Skip to main content
sharethis

นักจัดรายการชื่อดัง แจงเหตุสัมภาษณ์ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คือบุคคลที่ถูกมองและถูกกล่าวหาว่า เป็นสาเหตุแห่งวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทยเวลานี้  ก็ควรจะได้มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ตามหน้าที่ของสื่อ

7 ก.ย. 52 ‘จอม เพชรประดับ’ นักจัดรายการอิสระ เขียนแถลงการณ์ ขอยุติการจัดรายการทางคลื่นวิทยุอสมท. เอฟเอ็ม 100.5 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกอากาศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552 แจงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือบุคคลที่ถูกมองและถูกกล่าวหาว่า เป็นสาเหตุแห่งวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทยเวลานี้  ก็ควรจะได้มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และการสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่ลักษณะของการโฟนอินเข้ามาด้วยเหตุผลทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเป็นกิจจะลักษณะ นอกจากนี้เขายังระบุถึงความหวังไว้ในแถลงการณ์ ให้สังคมไทยร่วมกันหาหนทางที่จะหันหน้าเข้าหากัน มาพูดคุยกัน และร่วมกันสร้างความปรองดอง ความสามัคคีให้เป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งเดียวกัน  เพื่อให้ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราทุกคน ได้ก้าวพ้นวิกฤตทางการเมือง

การออกแถลงการณ์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ ในฐานะผู้กำกับดูแล อสมท. แสดงความไม่พอใจและขอให้ผู้บริหาร อสมท. ได้ชี้แจงถึงการปล่อยให้มีการสัมภาษณ์อดีตนายกฯ

0 0 0

แถลงการณ์
‘จอม เพชรประดับ’
กรณีการสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ทางรายการวิทยุ เอฟเอ็ม 100.5 อสมท.
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552
 
 
 
กระผมนายจอม เพชรประดับ นักจัดรายการอิสระ ขอเรียนให้ทุกท่านทราบ กรณีการสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เม็กกะเฮิร์ซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552 ที่ผ่านมาโดย ขอยืนยันว่า ผมได้ปฎิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วยเจตนาที่จะดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ความถูกต้อง รวมทั้งสร้างความเข้าใจ ในข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประชาชนผู้รับข้อมูลข่าวสาร ได้พิจารณาตัดสินใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น  และเพื่อแสดงถึงหลักการแห่งความเป็นอิสระและเสรีภาพของสื่อสารมวลชน   
 
ผมไม่ได้เจตนาที่แอบแฝงใดๆ ที่หวังจะทำร้าย หรือสร้างความเสียหาย หรือประสงค์ที่จะให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อรัฐบาล หรือขั้วการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ซึ่งเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์นี้ของผม  ผมก็ได้ยืนยันไปแล้วในรายการ ก่อนที่ผมจะเริ่มสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
 
หากจะพิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรม โดยการฟังการสัมภาษณ์ตลอดทั้งรายการ ก็จะพบเจตนาที่แท้จริงของผม โดยผมหวังว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือบุคคลที่ถูกมองและถูกกล่าวหาว่า เป็นสาเหตุแห่งวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทยเวลานี้  ก็ควรจะได้มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริง (แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมองว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นข้อเท็จเสียมากกว่าข้อจริง แต่หน้าที่ของสื่อมวลชน ก็ไม่อาจจะไปตัดสินหรือสรุปได้เช่นนั้น ) และการสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่ลักษณะของการโฟนอินเข้ามาด้วยเหตุผลทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเป็นกิจจะลักษณะ
 
ผมมีเป้าหมายอย่างแรงกล้าที่จะให้สังคมไทยได้ร่วมกันหาหนทางที่จะหันหน้าเข้าหากัน มาพูดคุยกัน และร่วมกันสร้างความปรองดอง ความสามัคคีให้เป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งเดียวกัน  เพื่อให้ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราทุกคน ได้ก้าวพ้นวิกฤตทางการเมืองที่กำลังเกาะกินชาติบ้านเมืองของเราอยู่ในเวลานี้ให้ได้
 
แต่หากเจตนาบริสุทธิ์และความหวังที่จะให้เกิดความเป็นธรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้าใจของคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งการยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้องแห่งวิชาชีพของผม  ถูกแปรความหมายไปเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง หรือกลายเป็นประเด็นเพื่อนำไปต่อสู้กันทางการเมือง ผมรู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
 
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผู้บริหาร หรือพนักงานของ อสมท. คนหนึ่งคนใด ต้องมารับผลกระทบกับสิ่งที่ผมได้กระทำลงไป ผมขอแสดงความรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว โดยการขอยุติการจัดรายการทางคลื่นวิทยุอสมท. เอฟเอ็ม 100.5 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
 
แม้ว่าตลอดเวลาเกือบปีที่ผมได้ทำงานร่วมกับผู้บริหาร และพนักงาน อสมท. ผมได้รับเกียรติ และได้รับความไว้วางใจอย่างดีเยี่ยมตลอดมา ต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ อสมท.อีกครั้ง และต้องกราบขอโทษผู้บริหาร และพนักงาน อสมท.ทุกท่านด้วยเช่นกัน ที่ต้องทำให้ลำบากใจในการกระทำของผมครั้งนี้
 
 
                                                                               ขอแสดงความนับถือ
                                                                                จอม เพชรประดับ
 
                                                                                         ที่บ้าน
                                                                                  7 กันยายน 2552
 
สาทิตย์สั่งสื่อรัฐ แบนทักษิณ ห้ามมีอีกเด็ดขาด
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่ารัฐบาลไม่พอใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามายังรายการวิทยุคลื่น 100.5 อสมท. เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ว่าข่าวที่ออกมาผิดพลาด ทั้งที่บอกว่ามีหน้าห้องของตนไปขอไฟล์เสียง หรือตนหงุดหงิดถึงขั้นโทรศัพท์ไปสอบถามนั้น ยืนยันว่าไม่มี เรื่องนี้ได้มีการประชุมผู้บริหารเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานให้ตนทราบเบื้องต้นในฐานะที่กำกับดูแล อสมท.แล้ว ตนเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนและไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงาน แต่กรณีดังกล่าวนี้แตกต่างจากกรณีทั่วไป

นายสาทิตย์ กล่าวว่า การที่นายจอม เพชรประดับ ผู้จัดรายการให้สัมภาษณ์ว่า ทำหน้าที่สื่อ และสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำฝ่ายค้านก็เคยสัมภาษณ์เช่นกัน ตนต้องบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายอภิสิทธิ์นั้นต่างกัน ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะเป็นนักโทษหลบหนีอาญาแผ่นดิน และมีหมายจับรวมถึงหมายจับที่ผ่านตำรวจสากลทั่วโลกด้วย เป็นบุคคลที่ต้องการตัวของทางการไทยเพื่อให้กลับมารับโทษตามกระบวนการ ยุติธรรม ดังนั้นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เวลาให้สัมภาษณ์จึงไม่ใช่นักการเมืองปกติ แต่เป็นการให้สัมภาษณ์โดยเป็นปฏิปักษ์ต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยโดยตรง เป็นการประณามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการให้ร้ายประเทศไทย และเป็นการให้ร้ายกับสถาบันองคมนตรีด้วย ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องที่แม้ว่าตนจะเคารพการทำหน้าที่ของสื่อแต่ก็ต้องคำนึงถึงผลกระ ทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศด้วย

โดยเรื่องนี้แยกออกเป็นสองประเด็น คือ 1. กรณีรายการที่เกิดขึ้นแล้ว มีการให้สัมภาษณ์ไปแล้ว นายจอม ไม่ใช่พนักงานของ อสมท. แต่เป็นรายการของ อสมท. ดังนั้น ขอให้ อสมท.ไปดำเนินการภายใน ว่าจะจัดการอย่างไร แต่ประเด็นที่ตนได้ย้ำคือ กรณีที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า อสมท.ก็ควรจะมีมาตรการในการกำกับดูแลไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วง เหตุการณ์เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา 2. เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกไม่ได้ เพราะมีผลต่อสถานการณ์ของประเทศโดยตรง และเป็นเรื่องที่อาจทำให้สถานการณ์ซึ่งสงบเรียบร้อยอยู่แล้วเกิดลุกลามบาน ปลายได้

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า คิดว่าเรื่องนี้สื่อทราบดีอยู่แล้ว เช่น กรณีนักโทษประหารก่อนเข้าหลักประหาร ก็จะไม่มีการสัมภาษณ์เพราะการสัมภาษณ์นักโทษก็ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม การสัมภาษณ์นักโทษประหารก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน จึงสามารถถือปฏิบัติได้ และทุกฝ่ายก็รับทราบอยู่แล้ว ต่อข้อถามว่าจะถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแบนไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ แต่ใช้คำว่าต้องป้องกันและใช้ความระมัดระวังไม่ให้กรณีนี้เกิดขึ้นมาอีก เพราะอย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีใครรู้ที่อยู่แน่นอน การติดต่อเข้ามา การรู้ที่อยู่นั้น จะมีคำถามต่อมาอีกเยอะในทางกฎหมายว่ารู้และติดต่อกันได้อย่างไร และการมาพูดให้ร้ายประเทศไทย และกระบวนการยุติธรรม สถาบันองคมนตรี โดยผ่านคลื่นความถี่ของรัฐไทย ตนคิดว่าทุกฝ่ายทราบดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการกำหนดเงื่อนไขและระยะเวลาให้ผู้บริหาร อสมท.พิจารณาหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขให้เป็นเรื่องภายใน เพราะ อสมท.ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะเป็นสื่อมวลชน ที่เป็นองค์กรที่ใช้คลื่นความถี่ของรัฐในการดำเนินการ ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่การเข้าไปแทรกแซงสื่อแต่อย่างใด แต่เราจะปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แทรกแซงความสงบสุขของประเทศไทยโดยใช้สื่อของรัฐมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่ได้

ส่วนกรณีนายจอม ระบุจะขอรับผิดชอบเอง ไม่อยากให้ อสมท.ได้รับผลกระทบ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะนายจอมจะได้เข้าใจว่า การทำหน้าที่ของตัวเองมีผลกระทบอย่างไร ตนคิดว่าสามารถใช้หลักความรับผิดชอบทั่วไปได้ ความจริงนายจอม กับตนก็รู้จักกัน เคยคุยกัน แต่กรณีนี้มีผลกระทบจริงๆ ต่อข้อถามว่าจะเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้บริหาร อสมท.เหมือนกับกรณีสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกันเพราะของช่อง 11 เป็นเรื่องความบกพร่อง ที่เกิดจากการทำหน้าที่หลายครั้งติดต่อกัน แต่กรณี อสมท.นี้ ผู้บริหารใหม่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ไม่ครบอาทิตย์ด้วยซ้ำ ส่วนจะมีการถอดรายการของนายจอมออกจากผังรายการหรือไม่แล้วแต่ อสมท.

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net