นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่านางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ได้ลงนามในจดหมายยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากที่นายศิวรักษ์ ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาให้มีความผิดฐานได้มาซึ่งข้อมูลความลับอันมีผลต่อความมั่นคงของชาติ ล่าสุดในวันที่ 11 ธ.ค. ทางกษัตริย์กัมพูชา พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์กัมพูชาได้พระราชทานอภัยโทษแก่ นายศิวรักษ์ แล้ว และมีรายงานว่าจะได้กลับมาในวันที่ 14 ธ.ค. 

ทั้งนี้เลขานุการการต่างประเทศของไทยบอกว่า ทางรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีกับนายศิวรักษ์และครอบครัวที่ได้รับอิสรภาพและสามารถเดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็ว 

ส่วนสาเหตุที่การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเพราะนางสิมารักษ์ ซึ่งยังอยู่ที่กรุงพนมเปญคงมีความร้อนใจ  และคงได้เร่งดำเนินการทุกอย่างให้เร็วที่สุด ซึ่งทางนายชวนนท์ก็แสดงความดีใจด้วยและได้ประสานหากนางสิมารักษ์ ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องใดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางกลับ หรือประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้นายศิวรักษ์ ก็ยินดีทำอย่างเต็มที่

นายชวนนท์กล่าวว่า เมื่อได้รับการพระราชทานอภัยโทษแล้ว  นายศิวรักษ์ก็ได้รับอิสรภาพตามที่ทุกคนได้รอคอยและพยายามช่วยเหลือนายศิวรักษ์ร่วมกันตั้งแต่ต้น โดยไม่สำคัญว่าเป็นผลจากจดหมายของนางสิมารักษ์ผู้เดียว หรือ เป็นผลจากเอกสารของพรรคเพื่อไทยด้วย

นายชวนนท์ บอกว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ตั้งแต่วันแรก โดยไม่แสดงความเห็นเรื่องที่ว่าจะเป็นฝีมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่

“ตั้งแต่วันแรกที่คุณศิวรักษ์ได้ถูกดำเนินการจับกุม เราก็ได้พยายามเข้าไปตรวจสอบว่าคุณ ศิวรักษ์ ถูกจับกุมอยู่ที่ไหน ด้วยข้อหาอะไร มีการเข้าเยี่ยมมอบยารักษาโรค เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม อาหารการกินต่างๆ ที่จำเป็น เราก็ดูแลตลอดจนถึงการแต่งตั้งทนายให้คุณศิวรักษ์ แต่เมื่อคุณแม่เห็นว่าเรื่องนี้คุณแม่อยากดำเนินการด้วยตัวเอง เราก็ยินดีและรอคอยสนับสนุนคุณแม่มาตลอดไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนวันนี้ได้รับอิสรภาพแล้วก็เป็นเป้าประสงค์เดียวกันกับทุกคนที่อยากเห็น วันนี้ถือว่าทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ขอให้คุณแม่กับคุณศิวรักษ์ได้เดินทางมาอย่างปลอดภัย” นายชวนนท์กล่าว

ส่วน กรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศและนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ตกเป็นเป้าถูกเรียกร้องให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าสิ่งที่นายคำรบดำเนินการเป็นการดำเนินการตามปกติไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายของกัมพูชา ทำตามกรอบเจ้าหน้าที่การทูต ไม่ได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ขัดต่อหลักกฎหมาย หรือจะเป็นการใช้ความพยายามเกินหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูล และบอกอีกว่า รัฐบาลอธิบายเรื่องนี้ได้

“คำพิพากษาเป็นเรื่องระหว่างศาลและคุณศิวรักษ์ เราก็ยอมรับคำพิพากษาและคุณศิวรักษ์ก็ยอมรับผิดไปแล้ว ก็ขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ก็จบไปแล้ว ในส่วนรัฐบาลเราก็ยืนยันไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำให้คุณศิวรักษ์ตกระกำลำบากเพราะเราไม่ได้มีคำสั่งจากกระทรวงฯ และคุณคำรบก็เล่าให้เราฟังทุกอย่างว่าดำเนินการทุกอย่างตามปกติตามหน้าที่”

นายชวนนท์ บอกอีกว่า ตนคิดว่าไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติแต่เป็นการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ทั่วไป ที่มีการหาข้อมูลประกอบการทำงานของเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกท่านเป็นเรื่องปกติ

ส่วนเรื่องที่นางสิมารักษ์ระบุว่านายคำรบมีส่วนทำให้ลูกชายของตนถูกดำเนินคดีนั้น นายชวนนท์ให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องความอัดอั้นจากหัวอกของคนเป็นแม่ แต่จนถึงตอนนี้นางสิมารักษ์คงสบายใจขึ้นแล้ว และคำพิพากษาของศาลกัมพูชา ไม่ได้มีอะไรพาดพิงกระทรวงการต่างประเทศ

 “ผมคิดว่าการที่คุณศิวรักษ์ให้การในศาลและสิ่งที่คุณคำรบดำเนินการก็เป็นเรื่องที่ตรงกัน ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ดูแล้วเป็นการโจรกรรม หรือเป็นเรื่องนำข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง แต่อย่างไรก็ดี ผมยืนยันนะครับว่า เมื่อมีการตัดสินของศาล ก็เป็นเรื่องระหว่างศาลกัมพูชาที่พิจารณาการดำเนินการของคุณศิวรักษ์ ซึ่งเราก็ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวไม่เข้าไปวิจารณ์ แล้วก็ยอมรับในคำตัดสินของศาลรวมทั้งขั้นตอนขอพระราชทานอภัยโทษซึ่งก็ลงเอยด้วยดีครับ” นายชวนนท์กล่าว

โดยเลขานุการการต่างประเทศของไทยเปิดเผยอีกว่า การที่นายศิวรักษ์ได้รับอิสรภาพก็ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายและไม่ควรจะนำมาโยงเป็นเรื่องการเมือง