2 พยานคดียุบไทยรักไทยอ้าง “สุเทพ” จ้างให้การเท็จคนละ 15 ล้าน

 

พัลลภนำ 2 พยานคดียุบ ทรท. แถลงข่าว
วันนี้ (16 พ.ย.52) โรงแรมเรดิสัน ถนนพระราม 9 เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมกับพยาน 2 คน คือ นายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคพัฒนาชาติไทย พยานผู้ให้การกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีทุจริตการเลือกตั้งด้วยการจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้พรรคไทยรักไทยถูกสั่งยุบเมื่อปี 2550 แถลงข่าวถึงเบื้องหลังการยุบพรรคดังกล่าวว่าเป็นผลจากการให้การเท็จต่อศาล
 
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวว่าการแถลงข่าวในครั้งนี้เพื่อคืนความเป็นธรรมให้พรรคไทยรักไทย กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จำนวน 111 คน ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าววันนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่สำนึกผิด ซึ่งการกระทำผิดต้องว่าตามกระบวนยุติธรรม
 
ด้าน พล.ต.ต.มณเฑียร กล่าวว่า จากการยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 พยานทั้ง 2 ได้แถลงข่าวและไปให้การต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้จ่ายเงินเพื่อให้ลงเลือกตั้งแข่งกับพรรคไทยรักไทย ซึ่งทั้งสองคนได้ทำผิดกฎหมาย ทุจริตแก้ไขข้อมูลของพรรคพัฒนาชาติไทย ในฐานข้อมูลนายทะเบียนพรรคการเมืองของ กกต.โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต.โดยทำการลบชื่อสมาชิกพรรคการเมืองบางคนออก  เพื่อใส่ชื่อบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เข้าไปแทน เพราะตามกฎหมายผู้ที่ลงสมัคร ส.ส.ได้ต้องเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 90 วัน แล้วพรรคประชาธิปัตย์จับได้และมีการแจ้งความดำเนินคดีคนทั้ง 2 จากนั้นได้มีการชักจูง ข่มขู่ จ้างวานให้ช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ให้การเท็จว่าพรรคไทยรักไทยจ้างลงสมัครเลือกตั้ง มิฉะนั้นจะดำเนินคดีคนทั้ง 2 และพรรคในข้อหาแก้ไขฐานข้อมูล กกต.
 
พล.ต.ต.มณเฑียร กล่าวด้วยว่า เวลานั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล และนายถาวร เสนเนียม รมว.มหาดไทย เป็นผู้วางแผนเพื่อล้มพรรคไทยรักไทย และข่มขู่ให้พยานทั้ง 2 ร่วมงานนี้ จนทั้งสองไม่สามารถทนได้ จึงต้องรับงาน แต่ขณะนี้ทั้งสองคนสำนึกผิด เพราะความจริงเพียงต้องการไม่ให้ถูกคดี แต่ต่อมาได้ถูก ป.ป.ช. ดำเนินคดี เขาจึงรู้ว่าถูกหักหลัง วันนี้จึงมาแถลงข้อเท็จจริงกับประชาชนเพื่อขอโทษ
 
 
แจง “สุเทพ” จ้างวานขึ้นให้การเท็จคนละ 15 ล้านบาท
ด้านนายสุขสันต์ อ้างว่า ถูกจ้างวานให้การเท็จโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยวันที่ 4 มี.ค.2549 มีคนที่รู้จักมาพบตนที่โรงแรมกาญมณีว่าหากอยากได้เงินสนับสนุนการเลือกตั้ง ให้พาหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคเล็กอีก 2-3 พรรค ไปพบนายสุเทพ ต่อมาวันที่ 15 มี.ค.ตนและนายชวการเดินทางไปพบนายสุเทพที่พรรคประชาธิปัตย์เวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันและนายสุเทพได้ขอความร่วมมือให้ร่วมทำงานโดยมีเป้าหมายยุบพรรคไทยรักไทย ด้วยการร่วมแถลงข่าวว่าพรรคไทยรักไทยจ้างวานส่งผู้สมัครดังเช่นที่นายสุเทพร่วมแถลงข่าวกับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าไปก่อนหน้านั้น และให้ยืนยันคำให้การดังกล่าวกับ กกต., อัยการสูงสุด และตุลาการรัฐธรรมนูญ
 
อดีตผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย กล่าวต่อมาว่าการทำงานดังกล่าวมีข้อตกลงในสัญญา 4 ข้อ คือ 1.นายสุเทพดูแลความปลอดภัยของตนและคนในครอบครัว 2.ช่วยเหลือเรื่องคดีความไม่ให้ได้รับโทษใดๆ 3.ให้เงินค่าจ้างคนละ 15 ล้านบาท และ 4.หากมีการเลือกตั้งใหม่จะส่งให้เป็น ส.ส.และหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจะได้รับตำแหน่งทางการเมือง หากไม่ร่วมทำงานด้วยก็จะถูกดำเนินคดีทางอาญา ในกรณีการปลอมแปลงเอกสารและแก้ไขข้อมูล กกต.
 
เขากล่าวด้วยว่าในตอนนั้นไม่มีทางเลือก เพราะได้เข้าไปอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ คุยกันถึงตี 1-2 จึงรับงานด้วยความจำเป็น และได้ต่อรองขอเวลากับนายสุเทพว่าขอไปคุยกับนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยก่อน แต่นายสุเทพบอกว่าไม่ต้อง แต่ให้เดินทางไปด้วยกันในคืนนั้นและพูดคุยกันตั้งแต่เวลา 02.00 น. ของวันที่ 16 มี.ค.จนถึงเวลา 04.00 น. ซึ่งนายบุญทวีศักดิ์ได้ขอคิดดูก่อน จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายบุญทวีศักดิ์ได้ จนวันที่ 18 มี.ค.นายสุเทพได้ให้ไปรับเงินค่าจ้างล่วงหน้าคนละ 1 ล้านบาท และรีบจัดแถลงข่าวให้ร้ายพรรคไทยรักไทยที่ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นรับตัวไป จ.สุราษฎ์ธานี ต่อด้วย จ.ภูเก็ต ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้ถูกควบคุมโดยนายสุเทพตลอด แม้แต่ในการไปให้การกับ กกต.หรือคณะกรรมการรัฐธรรมนูญ ทำให้เวลานั้นไม่สามารถให้การเป็นอย่างอื่นได้
 
“การที่ผมและคุณชวการมาเปิดเผยความจริงทั้งหมดในวันนี้ เพราะคุณสุเทพไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เรื่องเงิน เรื่องตำแหน่งทางการเมือง เรื่องการเป็น ส.ส.ไม่ได้ไม่เป็นไร แต่พวกผมต้องมาโดนคดีที่ ป.ป.ช.มีมติส่งศาลฎีกา และตามที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ว่าจะส่งศาลอาญาร่วมกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ก็แสดงว่าพวกผมถูกหลอกใช้งานให้เป็นเครื่องมือ” นายสุขสันต์ กล่าว
 
 
กราบขออภัยอดีตสมาชิกไทยรักไทย พร้อมยันคนกำลังจะติดคุกไม่พูดโกหกแน่นอ
ด้านนายชวการ อดีตผู้สมัครพรรคพัฒนาชาติไทย กล่าวว่าการเลือกลงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 พรรคพัฒนาชาติไทยดำเนินการตามลำพัง เพราะเห็นเป็นโอกาสของพรรคเล็ก เมื่อพรรคฝ่ายค้านบอยคอต และสังคมไม่เอาพรรคไทยรักไทย ไม่เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย และยืนยันตามคำพูดของนายสุขสันต์เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 และ 15 มี.ค.2549 รวมทั้งการพบกับหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยว่าเกิดขึ้นจริง
 
ทั้งนี้โดยส่วนตัวถูกนำมาเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงในเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.2549 โดยกล่าวว่าได้ร่วมวางแผนกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ แต่ขอเรียนกับประชาชนไทยว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีการร่วมกันวางแผนกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ไม่เคยพบ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเหยียบเข้าไปในพรรคไทยรักไทยบนถนนเพชบุรีตัดใหม่ในคืนวันที่ 2 เลย ส่วนภาพวงจรปิด 9 ภาพที่ปรากฏตนอยู่ที่กระทรวงกลาโหมนั้น ยอมรับว่าไปจริง แต่ไปเพราะติดรถไปกับเพื่อนที่ คือ นายทวี สุวรรณพัฒน์ ซึ่งเป็นนักข่าวเข้าไปทำธุระส่วนตัวในกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ซึ่งไม่ได้พบกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ และไม่มีการรับเงินกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ในวันที่ 3 มี.ค.ภาพที่ถูกนำมาใช้เป็นการตัดต่อข้อเท็จจริง
 
“ผมจำเป็นต้องออกมาบอกความจริงทั้งหมดให้สังคมได้รับรู้ว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นตั้งแต่ มีนาคม 2549 และสั่งสมเป็นวิกฤติจนถึงปัจจุบันนี้เกิดจากกระบวนการที่ไร้จริยธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบันภายใต้แผนสมรู้ร่วมคิดของนักการเมืองอีสานบางคนและทหารบางกลุ่ม เพื่อให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบ” นายชวการ กล่าว
 
อดีตผู้สมัครพรรคพัฒนาชาติไทย กล่าวต่อมาว่ายังไม่ทราบว่าเปิดเผยข้อมูลจะต้องถูกคนของพรรคประชาธิปัตย์ฟ้องอีกกี่สิบคดี แต่ก็ยอม เพราะรู้ว่ามีเขามีส่วนผิด โดยจะขอพึ่งกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ถูกเบี่ยงเบน และฝากกับสื่อมวลชนว่าหากไม่สามารถประกันตัวได้เพราะการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนใดก็ตาม หากต้องถูกกระทืบตายในคุก เขามีศัตรูอยู่แค่กลุ่มเดียวคือผู้ที่มีอำนาจรัฐในปัจจุบัน ที่จำเป็นต้องมาเปิดเผยในวันนี้แม้รู้ว่าเสี่ยง เป็นอันตราย และต้องเป็นศัตรูกับผู้มีอำนาจเพราะต้องการบอกกับสังคมและประชาชนว่าแท้ที่จริงใครกันแน่คือตัวการและใครคือผู้ที่ต้องรับผลจากการกระทำที่ฉ้อฉล บิดเบือนข้อเท็จจริง
 
“ผมขอกราบขอโทษต่ออดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทุกท่าน ที่การกระทำของผมทำให้ท่านต้องได้รับผลกระทบ และขอเรียกร้องว่าอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทั้งหมดควรที่จะออกมาเรียกร้องเพื่อทวงสิทธิความเป็นธรรม ความชอบธรรมคืนจากระบบที่ถูกบิดเบือนมาโดยตลอด”
 
“ผมยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชนทุกท่าน ยืนยันต่อหน้าไฟทุกดวงที่กำลังส่องหน้าผม การออกมาให้ข้อมูลกลับไปกลับมาผมย่อมจะได้รับโทษต่อตนเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อผมกำลังจะต้องติดคุก ผมขอให้ความจริงนี้ได้ปรากฎต่อสังคม ให้ได้รับรู้โดยทั่วกัน” นายชวการ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
 
 
อ้างมีหลักฐานบัญชีเงินเข้าในธนาคาร สามารถดูต้นตอได้
นายสุขสันต์ เปิดเผยด้วยว่า การที่กล้าออกมาระบุชัดเจนว่ามีคนจ้างวานเพราะมีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะเงินบัญชีที่เข้าในธนาคารกว่า 4-5 ล้านบาท โดยที่ไม่ทำงานอะไรอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ทำไมมีเงินเข้าบัญชีมากขนาดนั้น ขณะนี้ได้ให้ธนาคารได้ลงนามรับรองข้อมูลเงินในบัญชีแล้วว่าเพราะกลัวถูกลบ และจะนำมาเปิดเผยต่อไป ซึ่งบัญชีสามารถรู้ต้นตอที่มาของเงินได้ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุขอเข้าพบนายสุเทพ แต่เลขาส่วนตัวก็ไม่ให้เข้าพบ โทรศัพท์ไปหานายถาวร นายวิทยาก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์
 
ส่วนการที่ปล่อยเรื่องดังกล่าวให้เนิ่นนานมาโดยไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้ นายสุขสันต์กล่าวว่าเป็นเพราะยอมและรอความเมตตามาโดยตลอด แต่เมื่อมาโดนคดี ทั้งที่มีการรับปากว่าจะไม่มีคดี เพราะสามารถควมคุมได้ แต่ตอนนี้เขามีอำนาจแล้วแต่ทำไมเราต้องมาโดนคดี ทั้งที่ตอนยุบพรรคไม่ได้มีคดีติดตัว
 
“การรอคอยมันมีการสิ้นสุด สุดท้ายแล้วเรากำลังจะถูกฆ่าทิ้ง ด้วยการยืมมือกระบวนการยุติธรรมอีกครั้งหนึ่ง เหมือนกับที่เคยใช้กระบวนการยุติธรรมนี้บดขยี้พรรคไทยรักไทยบนข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เติมขึ้นมา ผมต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ชายแดน โทรศัพท์ก็ไม่ติดต่อ ไม่รับสาย สุดท้ายเมื่อผมโดนคดี ผมบอกกับตัวเองว่าถ้าจะติดคุกก็ขอให้ความจริงนี้มันได้ปรากฎออกมาว่าใครคือตัวการที่แท้จริง” นายชวการ กล่าวเสริม
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2550 ตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคไทยรักไทย รวมทั้งให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 พรรค มีกำหนด 5 ปี

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท