Skip to main content
sharethis

บัวแก้วยอมรับกังวลกัมพูชาไม่ให้เยี่ยมศิวรักษ์ กษิตแถลงเตรียมโทรศัพท์ถึงรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ขอเยี่ยมศิวรักษ์ด่วน พร้อมทนาย-ยา-แพทย์ เผยติดต่อครอบครัวหนุ่มวิศวกรแล้ว ส่งรองอธิบดีกรมกงสุลคุยถึงบ้านที่โคราช ยืนยันไม่เกี่ยวเลขานุการเอกสถานทูต-รัฐบาลไม่มีนโยบายจารกรรมข้อมูล

 

 
บัวแก้ว ยอมรับ กังวล กัมพูชาไม่ให้เยี่ยมศิวรักษ์
วานนี้ (16 พ.ย.) นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายศิวรักษ์ โชติพงษ์ วิศวกรบริษัทกัมพูชา แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส หรือ CATS ที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวว่า วันนี้ นายชโลธร เผ่าวิบูลย์ อุปทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้เดินทางไปกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อติดตามเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ หลังจากที่ได้เดินทางไปยังเรือนจำเพซอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์ได้ โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำระบุว่ายังไม่ได้รับคำสั่งให้อนุญาตเข้าเยี่ยมได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาในวันนี้จนถึงช่วงบ่าย ก็ยังไม่สามารถเข้าพบนายศิวรักษ์ได้ มีเพียงการตอบรับจากฝ่ายกัมพูชาว่าจะพิจารณาให้ แต่เราก็มีความกังวลอยู่ เพราะแม้แต่ข้อมูลขั้นพื้นฐานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งข้อกล่าวหานายศิวรักษ์ด้วยข้อหาใดก็ยังไม่ได้รับแจ้งมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากมีการแจ้งอย่างเป็นทางการ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมทนายความ หรือการต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป
 
 
กษิตแจงเตรียมสายตรง “ฮอร์นัมฮง” ขอเยี่ยม “ศิวรักษ์”
ต่อมาเวลา 17.40 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่กัมพูชาควบคุมตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรชาวไทย ว่า ตั้งแต่นายศิวรักษ์ถูกควบคุมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ลดละ และเพียรพยายามเป็นอย่างยิ่งในการติดต่อกับทางการกัมพูชา โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และกรมราชทัณฑ์ของกัมพูชา ในการขอเข้าเยี่ยมถามทุกข์สุขของนายศิวรักษ์ โดยจนถึงขณะนี้เรายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยม โดยเมื่อช่วงเช้า นายชโลธร เผ่าวิบูลย์ อุปทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ได้ไปที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา และได้พบกับอธิบดีกรมเอเชีย ส่วนตนนั้น ล่าสุดได้แสดงเจตจำนงไปที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาว่าต้องการโทรศัพท์สายตรงถึงนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังประเทศอิตาลี ในเวลา 18.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งตนหวังว่าตนจะได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับรมว.ต่างประเทศกัมพูชา เพื่อพูดคุยประเด็นการเข้าถึงตัวและเยี่ยมเยียนนายศิวรักษ์ ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ
 
นายกษิต กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนจะมีหนังสือถึง รมว.ต่างประเทศกัมพูชาด้วย เพื่อขอความร่วมมือในการที่จะให้มีข้อยุติในแง่หลักปฏิบัติของกฎหมายและหลักมนุษยธรรมว่าใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาใดๆก็ตาม จะต้องได้รับการเข้าถึงซึ่งการเยี่ยมเยียนของญาติพี่น้องหรือตัวแทน และได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี รวมถึงได้รับการดูแลด้านกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะได้รับทราบข้อหา และได้รับการจัดตั้งทนายความ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยจะต้องให้ความร่วมมือและประสานกับฝ่ายทนายความ, บริษัท สามารถ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และครอบครัวของนายศิวรักษ์ อย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการตามหลักปฏิบัติสากลโดยทั่วไป และที่สำคัญที่สุด เป็นเรื่องมนุษยธรรม ซึ่งเรากำลังรอคำตอบจากทางการกัมพูชา
 
รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นการประสานงานกับครอบครัวของนายศิวรักษ์ ซึ่งมีมารดาและญาติพี่น้องพำนักอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งทางกระทรวงฯได้คุยโทรศัพท์รายงานสถานะล่าสุดของนายศิวรักษ์ และรับฟังความห่วงใย ความร้อนใจจากครอบครัวของนายศิวรักษ์อย่างเต็มที่ โดยในช่วงบ่ายวันนี้(17 พ.ย.) ได้ส่งรองอธิบดีกรมการกงสุลเดินทางไป จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ และให้ข้อมูลประสานว่าจะร่วมดำเนินการอย่างไร
 
นายกษิต กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้พบกับนายเจริญรัตน์ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถฯ โดยตนได้รับฟังข้อคิดเห็นและประเด็นต่างๆจากทางบริษัทฯ ซึ่งเราให้การยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่ และประสานงานกัน สำหรับเรื่องของข้อกล่าวหานั้น เราได้มีหนังสือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยฯไปแล้วเพื่อขอทราบข้อกล่าวหาที่แท้จริง เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้รับคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรว่าคืออะไรกันแน่ ซึ่งเท่าที่ทราบก็เป็นข้อกล่าวหาผ่านทางสื่อ
 
เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศอ้างคำกล่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาที่ว่าทางการกัมพูชาอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเข้าพบนายศิวรักษ์ได้แล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. เป็นข่าวที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะข่าวที่ออกมาจากฝ่ายกัมพูชาต้องมีการยืนยันกัน เป็นเรื่องการตรวจสอบ แต่ตนไม่อยากให้มีการตื่นตระหนกตกใจเมื่อได้รับทราบข้อมูลใดๆ และไม่อยากให้เป็นเรื่องร้อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัยของตัวบุคคล และต้องการได้รับความยุติธรรมตามกระบวนการกฎหมาย เราพยายามด้วยความสุขุมตามหลักปฏิบัติสากลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
 
ส่วนประเด็นที่ว่านายศิวรักษ์มีโรคประจำตัวนั้น ได้รับการยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชามายังสถานเอกอัครราชทูตไทยฯว่าเขามียาทุกอย่างพร้อม ไม่ว่าจะมีโรคใด แต่เราอยากจะมีคนของเราเข้าไปสอบถามอาการ หรือจัดหาแพทย์เข้าไปหรือจัดเตรียมยาประจำที่นายศิวรักษ์ต้องการไว้
 
 
การช่วยเหลือไม่เกี่ยวการเมือง ยืนยันไทยไม่มีนโยบายจารกรรม
เมื่อถามว่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายกษิต ปฏิเสธทันทีและกล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ที่ชื่อคุณศิวรักษ์ อย่าไปโยงกับเรื่องอื่น และเขาเป็นพนักงานบริษัท ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
 
ต่อข้อถามกรณีของนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทยฯที่ถูกกัมพูชาขับออกจากกัมพูชา นายกษิต กล่าวว่า นายคำรบได้มารายงานตัวต่อทางกระทรวงฯ แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการคุยทางโทรศัพท์กับนายคำรบอยู่ตลอด และมีการสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตามหลักปฏิบัติทั่วไปหลังจากถูกขับไล่มา ก็ต้องมาบรรยายแก่กรมกองที่เกี่ยวข้องให้ทราบ ทั้งนี้ยืนยันว่านายคำรบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีของนายศิวรักษ์ เพราะข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไม่ใช่เจ้าหน้าที่จารกรรม เราต้องเชื่อในความซื่อสัตย์สุจริตของข้าราชการ และรัฐบาลไม่มีนโยบายเช่นนั้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net