วานนี้ (24 ต.ค.) สถาบันปรีดี พนมยงค์ ร่วมกับโครงการจัดงานครบรอบชาตกาล 110 ปี รัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ เปิดงาน “เทศกาลศิลปะนานาพันธุ์” อภิวัฒน์สู่สันติ: CHANGE TO PEACE ในวาระครบรอบชาตกาล 110 ปี รัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ณ หอประชุมพูนศุข พนมยงค์ ซึ่งปีนี้ถือเป็นงานเปิดนิทรรศการศิลปะประจำปี 2552 ที่ยิ่งใหญ่ภายใต้หัวข้อเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์อีกครั้งหลังจากได้เริ่มต้นกันมาเมื่อปี 2551 โดยที่ผู้เข้าร่วมจะได้พบกับการแสดงผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ จากศิลปินหลากหลายสาขา ทั้งนิทรรศการทัศนศิลป์ ปาฐกถาทางศิลปะ การแสดงละคร การแสดงดนตรี การแสดงสด การอ่านบทกวี การแสดงพื้นบ้าน และภาพยนตร์
การเปิดงานครั้งนี้เริ่มต้นเมื่อเวลา 14.00 น. ด้วยวิดีทัศน์การแสดงศิลปกรรมกลางแจ้งชุด “ประชาธิปไตยในแง่งาม” 100 ปี นายปรีดี พนมยงค์กับสังคมไทย ซึ่งจัดแสดงเมื่อวันที่ 10-14 พฤษภาคม 2543 บริเวณริมถนนราชดำเนิน ของศิลปินร่วมสมัยทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ จากนั้นเป็นการร้องจ๊อยซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของภาคเหนือ โดย แม่จำปา แสนพรม ครูเพลงล้านนา ในชื่อ “ธรรมปรีดี” ซึ่งแม่จำปากล่าวว่าธรรมในที่นี้หมายถึงธรรมศาสตร์ ของท่านปรีดี พนมยงค์
จากนั้นเป็นพิธีเปิดงาน โดย ตัวแทนของเสรีไทย 8 ท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ และสมาคมเตรียมธรรมศาสตร์-จุฬา อาสาศึก ปี 2488 ในส่วนตัวแทนศิลปินหลากรุ่นทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคร่วมด้วยศิลปินรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ได้ออกมาร่วมพูดถึงการจัดงานในครั้งนี้ซึ่งมีความหลากหลายของผลงานสมดังที่เป็น “เทศกาลศิลปะนานาพันธุ์” ภายใต้สังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย โดยเจ้าของผลงานกว่า 334 ชีวิต ซึ่งจะจัดแสดง ณ สถาบันปรีดี พนมยงค์ สุขุมวิท 55 ซอยทองหล่อ ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม - 11 พฤศจิกายน 2552
ต่อด้วยการแสดงปาฐกถาศิลปะกับการเมือง โดย พันพัสสา ธูปเทียน อาจารย์ภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการฉายภาพยนตร์สั้นเรื่อง THE RED BALLOON 1956 color 34mins. Film by: ALBERT LAMORISSE
นอกจากนี้ ในเทศกาลศิลปะนานาพันธุ์ในวันนี้ ยังมีการแสดงอ่านบทละคร “อ่านสันติภาพ” โดย “พระจันทร์เสี้ยวการละคร” กลุ่มคนละครร่วมสมัย และนักการละครหลายสิบชีวิต ซึ่งมีผู้สนใจเข้าชมราว 40 คน
สินีนาฏ เกษประไพ จากกลุ่มพระจันทร์เสี้ยวการละคร เล่าว่า ในเทศกาลครั้งนี้ พระจันทร์เสี้ยวการละครได้ร่วมแสดงงาน 3 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นแรกคือการอ่านบทละคร ชื่อ “อ่านสันติภาพ” โดยให้นักทำละคร 14 คน เลือกอ่านวรรณกรรมสั้นๆ และตีความตามความเข้าใจของแต่ละคน กลายเป็นงานละคร 12 เรื่อง ที่มีผู้ร่วมแสดงกว่า 50 คน ชิ้นที่ 2 คือ ศิลปะจัดวางภาพข่าวสงคราม บริเวณทางเดิน เป็น collage paper โดยเป็นภาพสงครามจากหลายที่ ทั้งนี้ ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง ติสตู นักปลูกต้นไม้ ที่พยายามหยุดสงครามด้วยดอกไม้ งานนี้จึงเอาภาพดอกไม้มาอุดตามภาพที่ไม่อยากเห็น หรือตามกระบอกปืน ซึ่งผู้ใหญ่อาจจะมองข้าม เห็นว่ามันเป็นได้แค่ความฝันของเด็กๆ และเดินข้าม เดินเหยียบมันไป และชิ้นที่ 3 คือ ละครหุ่นและสื่อผสม เรื่อง ติสตู นักปลูกต้นไม้ ที่จะแสดงในวันที่ 6-7-8 พ.ย. นี้ที่สถาบันปรีดีฯ เช่นกัน
เธอเล่าขยายความโครงการอ่านบทละครว่า เริ่มมาจากการอ่านบทละครเกี่ยวกับความรัก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ในชื่อ “อ่านความรัก” ในครั้งนั้น ได้เห็นความหลากหลายในการตีความ ความถนัดในการนำเสนอของนักการละครแต่ละคน และผู้ชมหลายคนโดยเฉพาะเด็กมหาวิทยาลัย ก็ได้ชมการแสดงที่ไม่ค่อยได้เห็นการอ่าน เป็นที่แปลกหูแปลกตาและน่าสนใจ หลายคนก็รู้สึกว่าดี เพราะเป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ชมและคนแสดง และเป็นที่เล็กๆ ที่ได้ทดลองแสดง โดยไม่ต้องติดกับรูปแบบ
ในส่วนความเชื่อมโยงกันของศิลปะกับสันติภาพ สินีนาฏแสดงความเห็นว่า ในแง่ส่วนบุคคล ศิลปะช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ทำให้มันละเอียดอ่อน สงบขึ้น ศิลปะยังทำให้ได้ฉุกคิด ตั้งคำถาม หาคำตอบ เข้าใจคนอื่น บนความคิดพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย อยู่ร่วมกันได้โดยปรับตัวเข้าหากัน
สำหรับการอ่านบทละครจะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 25 ต.ค.นี้ เวลา 13.00 น.และ 15.30น.
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา 18.30 น. ภายในหอประชุมพูนศุข พนมยงค์ฉายภาพยนตร์สั้น ชุด ฉันอยู่นี่ เซ็นเซอร์ที่รัก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)