่นไม่มีเปอร์เซ็นต์ คนใช้เนตวิจารณ์อื้อ เรียกร้องรัฐ-ต้นสังกัดตรวจสอบ
 
 
 
 
เจ้าของออกโรงโต้ ยันประหยัดจริง ทดสอบกับรถรุ่นใหม่แล้ว
กรณี NP Faster อุปกรณ์ที่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอ้างว่าช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ 10-30% ใช้งานด้วยการเสียบเข้ากับช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์ แต่เมื่อมีผู้ผ่าพิสูจน์ดูภายในกลับพบเพียงวงจรต่อไฟ LED ราคาไม่ถึงร้อยบาท ซึ่งต่อมาหนึ่งในผู้ทดสอบและลงนามรับรองได้ออกมาชี้แจง ตามที่ได้มีรายงานไปก่อนหน้าแล้ว นั้น ล่าสุดได้มีรายงานข่าวจากไทยนิวส์เผยแพร่ในในเวบไซต์ cm108.com ว่าทางกรรมการ หจก.เอ ฟาสเตอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า NP Faster ได้ออกมาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวแล้ว
 
โดย ปฏิยุทธ จตุรัตน์ หนึ่งในกรรมการ หจก.เอ ฟาสเตอร์ ได้แสดงความเห็นใจผศ.สมศักดิ์ อินทะไชย หนึ่งในผู้ทดสอบและรับรองที่ถูกโจมตี พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เคยติดต่อไปยังสถาบันการศึกษามีชื่อแห่งหนึ่งในกทม.ให้ทำการทดสอบแล้ว แต่ถูกเรียกค่าทดสอบถึง 2 แสนบาท ทางผู้ผลิตซึ่งมีทุนน้อยจึงได้มาติดต่อกับผศ.สมศักดิ์ ซึ่งคิดเพียง 2 หมื่นบาท โดยไม่ได้เรียกร้องเปอร์เซ็นต์จากการขาย แต่ต่อมาฝ่ายตลาดได้นำใบรับรองนั้นไปแสดงในเวบไซต์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนถูกโจมตีจากคู่แข่ง ส่วนกรณีที่มีผู้นำไปแกะดูโดยไม่ขออนุญาตนั้นจะดำเนินการฟ้องร้องกันต่อไป

กรรมการ หจก.เอฟาสเตอร์ ผู้นี้ยังระบุด้วยว่า ทางผู้บริหารและอาจารย์ผู้คิดค้นและผลิตอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันจะทำการพิสูจน์ NP Faster ว่าประหยัดน้ำมันจริงหรือไม่ ต่อหน้าคณะกรรมการและสื่อมวลชนแน่นอน ในเร็ววันนี้ ทั้งที่กทม.และเชียงใหม่ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ผศ.สมศักดิ์ออกมาระบุว่า อุปกรณ์นี้ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้แค่ 9-15% แต่ผู้ผลิตและจำหน่ายกลับอ้างว่าประหยัดถึง 30% ก็ได้รับคำตอบว่า ได้มีการทดสอบภายหลังกับรถรุ่นใหม่ ทั้ง HONDA TOYOTA และ ISUZU แล้ว ซึ่งบางคันประหยัดได้ถึง 30% ส่วนการจดสิทธิบัตรนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยยอมรับว่าเลขที่มีผู้นำไปเผยแพร่เป็นเพียงเลขที่คำขอเท่านั้น
 
ผศ.ระบุทดสอบเป็นวิชาการ ไม่เกี่ยวค้าขาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ผศ.สมศักดิ์ อินทะไชย หัวหน้าหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกล ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา หนึ่งในผู้ทดสอบและลงนามในเอกสารรับรองผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงถึงวิธีการทดสอบอุปกรณ์ดังกล่าว ก็ได้มีผู้โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ผศ.สมศักดิ์ตามหน้าเวบบอร์ดเป็นจำนวนมาก และมีหลายรายที่เรียกร้องให้ทางม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้อย่างจริงจัง
 
โดยล่าสุด ผศ.สมศักดิ์ ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยนิวส์ว่า หลังจากที่กรณีนี้เป็นข่าวออกไป คนใกล้ชิดต่างก็แสดงความเป็นห่วงตน ลูกสาวที่ทำงานอยู่ต่างประเทศก็โทรศัพท์มาสอบถามรายละเอียด ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับผู้ที่ด่าตนนั้นก็จะไม่ขอฟ้องร้อง และยืนยันว่าการทดสอบที่ทำนั้นเป็นวิชาการ ไม่ได้ไปรับรองเพื่อช่วยให้เอกชนนำไปค้าขาย และได้รับค่าใช้จ่ายในการทดสอบเพียง 2 หมื่นบาท ไม่มีเปอร์เซ็นต์จากการขายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนทางมหาวิทยาลัยจะสอบสวนหรือไม่ก็สุดแท้แต่ผู้บริหาร ซึ่งตนจะให้การตามความเป็นจริง ซึ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ ไทยนิวส์รายงานว่า ได้พยายามติดต่อชัยยง เอื้อวิริยานุกุล อธิการบดี ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เพื่อสอบถามว่าจะดำเนินการสอบสวน ผศ.สมศักดิ์หรือไม่ แต่อธิการบดีติดพิธีเปิดประชุมทางวิชาการ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net