Skip to main content
sharethis

3-4 ปีมานี้ สถานการณ์ทางการเมืองสังคมไทยสุกงอมจนทะลุเพดานไปหลายรอบ กระนั้นก็ยังไม่ถึงจุดที่ทุกอย่างจะคลี่คลาย บ้างก็ว่าเพดานที่สังคมไทยยังไม่เคยถึงคือ สงครามกลางเมือง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ถูกนัก เพราะสงครามกลางเมืองซึ่งหมายถึงคนในประเทศรบกันเองนั้นเกิดมาแล้วในสมัยที่มีองค์กรนำอย่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ยังไม่ต้องพูดถึงประวัติศาสตร์ที่ไม่ร่วมสมัยอย่างกบฏชาวนา กบฏผีบุญ

บ้างก็ว่า เส้นกราฟความขัดแย้งทางการเมืองจะพลิกกลับหรือถึงจุดโงหัวขึ้นก็ต่อเมื่อความไม่ชัดเจนบางประการในสังคมไทย ถูกทำให้ชัดขึ้น
 
แต่ไม่ว่าจะด้วยข้อสันนิษฐานหรือทฤษฎีแบบไหนก็ตาม ต่างก็มีข้อสรุปตรงกันว่า สังคมไทยขณะนี้ ไม่อยู่ในวิสัยที่จะมีใครหรือองค์กรใดคลี่คลายได้ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาที่ดีแบบไหน เป็นราษฎรอาวุโส หรือเป็นชาวบ้านทิ้งไร่ทิ้งนามาชุมนุม ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีใดไว้ข้างใน หรือไม่ว่าจะถอดสีเสื้อให้เห็นเนื้อหนังความเป็นมนุษย์กันแล้วก็ตาม
 
นั่นหมายความว่า “ประเทศไทยกำลังอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน” แต่แล้วยังไงล่ะ เป็นคำถามตัวใหญ่ที่ยังไม่มีใครกล้าตอบ
 
กระนั้นก็มีความพยายามที่จะตอบ
 
พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผาสุก พงษ์ไพจิตร  และธงชัย วินิจจะกูล ก็พยายามจะตอบ
 
ครับ ขออนุญาตแจ้งข่าวการจัดเวทีวิชาการ ‘THAILAND IN TRANSITION : A HISTORIC CHALLENGE AND  WHAT’S NEXT’ ซึ่งทางหลักสูตรการพัฒนาระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาพัฒนาสังคม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และมูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชนจัดขึ้น เพื่อระดมทุนส่วนหนึ่งใช้ในกิจการของมูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน ซึ่งก็คือต้นทางของเว็บไซต์ประชาไท
 
เชื่อหรือไม่ ในความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อ โครงการตามนโยบายที่ถูกเรียกว่า ประชานิยม ถูกใช้เป็นเหตุผลหนึ่งในการทำรัฐประหาร ทว่าโครงการต่างๆ เหล่านี้กลับยังอยู่แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนขั้วไปเป็นขั้วที่คณะรัฐประหารสนับสนุนไปนานแล้วก็ตาม นั่นน่าจะมีนัยสำคัญบางประการ แน่นอนคนที่มีบทบาทเบื้องหลังในนโยบายเหล่านี้และเป็น ‘ตัวจริง’ คนหนึ่งก็คือ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ คนที่ใช้ชีวิตและคิดอยู่กับไทยในอนาคตบนโลก มากกว่าไทยในปัจจุบัน
 
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคุณอยากจะเห็นโลกอนาคตอย่างแท้จริง และใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันได้อย่างไม่ต้องรออนาคตมากระทำกับคุณ หรือถ้าไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมนั้นได้ อย่างน้อยก็รู้ว่า เราโดนกระทำด้วยเรื่องและเหตุผลใด และหากจะตายหรือเจ็บปวด ก็จะไม่ตายหรือเจ็บปวดอย่างว่างเปล่าเกินไป แน่ละคุณต้องฟัง ธงชัย วินิจจะกูล นักประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยไม่แหลมคม การันตีด้วยคำป้ายสีสารพัด อันยืนยันได้ถึง ‘ความกลัว’ สัจจะและความจริง ที่นักวิชาการท่านนี้พยายามค้นหา
 
และผาสุก พงษ์ไพจิตร ก็คือนักวิชาการเศรษฐศาสตร์การเมือง ที่มีผลงานซึ่งได้รับการยกย่องมากมาย เป็นนักวิชาการวิพากษ์โครงสร้างอำนาจและเศรษฐกิจในยุคทักษิณ วิพากษ์รัฐประหาร และจะกระเทาะให้เห็นโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองที่เป็นอยู่ อันเป็นแก่นแกนใจกลางของปัญหาที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย
 
แน่ละ เราอาจจะคาดหวังได้ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แห่งพรรคประชาธิปัตย์ จะได้กล่าวถึงมุมมองของการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ที่คู่ขนานไปกับเทรนด์การรวมประชาคมโลก แต่อดีตที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ย่อมไม่ใช่แค่นักบริหารท้องถิ่น หรือมือวางด้านการต่างประเทศชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของไทย ว่ากันว่า ยังเป็น ‘ราชนิกูล’ คนหนึ่งที่สื่อต่างประเทศอยากจะได้คิวสัมภาษณ์
 
อย่าลืมนะครับว่า เวทีวิชาการนี้ชื่อว่า ‘THAILAND IN TRANSITION : A HISTORIC CHALLENGE AND WHAT’S NEXT’
 
แน่ล่ะ ไม่มีใครบังอาจคาดหวังว่า จะมีใครหรือทัศนะใดที่จะทำให้สังคมไทยเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่หากบางทีเราเห็นอนาคต และไปให้ไกลจากความขัดแย้งเฉพาะหน้า ก็น่าที่จะทำให้เราเท่าทัน และหันกลับมายืนอยู่บนสถานการณ์เฉพาะได้อย่างไม่ต้องกลัว หรือรู้ว่าจะรับมือ กระทั่งรู้ว่าจะเตรียมเยียวยาอะไรได้บ้าง
 
เวทีวิชาการนี้ จัดในวันที่ 8 ธันวาคม 2552 ด้วยบัตรราคา 2,000 และ 3,000 บาท เป็นเวทีภาษาอังกฤษ (โดยมีล่ามแปลภาษาไทย) ขณะนี้ขายไปเกือบจะเต็มความจุของห้องบอลรูม โรงแรมแกรนด์เชอราตัน สุขุมวิท หรือราวๆ 90 เปอร์เซนต์  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net