Skip to main content
sharethis

ปลัดไอซีทีเล็งขออำนาจศาลปิดกั้น 8 เว็บ รวม “ประชาไท” ด้วย อ้างเป็นแหล่งเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงมาร์ค ลั่นถ้ามีการเผยแพร่อีกจะฟ้องหลายกระทง ด้านศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต ก.ไอซีที เผย ปิดไปแล้ว 18,390 เว็บ อ้างเป็นเว็บกระทบความมั่นคง 10,578 เว็บ

 
รัฐมนตรีไอซีทีลั่นคลิปมาร์คตัดต่อแน่นอน
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงกรณีการเผยแพร่คลิปเสียงที่มีเสียงคล้ายนายกรัฐมนตรี ว่า คลิปเสียงดังกล่าวมีความยาวประมาณ 3 นาที โดยได้เริ่มมีการเผยแพร่ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 26 สิงหาคม 2552 หรือช่วงเช้าของวันที่ 27 สิงหาคม 2552 ซึ่งกระทรวงไอซีทีไม่ได้นิ่งนอนใจกับการกระทำดังกล่าว และได้ดำเนินการส่งคลิปเสียงให้บริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับในระดับเอเชียแปซิฟิกตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า เป็น คลิปเสียงที่มาจากการตัดต่อเสียงอย่างแน่นอน จึงได้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการตัดต่อเสียงในช่วงใดบ้าง
 
ด้านนายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “จากการตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวไปแล้ว 80% พบว่ามีการตัดต่อเสียงอยู่ทั้งหมด 16 แห่ง และหากตรวจสอบครบทั้ง 100% คาดว่าจะพบจุดที่มีการตัดต่อเสียงประมาณกว่า 20 แห่ง ซึ่งจากการตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวพบว่ามีความผิดปกติที่ใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดหลาย ลักษณะ เช่น บรรยากาศและเสียงรบกวนมีความไม่คงที่ ไม่สม่ำเสมอ ถ้อยคำในคลิปเสียงไม่สมบูรณ์มีคำขาดหาย รวมทั้งรูปประโยคก็ไม่สมบูรณ์ จังหวะการอ่านไม่เป็นธรรมชาติ เป็นต้น”
 
 
เล็งขออำนาจศาลปิด 8 เว็บ พ่วง “ประชาไท”
ดังนั้น กระทรวงไอซีทีจึงได้ประสานกับทาง ISP และขออำนาจศาลเพื่อปิดกั้นการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวผ่านทางอินเทอร์เน็ตแล้ว 8 เว็บเพจ (URL) โดยปิดกั้นคลิปเสียงทั้งที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ประชาไท ยูทูบ และอื่นๆ ซึ่งหากพบว่ามีการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวผ่านทางอินเทอร์เน็ตอีก กระทรวงฯ จะดำเนินการเอาผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) (2) และ (3) ซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุป คือ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน รวมถึงเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ที่เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา จะมีความผิดตามมาตรา 14 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรานี้ทั้ง (1) (2) หรือ (3) ถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 14 (5) และได้รับโทษเช่นเดียวกัน
 
 
ระนองรักษ์เล็งเอาผิดทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญา
ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต หรือ ISOC ติดตามร่องรอยการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว โดยร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติค้นหาต้นทางแหล่งที่มาของการเผยแพร่และสืบค้นหาผู้กระทำความผิด ซึ่งขณะนี้ทราบเบาะแสการเผยแพร่แล้ว โดยกระทรวงฯ จะสืบค้นจนระบุตัวบุคคลผู้กระทำความผิดแล้วประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อขอหมายศาลเข้าจับกุมและดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอาญา เนื่องจากการกระทำดังกล่าวมีเจตนามุ่งหวังที่จะให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นภายในประเทศและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศด้วย”
 
อย่างไรก็ตาม หากการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวมีต้นทางการเผยแพร่อยู่ในต่างประเทศแต่ผลของการกระทำนั้นมาปรากฏอยู่ในประเทศไทยก็สามารถใช้กฎหมายไทยในการเอาผิดได้ และเมื่อมีการนำคลิปเสียงมาเผยแพร่ต่อในประเทศไทยก็จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายไทยเช่นกัน ส่วนกรณีการเผยแพร่ผ่านสัญญาณดาวเทียมของต่างประเทศนั้นกระทรวงฯ ไม่สามารถดำเนินการสกัดกั้นหรือรบกวนสัญญาณได้ กระทรวงฯ จะดำเนินการได้เฉพาะการเผยแพร่ผ่านดาวเทียมที่เป็นของประเทศไทย เช่น ดาวเทียมไทยคมเท่านั้น แต่หากมีการนำคลิปเสียงมาเผยแพร่ต่อก็จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
 
สำหรับกรณีที่จะมีการนำคลิปเสียงไปเผยแพร่ในการชุมนุมทางการเมืองนั้น ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้เข้าไปดำเนินการเอาผิด แต่ไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของกระทรวงไอซีที
 
 
ไอซีทีปิดไปแล้ว 18,000 เว็บ อ้างกระทบความมั่นคง 10,000 เว็บ
ส่วนการดำเนินการกับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลไม่เหมาะสมต่างๆ ของกระทรวงไอซีทีผ่านทางศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต หรือ ISOC นั้น ได้ดำเนินการไปแล้วรวม 18,390 URL แบ่งเป็นเว็บไซต์ที่กระทบกับความมั่นคง 10,578 URL เว็บไซต์ที่เผยแพร่ซึ่งข้อมูลเข้าข่ายลามกอนาจาร 7,690 URL เว็บไซต์ขายยา 50 URL และเว็บไซต์การพนัน 72 URL
 
 
สำรวจข่าว “ประชาไท” ยันไม่มีการปล่อยคลิปในเนื้อข่าว
สำหรับเว็บไซต์ข่าวประชาไท (www.prachatai.com) นั้น มีการนำเสนอข่าวการเผยแพร่คลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีการนำเสนอ 2 พาดหัวข่าวได้แก่ "มาร์ค" สั่งหาคนตัดต่อคลิปเสียงสั่งสลายม็อบ แฉคนเผยแพร่เครือข่าย บ.อดีตนายกฯ  โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์มติชน โพสต์ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. เวลา 02:17 น. และข่าว “มาร์ค” ระบุคนเผยแพร่คลิปเสียงตัดต่อออกไปมีความผิด  โพสต์ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. เวลา 22.15 น. โดยในเนื้อหาข่าวเป็นการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับสื่อมวลชนแขนงอื่นๆ ไม่มีการเผยแพร่ไฟล์คลิปเสียงใดๆ ตามที่กระทรวงไอซีทีระบุ ขณะที่ความเห็นท้ายข่าวก็เป็นเพียงการวิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้อ่าน
 
 
ชาวเว็บบอร์ดอภิปรายคึกคักตัดต่อหรือไม่-มีเตือนเรื่องแพร่คลิป
ส่วนในประชาไทเว็บบอร์ด (www.prachataiwebboard.com) มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้ามาตั้งกระทู้กรณีข่าวดังกล่าวจำนวนมาก มีการตั้งกระทู้เพื่ออภิปรายกรณีดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่คลิปเสียงดังกล่าวเริ่มถูกเผยแพร่ โดยในเว็บบอร์ดมีทั้งผู้แสดงความเห็นมีทั้งผู้ที่เชื่อว่าคลิปดังกล่าวเป็นคำพูดของนายอภิสิทธิ์ และผู้ที่เชื่อว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อ โดยต่างฝ่ายต่างอภิปรายเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง และตามยกหลักฐานมาสนับสนุนข้อสมมติฐานของตน
 
ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. เวลา 19.30 น. คุณ “NARAK” ได้ตั้งกระทู้หมายเลข 832034 หัวข้อ Clip เสียงลับ ของอภิสิทธิ์ เตือนผู้สนทนาในกระดานข่าวว่าคลิปเสียงที่มีการกล่าวถึงกันนั้นมีการตัดต่อจริงๆ และเตือนให้ผู้ทิ่คิดจะเผยแพร่คลิปต่อว่า “คิดให้ดีก่อนจะเล่นเรื่องนี้ เขาปล่อยมาล่อเป้าเราหรือไม่อย่างไร หรือต้องการเอาปลุกระดมคนฝ่ายเราเอง ซึ่งหากเป็นอย่างประเด็นหลัง ผมคงต้องบอกว่า หน่อมแน้มไปหน่อยครับ ได้ไม่คุ้มเสีย”
 
ขณะที่บางกระทู้เลี่ยงการเผยแพร่ลิ้งค์ของคลิปเสียง แต่นำเสนอข้อความที่เกิดจากการถอดคลิปเสียงโดยอนุกรรมการ ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์เดือนเมษายนของรัฐสภาแทน ซึ่งข้อความถอดเทปมีการเผยแพร่อยู่แล้วโดยสำนักข่าวทั่วไป เช่น คุณ mom_ ตั้งกระทู้หมายเลข 832339 หัวข้อ สำหรับ........ท่านที่ยังไม่ได้อ่าน/ ไม่ได้ฟังค่ะ !!... เมื่อ 27 ส.ค. เวลา 17.10 น. โดยนำข้อความถอดเทปดังกล่าวของที่เผยแพร่โดย พล.ต.ท.สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา ซึ่งตีพิมพ์ในเว็บไซต์เนชั่นทันข่าวมาเผยแพร่แทน
 
 
“สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ตั้งข้อสังเกตเป็นเทปปลอม
เช่นเดียวคุณ “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ได้ตั้งกระทู้หมายเลข 832939 หัวข้อ ไม่มีผู้ปกครองที่ไหน แม้แต่อภิสิทธิ์จะบ้าพอที่พูดว่า"ผมจึงสั่งให้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับผู้ชุมนุม" ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. เวลา 11.55 น. เตือนว่า “ผมฟังเทปดังกล่าวเพียง 30 วินาที ก็ทราบว่า นี่เป็นเทปปลอม ตัดต่อมา” โดยสมศักดิ์ ให้เหตุผลว่าเป็นเทปปลอมว่า
 
“ไม่มีผู้ปกครองที่ไหน แม้แต่ อภิสิทธิ์ จะบ้าพอที่จะพูดว่า "ผมจึงสั่งให้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับผู้ชุมนุม" (วินาที 30)
 
1. ทุกคน ไม่ว่า จะเป็นใคร เผด็จการฟัสซิสต์ขนาดไหน จะทำอะไรก็ต้องบอกตัวเองได้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ชอบธรรม (morally just) อย่าว่าแต่คนที่มีภูมิหลังสมัยใหม่ เขาต้องบอกตัวเองได้
 
2. ในการพูดที่มีคนฟัง ถ้าเป็นคำสั่งที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการถูกเล่นงานได้ (ทางกฎหมาย, ทางการเมือง) ในภายหลัง ทุกคน ต้อง "รักษาตัวเอง" ไว้ในระดับหนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไรมัดตัวเองเด็ดขาดแบบนั้น
 
3. สำนวน "ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ" ไม่ใช่สำนวนของคนในวงการราชการ ไม่ว่าจะใคร
 
สมัย 3 ทรราช หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา มีการพบรายงานการประชุม ผู้ว่าฯ ที่ประภาสเป็นประธาน ก่อนเหตุการณ์ไม่นาน ตอนนั้น น.ศ.เริ่มมีการชุมนุมแล้ว ประภาสพูดตอนหนึ่งว่า "บางครั้งเราก็ต้องเสียสละบ้าง" คือ จะบอกว่า ถ้าจำเป็นต้องใช้กำลังกับผู้ชุมนุมแล้วมีคนบาดเจ็บล้มตาย ก็อาจจะต้อง "ยอมเสียสละบ้าง" โปรดสังเกตว่า แม้แต่ประภาส ก็ไมใช่คำตรงๆ (ประโยคเมื่อครู่ ที่ว่า "ถ้าจำเป็นต้องใช้กำลัง..มีคนบาดเจ็บล้มตาย.." เป็นการอธิบายของผม)
 
ทำไมอภิสิทธิ์จะต้องบ้า ใช้คำ ซึ่งไมใช่สำนวนของราชการอยู่แล้ว "ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับผู้ชุมนุม" ในเมื่อสามารถใช้คำประเภทนี้ได้ เช่น "ผมให้เจ้าหน้าที่รักษาความสงบโดยเข้มงวดเด็ดขาด" หรือ ถ้าจะให้แรงหน่อย ก็อาจจะ "ให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธได้ถ้าจำเป็น"
 
แม้แต่ 6 ตุลา "คำสั่ง" (ตามการบอกเล่าของ ศรีสุข อตร.สมัยนั้น ซึ่งความจริง ไมใช่ตัวจริงในการนำกำลังบุก) ก็ยังออกมาในลักษณะ "อนุญาตให้ จนท.ใช้อาวุธ ตอบโต้ ป้องกันตัวเองได้"
 
มีใครเคยได้ยิน ผู้บริหารที่ไหน ไม่ว่า พรรคไหน ทหารไหน ใช้คำประเภท "ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ" หรือ? มันไม่ใช่ภาษาราชการ ที่คนเหล่านี้มีชีวิตแวดล้อมอยู่ นี่ไม่เกี่ยวกับจิตใจเหี้ยมโหดหรือไม่ของคนนั้นเลย เป็นเรื่องของ วัฒนธรรมทางการเมือง และข้อจำกัดทางการปฏิบัติทางสังคม (ดูโดยเฉพาะข้อ 1 และ 2 ข้างต้น)
 
ชีวิตสมัยใหม่ ไมใช่ หนังกำลังภายใน ที่จะเล่นงานคนอื่น ก็สั่ง "ฆ่ามัน!!!" อะไรทำนองนี้
 
โดยสมศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า “ผมบอกตรงๆว่า อ่านเรื่องนี้มาหลายวันแล้วเซ็ง ในการสู้กับศัตรู อย่ามองว่า ศัตรู ต้องโง่เป็นควาย การประเมินศัตรูต่ำ และไม่เป็นจริง ไม่เป็นประโยชน์ใดๆในการต่อสู้เลย” (อ่านความเห็นของสมศักดิ์ทั้งหมดที่นี่)
 
 
หลายกระทู้เชื่อเป็นคลิปจริง
ขณะที่อีกหลายกระทู้ ก็มีผู้เชื่อว่าคลิปที่มีการกล่าวถึงกัน ไม่ได้ตัดต่อ เช่น กระทู้หมายเลข 832451 ที่ตั้งโดย คุณ Bugbunny หัวข้อ ทำงานเกี่ยวกับบันทึกเสียงผู้ประกาศมาพอสมควร ผมเห็นว่าไม่ใช่ตัดต่อ หรือกระทู้หมายเลข 833363 ตั้งโดยคุณ ลูกชาวนาไทย หัวข้อ เรื่องคลิปมาร์ก ผมเพิ่งได้ดู ผมคิดว่าคนทำไม่ใช่เซียนแต่อย่างใด คนทั่วๆ ไปก็ตัดต่อได้ โดยอธิบายว่า “คลิปนี้ ไม่ใช่การต่อคำ แต่เป็นการตัดจากคลิปบันทึกเสียงต้นฉบับที่ยาวกว่านี้ให้สั้นลง และตัดเฉพาะ "ประโยคที่เกี่ยวข้อง" คลิปนี้เป็นการ "ต่อประโยค" ไม่ใช่เป็นการต่อคำสลับคำแต่อย่างใด ประโยคราบรื่นได้เนื้อหา content สมบูรณ์ และเป็นคำพูดที่เป็นเหตุเป็นผลกัน ไหลรื่นตามผู้พูด ซึ่งเนื้อหาของประโยคสมบูรณ์”
 
ขณะที่คุณ Tuxedo ตั้งกระทู้หมายเลข 833409 เมื่อ 30 ส.ค. เวลา 22.11 น. หัวข้อ 2009-04-12 มาร์คประกาศภาวะฉุกเฉิน Complete Clip + วิธีพิสูจน์คลิปเสียงลับว่ามาจากแหล่งเดียวกัน โดยคุณ Tuxedo เชื่อว่าคลิปเสียงที่มีการกล่าวถึง เป็นการพูดที่เกิดขึ้นในที่ประชุมช่วงที่มีการประกาศ พรก.ฉุกเฉินในเดือนเมษายน โดยอาศัยการวิเคราะห์จากการดูรูปคลื่นเสียงเปรียบเทียบระหว่างคลิปเสียงดังกล่าว กับ คลิปช่วงที่นายอภิสิทธิ์ประกาศภาวะฉุกเฉินในเดือนเมษายน
 
 
ThaiRumors วิเคราะห์คลิปเสียงจากต้นฉบับ พบมาจากช่วงมาร์คออกทีวีเดือนเมษาฯ
ล่าสุดเมื่อ 31 ส.ค. เวลา 6.32 น. ผู้ใช้งานที่ชื่อ ThaiRumors ได้ตั้งกระทู้หัวข้อ 833483 == วิเคราะห์เจาะต้นฉบับ คลิปตัดต่อเสียงนายกฯอภิสิทธิ์ == อภิบายว่าคลิปเสียงที่มีการกล่าวถึงดังกล่าวจากการตรวจสอบถูกตัดต่อมาจากคลิปวิดีโอ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯที่ออกอากาศวันที่ 19 เมษายน และ 26 เมษายน 2552 โดย ThaiRumors ได้ถอดเทปคลิปเสียง และคลิปรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ เปรียบเทียบให้เห็นบางช่วงประโยคที่มีข้อความคล้ายกัน (ดูรายละเอียดทั้งหมดคลิกที่นี่)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net